playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Report รายงานโครงการทรมานลับ 9/11

The Report

สรุป

หนังอาจจะไม่ได้สนุกกับเรื่องราวนัก เพราะเต็มไปด้วยบทสนทนาจำนวนมาก จากข้อมูลจริงที่หนา 7 พันหน้าที่หนังก็พยายามย่อยให้เราดูง่ายรู้เรื่องที่สุดแล้ว แต่ถ้าดูในฐานะหนังที่เกี่ยวข้องกับ 9/11 ก็เป็นจิ๊กซอว์หนึ่งที่ช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์มากขึ้น และก็มีพาดพิงไปยังหนัง Zero Dark Thirty ในแบบโต้แย้งหักล้างความจริงกันได้อย่างน่าสนใจ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • ดูในฐานะติดตามผลงานการแสดง อดัม ไดรเวอร์ ได้อยู่
  • ได้เห็นกระบวนการทำงานเบื้องหลังของการเมืองอเมริกา
  • หดหู่ไปกับเรื่องจริงของการทรมานมนุษย์ในแบบที่โหดร้าย

Cons

  • หนังเต็มไปด้วยบทสนทนามากมายจนคนดูอาจจะตามไม่ทัน
  • นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ไม่ได้มีบทบาทมากจนไม่น่าจดจำ
  • การตัดสลับเล่าเรื่องในอดีตโดยใช้แค่โทนสีเปลี่ยนไปดูธรรมดาไป

The Report เรื่องราวของรายงานโครงการทรมานลับของ CIA กับการล่าบินลาเดนจากเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งเป็นรายงานที่เปิดเผยต่อสาธารณะชนของอเมริกา จากผลงานการรวบรวมข้อมูล 6 ปีของ Daniel Jones ที่มีตัวตนจริง แสดงโดย อดัม ไดรเวอร์ ที่กำลังฮอตฮิต อยู่ในขณะนี้กับหนังชิงออสการ์   Marriage Story และสตาร์วอร์ภาคล่าสุดกับบทไคโลเรน

 The Report (2019) on IMDb
คะแนน IMDB

ตัวอย่างหนัง The Report

*เนื่องจากหนังสร้างจากเรื่องจริงของรายงานที่เปิดเผยไปแล้ว ในรีวิวนี้จึงเขียนไปพร้อมกับสปอยล์บางส่วนไปพร้อมกัน เนื่องจากหนังไม่ได้มีจุดหักมุมอะไรกับเรื่องราวครับ

นี่เป็นหนังปี 2019 แต่ไม่ได้ฉายโรงในบ้านเรา ก่อนจะมาอยู่ในสตรีมมิ่งของ Amazon Prime และเป็นแบบซื้อขาดออริจินอลของที่นี่ไม่มีที่อื่น ดังนั้นถ้าใครเป็นแฟน อดัม ไดรเวอร์ ก็ต้องยอมมาสมัครสมาชิก Amazon Prime ซะดีๆ (มีให้ทดลองฟรี 7 วัน ก่อนจะ 99 บาท 6 เดือน ราคาเต็มคือ 180 บาทต่อเดือน คลิ๊กสมัครรับชมได้ที่นี่) ซึ่งผู้เขียนก็พึ่งสมัครเป็นแฟนคลับเขาเหมือนกัน จากการแสดงที่ยอมรับเลยว่าสุดยอดดาราคุณภาพของจริงรุ่นใหม่ สำหรับเรื่องนี้เขารับบทนำจากเรื่องราวจริงของการทำรายงาน EIT program ที่แปลเป็นไทยว่า “โครงการกักขังและสอบสวนของซีไอเอ” ที่เริ่มนำมาใช้กับการสอบสวนผู้ต้องหามุสลิมอย่างเข้มข้นเพื่อตามล่าบินลาเดน ซึ่งถ้าใครเคยดูเรื่อง Zero Dark Thirty (2012) ที่เป็นปฏิบัติการณ์ตามล่าบินลาเดนเป็นเวลา 10 ปี ก็จะเห็นกระบวนการสอบสวนที่ทรมานผู้ต้องหานี้อยู่ในเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็คาบเกี่ยวกันเพราะเป็นการทำงานตรวจสอบเชิงลึกตั้งแต่หลัง CIA ได้รับหน้าที่ให้ติดตามหาตัวผู้ก่อการร้าย 9/11 มารับโทษให้ได้ โดยที่หน่วยงานนี้ตั้งขึ้นมาโดยวุฒิสภาอเมริกา และให้ Daniel Jones ที่เป็นคนหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงมาทำรายงานสอบสวนส่งไปให้วุฒิสภา โดยที่เขาก็ไม่คิดเลยว่านี่จะกลายมาเป็นรายงานที่ละเอียดกินเวลาการทำงานถึง 6 ปีเจาะลึกที่สุดไปถึงรัฐบาลอเมริกาเอง จนกลายมาเป็นปัญหาการพยายามปกปิดหลักฐานต่างๆ นาๆ ว่าอเมริกาละเมิดสิทธิมนุษย์ชนโดยการทรมานคนเพื่อให้ได้ข้อมูลมาตามล่าผู้ก่อการร้าย ซึ่งไม่ใช่แค่ขัดต่อหลักพื้นฐานการกระทำต่อมนุษย์ แต่ยังขัดต่อหลักการปกครองอเมริกาด้วย

