playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Fever Dream (Netflix) หนังคัลท์หลอนฝันชวนปวดหัวอย่างหนัก

Fever Dream

สรุป

นี่เป็นหนังคัลท์ขนาดหนักที่ต้องเตือนไว้ก่อนดูเลย ใครที่ต้องการเข้าใจเรื่องราวอาจจะยากมากที่จะเข้าใจได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ดูรอบแรก และใครที่ต้องการดูแนวลึกลับสยองขวัญก็ต้องคิดให้ดีๆ ด้วยว่าอาจจะไม่ใช่แนวนี้ตรงๆ และก็อาจจะงงสับสนกับเรื่องจนปวดหัวแทนครับ

Overall
4/10
4/10
Sending
User Review
3.5 (2 votes)

Pros

  • เรื่องราวผ่านภาพหลอนอาร์ทๆ ติสๆ ตลอดเรื่อง
  • เชื่อมโยงสะท้อนปัญหามลพิษจากเกษตรทุนนิยม

Cons

  • การดำเรื่องแบบที่ต้องตีความปะติดปะต่อเรื่องราวเองอย่างหนักจนปวดหัวได้เลย
  • มีเรื่องเหนือธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้องแบบงงๆ ไม่มีคำอธิบายอะไรมาก

 

Fever Dream หนัง Original Netflix แนวคัลท์ดราม่าเชิงจิตวิทยา เรื่องราวของแม่ลูกที่ต้องเข้าไปพัวพันกับเด็กชายปริศนาที่พาเรื่องราวความหลอนกลับมาหาพวกเขา ผ่านการระลึกห้วงความทรงจำในช่วงชีวิตสุดท้ายที่เหมือนความฝัน

 Fever Dream (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Fever Dream

เนื้อเรื่องเล่าถึง “อแมนด้า” คุณแม่ที่มีลูกสาวยังเล็กย้ายบ้านมาอยู่ในเมืองชนบทแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะได้พบเจอกับ “เดวิด” เด็กชายประหลาดที่แม่ของเขาเเล่าเรื่องประหลาดชวนสยองของเดวิดให้อแมนด้าฟัง ซึ่งอแมนด้าเองตอนแรกไม่เชื่อ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ พบเจอความแปลกประหลาดของเด็กคนนี้ด้วยตัวเธอเอง

ถ้าอ่านจากเรื่องย่อที่เล่าไปก็คงดูน่าติดตามเหมือนพวกแนวหนังเด็กนรกทั้งหลาย แต่ความนี่เป็นหนังคัลท์ที่ดูยากมากถึงมากที่สุดติดอันดับต้นๆ ในหัวผู้เขียนเลย คือหนังคัลท์ส่วนใหญ่อาจจะแค่ประหลาด เพี้ยนๆ นึกอยากจะใส่อะไรก็ใส่มา ซึ่งถ้าใครชอบก็ถูกใจได้เลย แต่ถ้าไม่ชอบก็เกลียดชิบหายได้เหมือนกัน ซึ่งมันก็เป็นปกติของหนังแนวนี้ แต่กับเรื่องนี้ต่างออกไป ตัวหนังคัลท์ด้วยการเล่าเรื่องที่สับสนแบบอธิบายได้ยากมากว่าเรื่องจริงๆ เป็นยังไง ตัวหนังเปิดเรื่องมาก็เป็นตัวนางเอกอแมนด้านอนในป่า มีเสียงบรรยายจากตัวเธอพูดถึงหนอนในร่างกายบลาๆ แบบเป็นปริศนาเข้าใจได้ยาก ก่อนที่จะถูกอะไรบางอย่างลากไปไม่ให้เห็น แล้วเสียงเด็กชายก็ดังขึ้นมาว่าให้เธอย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวที่ผ่าน จากนั้นตัวเรื่องก็ตัดกลับมาอดีตที่เธอพึ่งย้ายมาที่นี่ แต่แทนที่เรื่องจะเล่าแฟลชแบ็คไปดีๆ มันกลับเล่าแบบแปลกๆ ด้วยการตัดภาพอาร์ทๆ ล่องลอยเหมือนตั้งใจขายภาพสวยๆ ซึ่งก็แค่สวยในระดับหนึ่งแต่ก็ยังไม่มากเมื่อเทียบกับหนังแนวขายภาพสวยกว่าเนื้อเรื่อง  โดยมีเสียงพูดของตัวอแมนด้าพูดนั่นนี่ประกอบเรื่องราวไปเรื่อยๆ ชวนให้เรางงเพิ่มเข้าไปอีก

