playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Ragnarok มหาศึกชี้ชะตา ตำนานเทพนอร์สบทใหม่ Season1

  • SS 1 - 7/10
    7/10

สรุป

SS1 -เป็นซีรีส์ฮีโร่วัยรุ่นที่ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก หลายๆ อย่างยังกั๊กไว้เพื่อซีซั่นต่อไป แต่องค์ประกอบโดยรวมดูสนุกเกินคาด ถ้าหากใครที่ชอบแนว SmallVile หรือหนังเรื่อง Twilight คุณจะชอบเรื่องนี้ได้อย่างไม่ยากเลย

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
4 (9 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

SS1

  • โยงเรื่องราวตำนานนอร์สกับยุคปัจจุบันได้น่าสนใจ
  • ฉาก โลเคชั่นถ่ายทำในเมืองสวยมาก
  • จำนวนตอนสั้น ดูแปบเดียวก็จบ

Cons

SS1

  • CG บางฉากยังดูลอยๆ
  • พระเอกดูไม่ค่อยเป็นพระเอกเท่าไหร่
  • หลายๆ อย่าง ยังกั๊กไว้เพื่อปูไปยังซีซั่นต่อไป

Ragnarok มหาศึกชี้ชะตา Original Series ของ Netflix จากประเทศ Norway เรื่องราวว่าด้วยครอบครัวหนึ่งที่เพิ่งย้ายเข้ามายังเมือง Edda เมืองที่เลิกนับถือเทพเจ้านอร์ส และหันมานับถือคริสต์เป็นเมืองสุดท้ายในโลก แต่แล้วเหตุการณ์หลายๆ อย่าง ทั้งสภาพแวดล้อมภายในเมืองเสื่อมโทรม น้ำแข็งเริ่มละลาย หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณของวันสิ้นโลกตามตำนานแร็กนาร็อก

 Ragnarok (2020) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่าง Ragnarok มหาศึกชี้ชะตา SS1

เรื่องย่อ มหาศึกชี้ชะตา

มังเน และน้องชาย ลัวร์ทิส และคุณแม่ของเขา ทูริด ได้ย้ายเข้ามาอาศัยที่เมืองบ้านเกิดที่ชื่อว่า Edda เพราะแม่ของเขาได้ทำงานเป็นพนักงานบัญชีให้กับบริษัทอุตสาหกรรมที่ชื่อว่า โยธุล (Jutul) ในขณะกำลังเข้าเมือง มังเนได้เข้าไปช่วยเหลือชายแก่ตาบอดคนหนึ่ง หญิงชราพนักงานร้านขายของเห็นความมีน้ำใจของเขาเลยอวยพรให้กับเด็กหนุ่มคนนี้ ปรากฏแสงในตาของมังเนสว่างวาบขึ้นมา และดูเหมือนว่าเขาได้รับพลังบางอย่างเข้ามาในตัว

เด็กทั้งสอง มังเนและกับลัวร์ทิส ได้ย้ายเข้าโรงเรียนในเมืองและเรียนในชั้นเดียวกัน คนน้องลัวร์ทิสเรียนข้ามชั้นเพราะหัวดี ส่วนพี่ชายมังเน เป็นเด็กสมาธิสั้น และมีปัญหาด้านการอ่าน เลยทำให้ต้องเรียนชั้นเดียวกันกับคนน้อง มังเนได้พบเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า อิโซเด เด็กสาวที่ใส่ใจในการรณรงค์เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม และคอยทำวีดีโอบน Youtube เพื่อเผยแพร่ให้คนหันมาสนใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น โดยเธอห่วงมากเกี่ยวกับเรื่องน้ำแข็งในเมืองละลาย เป็นเพราะสภาวะโลกร้อน

ครอบครัวโยธุลเป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม และมีอิทธิพลภายในเมืองแห่งนี้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำให้สภาพแวดล้อมของเมืองแย่ลงเพราะโรงงาน วิดาร์ เจ้าของโรงงานได้บังเอิญพบกับเพื่อเก่า ทูริด และลูกชายของเธอ มังเน ดูเหมือนว่าพลังบางอย่างในตัวของมังเนเตือนเขาว่า ชายคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เจ้าของโรงงานธรรมดาๆ และดูเหมือนว่า เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ ภายในเมือง จะมาจากตัวเขาหรือไม่

รีวิว

ถ้าหากคุณชอบเกี่ยวกับตำนานของเทพเจ้านอร์ส สงครามแร็กนาร็อค เทพโลกิ โอดิน ธอร์ ผสมกับเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นแบบหนัง Twilight ขอบอกเลยว่านี่คงเป็นซีรีส์ที่คุณน่าจะชอบแน่ๆ โดยซีรีส์เรื่องนี้ได้ผสานตำนานความเชื่อเทพเจ้าเข้ากับยุคใหม่ที่เรียกได้ว่า น่าสนใจ

โดยเรื่องราวจะดำเนินเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน การปรับตัวเข้าสังคมของเด็กสมาธิสั้นอย่าง มังเน ที่เป็นตัวละครหลัก และยังดึงสภาวะโลกร้อน Climate Change เข้ามาเป็นแกนหลักของเรื่องโดยตีความให้มันเป็นเหมือนกับ “วันสิ้นโลก” ทำให้เราอยากรู้ว่า พลังของเทพเจ้าที่มังเนได้มา เขาจะใช้มันไปเพื่ออะไร และสู้กับใครกันล่ะ?

