รีวิว Cashero แคชฮีโร่ (Netflix) ซูเปอร์ฮีโร่ที่แนวคิดดีเลิศ แต่บทอ่อนพล็อตโฮลเต็มไปหมดทั้งเรื่อง
Cashero
Summary
Cashero เป็นซีรีส์ที่มีแนวคิดดี ส่งต่อข้อคิดที่น่าสนใจในการใช้เรื่องเงิน ที่มาผนวกกับเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่และการเสียสละได้ลงตัว แต่ถูกจำกัดด้วยบทที่อ่อนยวบยาบมาก การดำเนินเรื่องที่มีแต่รูรั่วเต็มไปหมด เนื้อเรื่องก็สูตรสำเร็จธรรมดามาก (แนวฮีโร่สู้กับแก๊งวายร้ายที่มีพลังพิเศษ) ตัวละครก็แทบไม่มีการพัฒนา และเอฟเฟกต์พิเศษที่มีทุนเยอะจากเน็ตฟลิกซ์ก็ยังไม่ได้มาตรฐานดีพอ ถ้าเทียบกับระดับ Moving ของดิสนีย์+ ก็ห่างชั้นกันไปเลยทั้งเรื่องบทและ CG ซึ่งน่าผิดหวังกับมาตรฐานตรงนี้มาก แต่ถ้าคุณพร้อมจะยอมรับข้อบกพร่องมากมายนี้ได้ ซีรีส์ก็ยังพอดูติดตลกเพลินๆ กับแนวคิดเรื่องเงินในเวอร์ชั่นซูเปอร์ฮีโร่ได้ครับ
แนะนำ: ดูแค่ 2-3 ตอนแรกก่อนตัดสินใจว่าจะดูต่อหรือไม่ ถ้ารู้สึกน่าเบื่อตั้งแต่ตอนแรก ก็ผ่านเลย
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- แนวคิดการใช้พลังแล้วสูญเสียเงินดี
- ติดตลกดูเพลินๆ ได้
- มีพากย์ไทย
Cons
- บทอ่อนมาก
- CG ธรรมดา
- ตัวละครไม่พัฒนา
- บทตัวร้ายสูตรสำเร็จ
ADBRO
Cashero แคชฮีโร่ ซีรีส์เกาหลี Original Netflix 8 ตอนจบ แนวซูเปอร์ฮีโร่ เรื่องราวของชายหนุ่มธรรมดาที่ได้รับพลังมรดกตกทอดจากพ่อกลายมาเป็นคนที่มีพลังพิเศษเหนือมนุษย์ แต่ทุกครั้งที่ใช้พลังต้องเสียเงินส่วนตัว ในขณะที่เขายังต้องหาเงินซื้อบ้านแต่งงานกับแฟนสาวที่แสนจู้จี้ขี้บ่นเรื่องเงินด้วย
รีวิว Cashero
ซีรีส์เกาหลีที่นำเสนอแนวคิดซูเปอร์ฮีโร่ที่แปลกใหม่และเข้าถึงได้ – ฮีโร่ที่พลังขึ้นอยู่กับจำนวนเงินสดในกระเป๋า ในยุคที่ค่าครองชีพสูง หนี้บ้านหนักหน่วง และการออมเงินเป็นเรื่องยาก ซีรีส์เกาหลีบน Netflix นี้พยายามผสมผสานระหว่างความเป็นฮีโร่กับความเป็นจริงทางการเงินของคนรุ่นใหม่
Kang Sang-ung – ฮีโร่ที่ไม่อยากเป็นฮีโร่
Lee Jun-ho (จาก King the Land) รับบท Kang Sang-ung ข้าราชการธรรมดาวัย 35 ปี ที่ฝันแค่มีบ้านเป็นของตัวเองและแต่งงานกับแฟนสาว แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้รับพลังพิเศษจากพ่อที่เพิ่งเสียชีวิต – ความแข็งแรงและทนทานเหนือมนุษย์ แต่มาพร้อมเงื่อนไขที่โหดร้าย ยิ่งถือเงินสดมาก ยิ่งแข็งแรง แต่ทุกครั้งที่ใช้พลัง เงินก็จะหายไป
สำหรับคนที่กำลังเก็บเงินซื้อบ้าน นี่คือพลังที่เลวร้ายที่สุด Sang-ung ไม่มีความปรารถนาจะเป็นฮีโร่ เขาบอกเองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่สนใจช่วยคนอื่น แค่อยากมีชีวิตธรรมดาๆ กับแฟนสาว แต่เมื่อเจอคนที่ต้องการความช่วยเหลือต่อหน้า ความเป็นมนุษย์ก็บังคับให้เขาต้องเลือก