ตอนนี้เราคงรู้แล้วว่าบินลาเดนโดนจับตายไปแล้ว ซึ่งก็อ้างผลงานจากโครงการของ CIA ในเรื่องนี้ว่าทำได้สำเร็จ แต่ในรายงานจริงของ Daniel Jones โครงการนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ซึ่ง CIA เองก็ยอมรับว่าการทรมานไม่ได้ผล เพราะเหยื่อไม่ให้ความร่วมมือ แถมโกหกเอาตัวรอดมากกว่าจะยอมเล่าเรื่องจริง สุดท้ายพลาดตายคาการทรมานไปอีก ซึ่งก็ใช้หลายวิธีอย่างที่เห็นชัดสุดคือการเอาผ้าปิดหน้าแล้วกรอกน้ำรดลงไปให้หายใจไม่ออกเหมือนจมน้ำ หรือการคุมขังเตี๊ยโดยล็อคโซ่ตรวนไว้ติดแนบพื้น การให้นอนในโลงปิดตายพร้อมกับฝูงแมลงสาบ ซึ่งแต่ละวิธีนั้นทาง CIA อ้างว่าเป็นวิทยาศาสตร์จากนักจิตวิทยาที่ CIA จ้างมาออกแบบโปรแกรมทรมานให้สารภาพ ในหนังเราจะได้เห็นฉากทรมานเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนจิตตกได้เลย คือไม่คาดคิดเลยว่าคนเราจะสรรหาวิธีทรมานมนุษย์ด้วยกันได้ขนาดนี้ แถมสุดท้ายแล้วเหยื่อเหล่านี้เป็นแพะแทบทั้งนั้น ซึ่งทั้งหมดเป็นความผิดพลาดที่ CIA พยายามปกปิดไว้ทั้งหมด

หนังเดินเรื่องโดยให้ Daniel Jones ทำงานนี้กลุ่มเล็กๆ ไม่กี่คน อดทนสืบสวนไปเรื่อยๆ จากแค่การอ่านอีเมล์ของ CIA แต่ก็ปะติดปะต่อเรื่องราวจนสำเร็จ แต่กว่าจะสำเร็จได้ก็ผ่านการต่อสู้กับการเมืองภายในจนแทบจะทำให้ Daniel Jones ถึงขั้นต้องติดคุกหลังถูกอ้างว่าแฮ็กข้อมูล CIA ทั้งๆ ที่ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์เขาใช้เป็นแค่เวิร์ด รวมถึงหลายครั้งหลายคราวเขาเกือบจะยอมหันไปสู้นอกระบบโดยใช้สื่อที่รอให้เขาเปิดเผยเรื่องนี้ในทางลับตลอดเวลา ซึ่งหนังอ้างอิงถึง “เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน” อดีตนักวิเคราะห์ข่าวกรองที่เปิดเผยข้อมูลโครงการสอดส่องพลเมืองอเมริกา จนต้องหนีอกอนอกประเทศและกลายเป็นคนทรยศขายชาติ แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นฮีโร่เช่นเดียวกัน ซึ่ง Daniel Jones ก็หมิ่นเหม่จะเดินเส้นทางเดียวกับสโนว์เดนในหลายๆ ครั้ง แต่หนังก็ทำให้เห็นผลลัพธ์สุดท้ายที่แตกต่างออกไปจากสโนว์เดน แล้วก็น่าหดหู่พอกันกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในตอนจบ

ด้วยความที่หนังสร้างจากเรื่องจริงในแบบไม่พยายามเติมแต่งอะไร หนังเลยเดินเรื่องเรียบๆ ตามข้อเท็จจริงผ่านการพุดคุย รายงาน โต้เถียงกับผู้คนที่ Daniel Jones ต้องเกี่ยวข้องตั้งแต่วุฒิสภาที่ชักเข้าชักออกเมื่อเห็นว่าเขาเจาะเรื่องลึกจนแทบจะฝัง CIA หรือประธานาธิบดีอเมริกาได้ ไปจนถึงการติดต่อหาข้อมูลนอกระบบในแบบต่างๆ มาประกอบรายงานที่หนา 7 พันหน้า ขนาดที่ไบเบิลยังสู้ไม่ได้ หนังจึงกลายเป็นบทพูดตลอดเวลา ตัดสลับกับฉากในอดีที่ CIA ทำการทรมานในแบบต่างๆ ซึ่งหนังจะใช้โทนสีเขียวเหลืองหม่นๆ แบ่งแยกว่านี่เป็นการเล่าเรื่อง Daniel Jones ก่อนตัดมาภาพสีปกติในเวลาปัจจุบัน

สุดท้ายต้องบอกว่าหนังอาจจะไม่ได้สนุกกับเรื่องราวนัก เพราะเต็มไปด้วยบทสนทนามากกว่าอย่างอื่น ทำให้อดัมก็ไม่ได้มีบทต้องแสดงอารมณ์อะไรมากนัก แต่ก็น่าติดตามดูได้ไม่ถึงกับดูไปหาวไปอะไรแบบนี้ เพียงแต่ข้อมูลในเรื่องนี้ล้นทะลักมากพอๆ ตามรายงานจริง ซึ่งหนังพยายามย่อยมาให้เราดูแล้ว แต่ถ้าดูในฐานะหนังที่เกี่ยวข้องกับ 9/11 ก็เป็นจิ๊กซอว์หนึ่งที่ช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์มากขึ้น และก็มีพาดพิงไปยังหนัง Zero Dark Thirty ในแบบโต้แย้งด้วยข้อเท็จจริงกลายๆ จากที่ว่าในเรื่องนี้หัวหน้าทีมเป็นสาวแกร่งตามสืบจนได้ แต่ใน The Report เราจะได้เห็นทีมนี้ในด้านที่เลวร้ายต่อมนุษย์ด้วยกันโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น แม้แต่การปกปิดหลักฐานว่าฆ่าคนผิดก็ตามที ซึ่งสุดท้ายหนังมีบทสรุปของเรื่องราวที่แม้จะดูสวยหรู แต่ก็ชวนหดหู่ไปพร้อมกันครับ

  

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!