playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว A SUN หนังขวัญใจผู้ชมไต้หวันปี 2019 เรื่องราวโศกนาฏกรรม ความฝันพ่อแม่ที่มีต่อลูก

A SUN

สรุป

หนังเป็นสายรางวัลที่เรื่องติดดินเข้าถึงปัญหาครอบครัวกับการคาดหวังให้ลูกเป็นอย่างที่คิด แต่ลูกกลับทำไม่ได้ แม้จะบอกให้เลือกทางเดินเองแล้ว แต่ก็กลายเป็นสร้างปัญหากลับมาให้ครอบครัว จนพ่อแม่ต้องตามมาเช็ดขี้เยี่ยวให้ แต่หนังก็ไม่ได้โทษหรือใส่ความว่าเด็กมีปัญหา กลับกันหนังแสดงให้เห็นปัญหาที่เด็กในวัยนี้แก้เองไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีพ่อแม่ยื่นมือเข้ามาช่วย ถึงหนังจะเป็นแนวโศกนาฏกรรม แต่ก็จบเรื่องราวได้อย่างสวยงาม แถมมีฉากเซอร์ไพรส์หักมุมที่สมเหตุผลมาก จนเชื่อว่าจุดนี้แหละที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นขวัญใจผู้ชมเมื่อดูจบครับ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • เรื่องราวดราม่าที่หนักแต่ดี
  • หนังมีความลึกแต่ก็ดูง่ายไปพร้อมกัน
  • มีเรื่องตลกแทรกเป็นระยะๆ
  • ดารานักแสดงเล่นได้สมบทบาท
  • มุมมองภาพสวยพร้อมกับแทรกปรัชญาชีวิตตลอดเรื่อง
  • ฉากจบหักมุมที่เป็นธรรมชาติสมเหตุผลมาก

 

Cons

  • ความยาวของหนังสองชั่วโมงครึ่งที่รู้สึกมากไปเหมือนกัน
  • คำคมปรัชญาที่แทรกในเรื่องเยอะมากจนคิดตีความตามไม่ทันในการดูรอบเดียว (สำหรับคนที่สนใจตรงนี้)
  • บทพี่ชายออกมาน้อยไปทั้งๆ ที่สำคัญกับเรื่องราวมาก

A SUN ภาพยนตร์ดราม่า เจ้าของรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 5 รางวัลม้าทองคำจากไต้หวัน + รางวัลขวัญใจผู้ชมไต้หวันปี 2019  ซึ่ง Netflix ก็ตาแหลมรีบซื้อขาดมาเป็นหนัง Original Netflix เรื่องราวโศกนาฏกรรมของครอบครัวหนึ่งที่เจอแต่ความทุกข์ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนจนแทบแตกสลาย

 A Sun (2019) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่างหนัง A SUN

หนังดราม่าสายรางวัลมักเต็มไปด้วยเรื่องโศกนาฏกรรม ซึ่งเรื่องนี้ก็ดำเนินเรื่องไปในโทนเรื่องราวแบบนั้น แต่ไม่ต้องกลัวว่าหนังจะอินดี้ดูยาก เพราะหนังเรื่องนี้แม้จะมีกวีคำคมปรัชญาแทรกมาทั้งเรื่อง แต่เป็นหนังที่ดูเข้าถึงง่ายไม่ยาก ตีความได้ก็ดี ไม่ตีความเลยก็ได้ จนหนังจับใจผู้ชมจนกลายหนังที่ได้รับรางวัลโหวตจากผู้ชมสูงสุดในไต้หวันปี 2019 ซึ่งก็คงเพราะเป็นเรื่องราวปัญหาที่จับต้องได้ของครอบครัวหาเช้ากินค่ำ ที่ไม่ว่าครอบครัวไหนก็ฝันอยากมีชีวิตที่ดีกว่าด้วยการพยายามส่งเสียให้ลูกได้เรียนดีๆ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมแบบไม่ทันตั้งตัว และก็ส่งผลกระทบทำให้ผู้เป็นพ่อแม่ต้องกลายเป็นคนสิ้นหวังในชีวิตตามไปด้วย

หนังเปิดเรื่องราวด้วยท่วงทำนองเพลงเมโลดี้เบาๆ หวานๆ เหมือนหนังคลาสสิคกับฉากสวยท่ามกลางสายฝน ซึ่งต่อมากลับกลายเป็นคดีอาชญากรรมโหดของเด็กวัยรุ่นอายุไม่ถึง16 ปี 2 คนที่ทำเอาคนดูช็อคไปเลยได้เหมือนกันกับฉากสดๆ เลือดพุ่งพร้อมชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์กระเด็นไปตกในหม้อสุกี้ ซึ่งหลังจากนี้คือเรื่องราวโศกนาฏกรรมที่ตามมาหาครอบครัวของทั้งคู่

