คะแนนเลือกตั้ง 62 อนาคตใหม่ ธนาธร
ณ ตอนนี้เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ “ธนาธร” แห่งพรรคอนาคตใหม่กันอีกแล้ว ยิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือสายเกมเมอร์ ก็คงเป็นพรรคที่ดูแล้วโดนใจที่สุดในเวลานี้แน่ ด้วยนโยบายใหม่ตามเทรนด์เทคโนโลยีล้ำๆ และมุ่งแก้ปัญหาจากต้นตอที่คนรุ่นเก่าสะสมไว้เป็นหลัก ซึ่งไม่เคยมีใครนำเสนอเป็นนโยบายมาก่อน ก็ทำให้ธนาธรดูเป็นตัวเลือกเดียวที่เป็นความหวังให้กับคนรุ่นใหม่ในครั้งนี้ครับ
แม้ว่าจะดูเป็นพรรคที่น่าจะได้คะแนนเลือกตั้งจากคนรุ่นใหม่อย่างใสๆ แต่ว่าหนทางก็ไม่ได้ง่ายๆ แบบที่คิด จากตอนแรกที่ประเมิณกันว่าน่าจะไม่เกิน 10 ที่นั่ง แต่ไปๆ มาๆ กระแสดีทั่วไทยทำให้คะแนนไปไกลกว่าตอนแรกมาก การเลือกตั้งครั้งนี้แม้ทางพรรคจะบอกเองว่า ไม่มียุทธศาสตร์ แต่ในทางปฎิบัติก็ต้องพึ่งพาการกาคะแนนเสียงให้พรรคล้วนๆ ห้ามมีปันใจไปเผื่อที่อื่น เพราะพรรคตัวเลือกใหม่มีเยอะเหลือเกิน เราจะลองมาวิเคราะห์กันครับว่า คะแนนเสียงที่ธนาธรจะได้ มีสักเท่าไหร่กันแน่ในเวลานี้
ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจที่มา สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่เป็นเป้าหมายหลักที่พรรคอนาคตใหม่หวังไว้ จากการส่ง ส.ส. ครบทั้ง 350 เขต เพื่อโกยคะแนนมาเป็นเสียงไว้คำนวนให้ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ขออธิบายง่ายๆ ตามรูปด้านล่างที่เห็นดังนี้นะครับ ยิ่งพรรคที่ได้ ส.ส.เขตน้อย แต่คะแนนเสียงเยอะ สัดส่วนของ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จะได้เต็มๆ ไม่มีโดนหักลบแบบพรรคใหญ่ ซึ่งตรงนี้พรรคอนาคตใหม่ น่าจะเป็นพรรคที่ได้ประโยชน์จากกฎใหม่นี้มากที่สุดครับ
กระทรวงมหาดไทยได้เปิดเผย ยอดจํานวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 24 มี.ค. 51,419,975 คน เป็น ชาย 24,801,527 คน หญิง 26,618,448 คน สําหรับ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งช่วงอายุที่มีสิทธิเลือกตั้งมากที่สุด คือ ชาย วัย 26-45 หญิงวัย 26-45 เป็นจํานวนรวม 19,583,472 คน
ส่วนผู้เลือกตั้งเพศ ชายวัย 18-25 ปี และหญิง วัย 18-25 ปี ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก มีจํานวน 7,339,772 คน ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นฐานเสียงใหญ่สุดของธนาธร แน่นอนว่าตอนนี้กระแสมาแรงสุดๆ และก็เป็นพรรคเดียวที่ครองใจคนรุ่นใหม่ไว้ได้อยู่หมัด
จากตัวเลขนี้ ถ้าคิดแค่กลุ่ม New Vote ออกไปใช้สิทธิ์ 80% (ประมาณ 5.8 ล้าน) หักลบจากที่มีไปเลือกพรรคอื่นบ้าง แล้วได้คะแนนเสียงมาราวๆ 3 ล้าน ก็ทำให้ได้เสียง สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ประมาณ 37 ที่นั่งแล้ว (ขอใช้สูตร 8 หมื่น เป็นตัวหารให้ได้ สส.ปาร์ตี้ลิิสต์) แต่ที่ผ่านมากลุ่มอายุราวๆ นี้กลับเป็นกลุ่มคนที่ออกไปใช้สิทธิ์ต่ำสุดนี่แหละครับ ปัญหานี้อาจจะเกิดอีกครั้งก็ได้ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ ดูจากกระแสโซเชียลมีเดีย รวมถึงวันปราศรัยใหญ่เมื่อคืน จะเห็นว่าพลังในโซเชียลก็ออกมาล้นหลามแน่นฮอลล์เลยทีเดียว (แบบไม่ต้องจ้างมาด้วย)
นอกจากกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว กลุ่มวัยเกิน 25 ขึ้นไปจนถึง 34 ที่เป็นกลุ่ม “มิลเลนเนียม” ชีวิตติดอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมาโดยตลอด ก็เป็นพลังอีกส่วนหนึ่งที่มีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน จากที่แต่ก่อนไม่ค่อยมองอนาคตใหม่ ตอนนี้เปลี่ยนใจมาเลือกกันเยอะขึ้นมาก ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ก็มาจากกลุ่มเพื่อไทยเองที่โดนอนาคตใหม่ดูดคะแนนเสียงไป ซึ่งจากตัวเลขในตารางก็คร่าวๆ คนวัยนี้ก็มีหลัก 10 ล้าน อย่างน้อยๆ อนาคตใหม่ก็น่าจะได้มาสัก 1 ล้านซึ่งก็เท่ากับปาร์ตี้ลิสต์ 12 คนแล้ว (จากสูตรหาร 8 หมื่นเช่นกัน)