ในตอนแรกของซีรีส์ก็จะค่อยๆ ปูพื้นฐานว่า ใครเป็นใครกันบ้าง ทำให้มีช่วงที่ดำเนิ่นเรื่องราวชีวิตวัยรุ่นในรั้วโรงเรียนที่ดูแล้วก็ ว้าว หรือดีอะไรมาก แต่พอตัดมาที่พาร์ทในการรับรู้ถึงพลังในตัวของมังเนที่กำลังตื่นขึ้น และจุดหักมุมในตอนที่ 1 ต้องขอบอกเลยว่าทำให้นึกถึงซีรีส์แนวฮีโร่ที่คล้ายๆกันอย่าง Smallvile ขึ้นมาทันที

เรื่องนี้แม้ว่ามันจะออกแนวๆ ซุปเปอร์ฮีโร่ ที่อิงตามตำนานเทพเจ้านอร์ส สู้สงครามแร็กนาร็อคกับพวกยักษ์ แต่มันก็ไม่ได้มีฉากต่อสู้ หรือแสดงพลังเยอะขนาดนั้น มันจะแสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ที่ได้พลังมา และดูว่าเขาจะจัดการกับเรื่องราวรอบๆตัว และพลังที่เขาได้มายังไงบ้าง ซึ่งมันก็สนุกสำหรับคนที่ชอบแนวนี้ ถ้าใครที่หวังฉากต่อสู้แบบฮีโร่ หรือโชว์พลังเทพ ถ้าคุณเห็นในตัวอย่างซีรีส์แล้ว มันก็ไม่ได้มีมากกว่านั้นเท่าไหร่หรอก แต่การแสดงพลังแต่ละครั้งนั่นก็ทำให้เนื้อเรื่องน่ายิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก

ในพาร์ทของการใช้ชีวิตในโรงเรียนของเด็กสมาธิสั้น ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหา มันทำให้เราพบว่าบ้านเขามันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยในการที่ต้องเข้าพบกับจิตแพทย์ ทำให้หลายๆ อย่างในเรื่องดูน่าสนใจขึ้น เช่นการจัดการกับอารมณ์ หรือแม้กระทั่งมีเรื่องราวความรัก ระหว่างเพื่อน การความรักวัยรุ่นแบบ Poppy Love เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

หลายๆ ปม ภายในเรื่อง หรือตัวละครที่มีพลังพิเศษดูเหมือนทางซีรีส์ยังจะกั๊กๆ ไว้ ไม่เฉลยมากเท่าไหร่ ซึ่งมีหลายเรื่องที่อยากพูดถึง แต่นั่นก็จะเป็นการสปอยส์เนื้อเรื่องไป ถ้าในซีรีส์เสนอเรื่องราวที่มันโยงเข้ากับตำนานเทพเจ้าและเฉลยให้คนดูมากกว่านี้จะทำให้คนดูเข้าใจและอินไปกับมันได้มากขึ้นแน่นอน

สิ่งที่รู้สึกขัดใจ และไม่ชินสำหรับคนดูก็คือเรื่องของภาษา ที่ใช้ภาษานอร์เวย์ ซึ่งบางคำก็ออกเสียงค้ลายภาษาอังกฤษ ทำให้บางคนที่ดูซีรีส์มาเยอะๆ อาจจะไม่ชิน และตัวเอกของเรื่อง มังเน หน้าตาไม่ค่อยดึงดูดหรือมีเสน่ห์เท่าที่ควร (มองบางมุมหน้าเขาคล้ายๆ ด้งเด้ง พระเอกเรื่องไทบ้าน แต่เป็นเวอร์ชั่นฝรั่งอยู่เหมือนกัน) บทที่น่าสนใจอย่าง บทของน้องชาย ลัวร์ริต ที่นิสัยขี้แกล้ง เอาแน่เอานอนไม่ได้ ซึ่งน้อยชายของธอร์ ตามตำนานนอร์ส์ ก็คือ โลกิ ซึ่งอาจจะมีการเอ่ยถึงในซีซั่นถัดไปมากขึ้นก็ได้ แต่น่าเสียดายไปหน่อย

สิ่งที่ดีงามในเรื่องนี้ก็คือ ภาพ และโลเคชั่นในการถ่ายทำที่เรียกได้ว่า สวยมากกก แม้ในเรื่องจะเป็นเมืองสมมติที่ชื่อ Edda แต่ชื่อเมืองจริงๆคือ Odda ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศนอร์เวย์ ล้อบรอบไปด้วยภูเขาสูง และมีแม่น้ำสายใหญ่เชื่อมไปยังทะเล ถ้าฉากไหนที่มีฉากธรรมชาติโผล่เข้ามา หรือฉากที่ทำให้เห็นสภาพบ้านเมืองของที่นั่นคือ สวยมากจริงๆ

เป็นอีก 1 ซีรีส์ ที่เกินคาด คิดว่าจะแย่ แต่ไม่เลย องค์ประกอบหลายๆ อย่างกำลังลงตัวได้พอดิบพอดี แต่ดูเหมือนซีรีส์ยังจะกั๊กอะไรไว้อีกหลายอย่างเพื่อรอปล่อยในซีซั่นต่อไป ถ้าหากใครชอบตำนานของนอร์สที่ถูกนำมาเล่าในสมัยใหม่ ผสมผสานกับความ Coming of Age ในแบบวัยรุ่นบวกกับฮีโร่ หรือใครที่ชอบซีรีส์ Smallvile แล้วล่ะก็ คุณจะชอบเรื่องนี้ได้อย่างไม่ยากเลย

รับชม Ragnarok มหาศึกชี้ชะตาทั้งสองซีซั่น ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้

อ่านรีวิวซีรีส์อื่นๆ ได้ที่นี่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!