เรื่องราวตัดข้ามมายังพ่อแม่ของเด็กที่ต้องรับผลทางกฏหมายจากการกระทำของลูก ซึ่งพ่อของ “อาเหอ” ตัวเอกในเรื่องนี้ตัดสินใจตัดหางปล่อยวัดไม่ช่วยเหลือลูกโดยปล่อยให้เข้าไปรับโทษเต็มๆ ในสถานพินิจ 3 ปี ส่วนเพื่อนของเขา “แรดิช” ผู้ลงมือก่อเหตุก็ได้รับโทษหนักกว่า พร้อมครอบครัวต้องจ่ายค่าชดเชยแก่เหยื่อเป็นจำนวนเงินสูงลิ่ว ซึ่งยังไงก็ไม่มีปัญญาจ่ายได้จนพ่อของอีกฝ่ายต้องตามมาทวงกับพ่อของอาเหอแทน ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าอาเหอไม่สมควรเป็นลูกเขาอีกต่อไปเพราะมีแต่สร้างปัญหามาให้ เขาจึงยอมรับแค่ลูกชายคนโตกำลังสอบเข้ามหาหาวิทยาลัยแพทย์ แต่ฝ่ายเแม่กลับพร้อมดูแลให้อภัยลูกทุกคนอยู่เสมอ

ฉกฉวยวันเวลา และเลือกเส้นทางตัวเอง

นี่คือคำสอนที่คนเป็นพ่อของครอบครัวนี้ยึดถือไว้และปรากฏในเรื่องอยู่ตลอด (และเป็นคีย์สำคัญในตอนจบด้วย) โดยเขาอยากให้ลูกเข้าใจและทำตามให้ประสบความสำเร็จ แต่กลายเป็นว่าตัวเขาเองก็แค่จำประโยคนี้มาและบอกลูกแต่ทำเองไม่ได้ โดยเขาเป็นแค่ครูสอนขับรถทำอย่างอื่นไม่เป็น นั่นทำให้คนเป็นพ่อในเรื่องนี้แสดงวิธีแก้ปัญหาที่เข้ามาในชีวิตแบบแค่ปัดๆ ไปให้พ้นๆ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขให้ถูกต้องได้ยังไง ซึ่งจากคดีที่อาเหอก่อขึ้นนั่นทำให้เขายิ่งปักใจเชื่อว่าต้องสนใจดูแลแต่ลูกชายคนโตให้ดีให้ได้ แต่กลายเป็นว่าเขากลับไม่รู้เลยว่าลูกชายต้องการอะไรในชีวิตกันแน่ และสุดท้ายกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของครอบครัวที่ทุกคนมีส่วนร่วมทำให้เกิดขึ้นมา

A sunหนังแบ่งเรื่องเป็นสองส่วน ในครึ่งแรกเราจะได้เห็นชีวิตรันทดของครอบครัวนี้จากผลของคดีที่อาเหอก่อขึ้นมา ต่อจากนั้นก็ถึงเรื่องราวของอาเหอหลังออกจากสถานพินิจเยาวชน โดยเขาพยายามกลับตัวมาเป็นคนดีทำงานสุจริต ซึ่งดูเป็นช่วงที่อะไรๆ ก็เริ่มไปในทิศทางที่ดี ความไม่เข้าใจกันของพ่อกับลูกก็เริ่มเปลี่ยนไปตามกาลเวลาที่ช่วยเยียวยาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น แต่นั่นเป็นเพียงความสุขสั้นๆ เมื่อผลกรรมในอดีตจากคดีของอาเหอยังตามมา หนังค่อยๆ มาเฉลยเรื่องราวคืนวันฝนตกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และแท้ที่จริงแล้วความรู้สึกของคนเป็นพ่อรู้สึกยังไงกับลูกชายของตัวเอง ในเมื่อเขาก็พยายามกลับตัวกลับใจที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจทำตามคำสอนที่พ่อยึดถือไว้ได้ ซึ่งสุดท้ายเรื่องราวกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมซ้อนในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดอีกครั้ง