Kim Hye-jun รับบท Kim Min-suk แฟนสาวของตัวเอกที่เป็นนักบัญชีมาแต่เด็กและก็มีนิสัยเห็นแก่เงินตัวฉกาจ ซึ่งน่าเสียดายว่าบทของเธอถูกเขียนให้เป็นแค่ “แฟนจู้จี้ที่คอยบ่นเรื่องเงิน” แทนที่จะได้มิติที่ซับซ้อนกว่านี้ เธอไม่ชอบที่ Sang-ung ใช้พลัง เพราะมันทำให้เงินที่เก็บไว้ซื้อบ้านหาย แต่ก็ต้องเข้าใจว่าในโลกแห่งความจริง ผู้หญิงคนหนึ่งที่เห็นแฟนใช้เงินออมหมดไปช่วยคนแปลกหน้าคงรู้สึกแบบนี้จริงๆ ครับ
กองทัพฮีโร่พลังประหลาด
สิ่งที่น่าสนใจคือตัวละครฮีโร่คนอื่นๆ ที่มีพลังแปลกไม่แพ้กัน Byeon Ho-in (Kim Byung-chul) ทนายความที่เป็นหัวหน้าสมาคมซูเปอร์ฮีโร่เกาหลี มีพลังผ่านวัตถุของแข็งอย่างกำแพงได้เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ ยิ่งเมายิ่งแข็งแรง แต่ก็จ่ายราคาด้วยสุขภาพของตัวเอง เขามาพร้อมกับ Bang Eun-mi (Kim Hyang-gi) สาวน้อยผู้มีพลังเคลื่อนย้ายวัตถุ (เทเลคิเนซิส) ที่ขับเคลื่อนด้วยแคลอรี่ที่กิน ยิ่งกินเยอะยิ่งแรง ขนมปังคือเชื้อเพลิงหลักของเธอ
แนวคิดของตัวละครเหล่านี้สนุกและมีศักยภาพ แต่น่าเสียดายที่ถูกใช้งานน้อยเกินไป กลายเป็นแค่ตัวประกอบมากกว่าจะได้พัฒนาตัวละครอย่างเต็มที่
วายร้าย Anna และ Nathan
Kang Han-na และ Lee Chae-min รับบทพี่น้องวายร้ายที่แข่งขันกันเพื่อสืบทอดองค์กรอาชญากรรมจากพ่อ ทั้งคู่ต้องการพลังของ Sang-ung และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา โดย Anna เปิดตัวมาก่อนในครึ่งแรกเป็นบอสรองที่ทดสอบต่อสู้กับตัวเอกด้วยการอัพยาให้ลูกสมนุนกลายเป็นพวกเหนือมนุษย์ไปต่อสู้ ก่อนที่ครึ่งคือ Nathan ที่มีบุคลิกโหดเหี้ยมกว่า เน้นฆ่าคนบริสุทธิ์เพื่อเอามาเป็นเหยื่อล่อตัวเอก ก่อนที่จะกลายเป็นลาสบอสในตอนท้ายที่คาดเดาได้ตามสูตรง่ายๆ
จุดแข็ง – แนวคิดเรื่องการใช้เงิน
แนวคิดหลักของ Cashero น่าสนใจมาก การใช้เงินเป็นแหล่งพลังสะท้อนสังคมเกาหลีที่ผู้คนถูกกดดันด้วยค่าครองชีพ หนี้สิน และความฝันมีบ้าน คำถามว่า “ใครจะช่วยคนอื่นถ้าไม่ใช่ฮีโร่” กลายเป็นคำถามว่า “คุณจะเสียสะสมทั้งชีวิตเพื่อช่วยคนแปลกหน้าไหม” ซีรีส์ปลูกฝังแก่นแท้ของความเป็นคนดีหรือฮีโร่ที่แท้จริงเรื่องความรับผิดชอบและการยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องแม้ต้องเสียสละ ซึ่งมันมีน้ำหนักในยุคที่ผู้คนมุ่งเน้นแต่เรื่องตัวเองมากขึ้น ทำให้ฉากที่ Sang-ung ต้องเลือกระหว่างความฝันส่วนตัวกับการช่วยเหลือผู้คนดูมีพลังทางอารมณ์ เพราะทุกครั้งเขาต้องเสียสละเงินส่วนตัวไหลออกไปเรื่อยๆ