ส่วน สส.เขต แม้ว่าจะดูเหมือนยาก เพราะผู้สมัครหน้าใหม่ทั้งสิ้น แต่ถ้าดูจากยอดคนในแต่ละจังหวัด ที่มีคนรุ่นใหม่เยอะไม่ใช่น้อย เฉลี่ย 5 หมื่น ถึงแสนในบางจังหวัด ถ้ากลุ่มนี้พร้อมใจกันออกไปลงคะแนนเสียง แล้วเทให้อนาคตใหม่ การจะชนะ สส.เขต เก่าที่ได้เสียง 4-5 หมื่นต่อ 1 ที่นั่ง ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ อย่างขอนแก่น อุบลราชธานี มีหลักแสนทั้งชายและหญิง ยิ่งเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคตัวเต็งมากขึ้นในแต่ละเขตเพิ่มเข้ามาอย่าง พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย เสรีรวมไทย มาแบ่งเสียงเก่าจากคราวก่อนที่มีแค่ เพื่อไทย vs ปชป ไปมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้คะแนนที่ 1 ต่ำลงไปด้วยครับ โอกาสลุ้นมีแน่นอน ยกเว้นเขตที่คนรุ่นใหม่น้อยจนไม่พอทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
[bs-quote quote=”พรรคอนาคตใหม่น่าจะได้เสียงไม่น้อยไปกว่า 50 ที่นั่งขึ้นไป” style=”style-13″ align=”left” color=”#f79138″ author_name=”ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” author_job=”หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ” author_avatar=”https://www.playinone.com/wp-content/uploads/2019/03/220px-Thanathorn_J._cropped-1.jpg”][/bs-quote]
ซึ่งถ้าประมาณจากความเป็นไปได้ตอนนี้ พรรคอนาคตใหม่น่าจะได้เสียงไม่น้อยไปกว่า 50 ที่นั่งขึ้นไป ซึ่งก็กลายเป็นพรรคขนาดกลางทันที แต่แฟนๆ อย่าชะล่าใจกันว่ามีเสียงเยอะแน่ๆ นะครับ การที่จะให้พรรคอนาคตใหม่เข้าไปทำนโยบายตามที่หาเสียงไว้ได้ ต้องมีเสียงมากพอที่จะต่อรองด้วย ยิ่งมากกว่านี้ได้เท่าไหร่ ยิ่งเร่งพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้นเท่านั้น บางคนอาจจะคิดว่ายังไงก็ไปจับมือกับเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแน่นอน ซึ่งดูตามสูตรแล้วก็น่าจะจับมือกันตามนั้น แต่ว่าเพื่อไทยเองก็คงไม่ยอมปล่อยกระทรวงหลักให้อนาคตใหม่ง่ายๆ หรอกครับ ดังนั้นยังไงต้องเลือกอนาคตใหม่เท่านั้น ถึงจะทำให้พรรคมีพลังต่อรองพอ และเข้าไปทำงานได้ตามที่ตั้งใจไว้ครับ
แม้เสียงโดยรวมจะดูเยอะ แต่ก็ยังไม่ได้มากขนาดเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งต้องใช้ถึง 376 เสียง (นายกรัฐมนตรี ต้องมีเสียง ส.ส.+ส.ว. รับรอง มากกว่าครึ่งหนึ่งของรัฐสภาคือ 376 จาก 750 คน) ซึ่งต่อให้พรรคอนาคตใหม่ เพื่อไทย และอื่นๆ ที่อยู่กลุ่มเดียวกันรวมแล้วก็ยังไปไม่ถึงเสียงตรงนี้ ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์จะโหวตช่วย แต่คงเป็นไปได้ยากมาก ซึ่งก็เข้าสูตรทางพลังประชารัฐ ต้องใช้ 250 สว. สรรหา มาเป็นตัวช่วยให้ประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งแน่นอน…
สุดท้ายนี้ถึงพรรคอนาคตใหม่ อาจจะไม่ได้เข้าไปเป็นรัฐบาลได้ แต่เสียงทั้งหมดทั้งมวลของคนรุ่นใหม่ ก็เป็นพลังส่งไปให้คนทั้งประเทศเห็นแล้วว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่มีพลังจริง ไม่ใช่แค่ในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น พรุ่งนี้ขอให้ออกไปเลือกกันเยอะๆ นะครับ มันมีผลไม่ใช่แค่เปลี่ยนการเมืองไทย แต่ยังส่งผลไปถึงทุกวงการด้วย ไม่เว้นแม้แต่วงการเกมที่ก็ต้องการพรรคการเมืองรุ่นใหม่ ที่เข้าใจและมาผลักดันหลายๆ สิ่งให้เกิดขึ้นในประเทศไทยให้ได้ครับ