แรดิช
แรดิชเพื่อนของอาเหอที่กลับมาจากสถานพินิจในภายหลัง ซึ่งครอบครัวของเขาก็แหลกสลายไปเช่นกันกับคดีที่ก่อขึ้นร่วมกับอาเหอ

หนังมีตัวละครที่สะท้อนชีวิตครอบครัวชนชั้นกลางที่ชีวิตยังเต็มไปด้วยปัญหาครบถ้วน อีกทั้งเรื่องราวยังเต็มไปคำคมปรัชญาชีวิตที่แปะมากับป้ายหรือโปสเตอร์ติดฉากในเรื่อง ซึ่งทุกอันจะมีคำแปลขึ้นมาให้เราได้อ่านทั้งหมด และก็เป็นตัวบ่งบอกความรู้สึกของตัวละครที่อยู่ในฉากนั้นไปพร้อมกัน อย่างในภาพประกอบด้านล่างเป็นตอนที่พ่อแอบให้เงินลูกคนโตพิเศษ แม้ไม่ได้เอ่ยปากว่าต้องการอะไร แต่คำโฆษณาหน้าลิฟต์บอกในตัวอยู่แล้วว่าผู้เป็นพ่อคาดหวังฝันแค่ไหนกับลูกคนนี้ ซึ่งหนังนำเสนอในจุดนี้ได้โดดเด่นชวนให้คิดตามทุกครั้ง เพราะตัวละครในเรื่องนี้ไม่ได้พูดสิ่งที่คิดในใจตรงๆ ออกมาให้ได้ยินกัน ซึ่งกลายเป็นว่าแต่ละคนซ่อนปัญหาต่างๆ ไว้ไม่ยอมบอก จนสุดท้ายก็เลยกลายเป็นเรื่องร้ายๆ ตามมา

ถึงหนังจะดูเต็มไปด้วยเรื่องเศร้ารันทด แต่ว่าในตัวเรื่องกลับถ่ายทอดภาพออกมาได้อย่างสวยงาม แม้แต่ช่วงของโศกนาฏกรรมทั้งก่อนและหลังก็เต็มไปด้วยภาพเชิงศิลป์ พร้อมกับปรัชญาชีวิตที่ไม่ต้องตีความออกทั้งหมด แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรลึกๆ ในนั้น ซึ่งช่วยให้หนังดูลึกซึ้งสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก แต่รับรองว่าไม่ได้ดูยาก นี่เป็นหนังสายรางวัลที่เรียกว่าดูได้เพลินๆ แต่ก็มีความลึกซึ้งแล้วแต่คนดูจะเอาไปคิดตีความได้แค่ไหนเอง

นอกจากนี้หนังยังมีช่วงผ่อนคลายเป็นระยะๆ ที่แฝงมาในรูปของเรื่องตลกกึ่งประชดชีวิตผ่านเหตุการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะตัวละครพ่อที่วันๆ ต้องทำงานสอนขับรถเจอคนแปลกๆ มากมาย หนังฉายให้เหตุชีวิตทำงานประจำวันของเขาที่ต้องแบกรับเรื่องราวความทุกข์ไว้ด้วยกัน จนที่ทำงานกลายเป็นบ้านพักหลังใหม่ เพราะบ้านที่อยู่ของเขากลับกลายเป็นที่ๆ เขาไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตอีกต่อไป

อาเหอ
อาเหอตัวเอกในเรื่องที่สร้างปัญหาให้พ่อแม่มาตลอด

A SUN เป็นหนังสายรางวัลที่เรื่องติดดินเข้าถึงปัญหาครอบครัวกับการคาดหวังให้ลูกเป็นอย่างที่คิด แต่ลูกกลับทำไม่ได้ แม้จะบอกให้เลือกทางเดินเองแล้ว แต่ก็กลายเป็นสร้างปัญหากลับมาให้ครอบครัว จนพ่อแม่ต้องตามมาเช็ดขี้เยี่ยวให้ แต่ว่าหนังก็ไม่ได้โทษหรือใส่ความว่าเด็กมีปัญหา กลับกันหนังแสดงให้เห็นปัญหาที่เด็กในวัยนี้แก้เองไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีพ่อแม่ยื่นมือเข้ามาช่วย ถึงหนังจะเป็นแนวโศกนาฏกรรม แต่ก็จบเรื่องราวได้อย่างสวยงาม แถมมีฉากเซอร์ไพรส์หักมุมที่สมเหตุผลมาก จนเชื่อว่าจุดนี้แหละที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นขวัญใจผู้ชมเมื่อดูจบครับ


ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นในเว็บคลิกที่นี่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!