จุดอ่อน – การดำเนินเรื่อง CGI และเว็บตูน
แต่นี่คือปัญหาใหญ่มากของ Cashero คือการดำเนินเรื่องไม่แข็งแกร่งเท่าแนวคิด พล็อตโฮลสุดๆ มีรูรั่วเยอะเหมือนการ์ตูนเด็กๆ ที่ไม่ได้ใส่ใจความสมจริงอะไรทั้งสิ้น (ทั้งๆ ที่เรื่องผูกโยงกับสังคมการเงินจริง) อย่างเช่น ฉากในโบสถ์ที่ไฟไหม้ ตัวเอกมาช่วยแฟน แต่ก็ยืนพูดคุยเรื่องแต่งงานกัน แทนที่จะวิ่งออกไปก่อน ซึ่งบทแบบนี้มีอยู่เต็มไปหมดทั้งเรื่องจนไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นซีรีส์เกาหลีลงเน็ตฟลิกซ์ที่น่าจะพิถีพิถันมากกว่านี้ ยิ่งเทียบกับแนวเดียวกันอย่าง Moving ของดิสนีย์+ แทบจะเป็นฟ้ากับเหวเลย
CGI และเอฟเฟกต์พิเศษก็เป็นจุดอ่อนอีกอย่าง แม้จะมีงบประมาณสูง แต่ภาพเอฟเฟกต์ดูหยาบๆ ในหลายครั้ง บางฉากดูเหมือนทำมาแบบรีบๆ แถมยังไปใส่ใจในจุดที่ไม่ควรทำมาก โดยผู้กำกับ Lee Chang-min บอกว่าพยายามผสม practical effects กับ CGI โดยทำอุปกรณ์ให้เหรียญตกจริงๆ แต่ผลลัพธ์มันก็ดูธรรมดา เมื่อเอฟเฟ็กต์โดยทั่วไปอยู่ในขั้นดีแบบทั่วไปเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับ Moving ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่เกาหลีที่ตั้งมาตรฐานสูง Cashero ดูจืดจางและขาดความทะเยอทะยาน กลายเป็นซีรีส์เกรด B ไปเลย
ด้วยความที่เรื่องมาจากเว็บตูน แต่ซีรีส์กลับทิ้งสาระสำคัญของต้นฉบับไปเกือบหมด ต้นฉบับเน้นเรื่องราวการจัดการกับพลังพิเศษร่วมกัน เน้นชีวิตประจำวัน แต่ซีรีส์กลับเปลี่ยนเป็นซูเปอร์ฮีโร่แอ็คชั่นทั่วไป เหมือนลอกมาจาก X-Men หรือ Heroes แค่เปลี่ยนฉากเรื่องราวเป็นเกาหลีแบบดาษดื่น ที่ผู้ชมยุคนี้ไม่ได้ว้าวกับอะไรแบบนี้อีกแล้ว
สรุป
Cashero เป็นซีรีส์ที่มีแนวคิดดี ส่งต่อข้อคิดที่น่าสนใจในการใช้เรื่องเงิน ที่มาผนวกกับเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่และการเสียสละได้ลงตัว แต่ถูกจำกัดด้วยบทที่อ่อนยวบยาบมาก การดำเนินเรื่องที่มีแต่รูรั่วเต็มไปหมด เนื้อเรื่องก็สูตรสำเร็จธรรมดามาก (แนวฮีโร่สู้กับแก๊งวายร้ายที่มีพลังพิเศษ) ตัวละครก็แทบไม่มีการพัฒนา และเอฟเฟกต์พิเศษที่มีทุนเยอะจากเน็ตฟลิกซ์ก็ยังไม่ได้มาตรฐานดีพอ ถ้าเทียบกับระดับ Moving ของดิสนีย์+ ก็ห่างชั้นกันไปเลยทั้งเรื่องบทและ CG ซึ่งน่าผิดหวังกับมาตรฐานตรงนี้มาก แต่ถ้าคุณพร้อมจะยอมรับข้อบกพร่องมากมายนี้ได้ ซีรีส์ก็ยังพอดูติดตลกเพลินๆ กับแนวคิดเรื่องเงินในเวอร์ชั่นซูเปอร์ฮีโร่ได้ครับ
แนะนำ: ดูแค่ 2-3 ตอนแรกก่อนตัดสินใจว่าจะดูต่อหรือไม่ ถ้ารู้สึกน่าเบื่อตั้งแต่ตอนแรก ก็ผ่านเลย