ตัวหนังมาในแนวดราม่าตอนแรก ก่อนที่สักพักเรื่องจะตัดไปในแนวลึกลับสยองขวัญแบบที่จู่ๆ ก็มีเรื่องเล่าจากแม่ของเดวิดมาในแนวพิธีกรรมไสยศาสตร์ที่เธอพาเดวิดไปหาแทนหมอ ซึ่งตัวเรื่องก็เหมือนจะดูกลายเป็นแนวสยองขวัญได้เลยเพราะตัวเดวิดหลังออกจากพิธีก็กลายเป็นเด็กโหดร้ายทำอะไรประหลาดๆ ไปจากเรื่องเล่าของแม่เดวิด แต่ตัวอแมนด้าเองก็ไม่เชื่อและพยายามตีสนิทกับเดวิด ซึ่งก็เหมือนเป็นเด็กดีๆ คนหนึ่งแค่มีโลกส่วนตัวสูง แต่หนังก็ตัดภาพกลับไปหาเดวิดที่ลากอแมนด้าในตอนแรกอีก ซึ่งตัวเรื่องพยายามให้เรางงงวยว่าเหตุการณ์ตอนแรกเริ่มเกิดขึ้นได้ยังไง ก่อนจะค่อยๆ ย้อนกลับไปกลับมาอีกหลายครั้งแล้วก็เปลี่ยนแนวไปอีกครั้ง

คราวนี้หลุดจากเรื่องลึกลับสยองมาเป็นแนวจิตหลอน ซึ่งตัวอแมนด้าเองก็เหมือนหลอนกับอะไรมั่วไปหมดทุกอย่างในเมืองนี้ โดยเฉพาะเด็กออทิสติก คนแคระหน้าตาประหลาดๆ ซึ่งหนังเหมือนกำลังทำให้เห็นว่าจิตนางเองรึเปล่าที่ปั่นป่วนเรื่องราวที่ผ่านมาก่อน ซึ่งตัวเรื่องก็พาไปพบกับคำตอบแปลกๆ ในเวลาต่อมา ซึ่งมาในแนวปัญหามลพิษจากสังคมเกษตรทุนนิยมในเมืองนั้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นใครก็งงว่ามันเชื่อมโยงมาได้ยังไง ผู้เขียนก็ไม่สามารถอธิบายได้ถูกต้องเต็ม 100% เหมือนกันแม้จะพอเข้าใจ เพราะหนังไม่ได้เล่าออกมาตรงๆ แต่กลับใช้ภาพอาร์ทๆ ชวนฝันเหมือนปกหรือชื่อเรื่องนี้นี่แหละ (ไข้ฝันจนป่วยเพ้อเจ้อนี่คือความหมายประมาณนี้จากการตีความชื่อเรื่อง)

ตัวหนังยังจบด้วยองค์สุดท้ายที่ดูเหมือนการเล่าเรื่องราวปกติ ผ่านตัวสามีของอแมนด้า แต่ในความปกตินั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจได้ตรงๆ ตัวหนังเหมือนแค่ใช้ส่วนนี้ขยายความช่วงก่อนนี้ให้เข้าใจเพิ่มขึ้นนิดนึง แม้จะพอเข้าใจ แต่ก็ไม่กล้ายืนยันจริงๆ ว่าฉากสุดท้ายเรื่องราวต้องการอะไรกันแน่

ตัวนักแสดงหลักๆ เล่นกันอยู่ 3 คน คือ อแมนด้า เดวิดกับแม่ ซึ่งตัวนักแสดงไม่มีปัญหากับการแสดงอะไรทั้งสิ้น ทุกคนถ่ายทอดการแสดงออกมาตามบทได้โดยเฉพาะเดวิดที่น้องเล่นดีดูน่ากลัวตลอดเวลา

ส่วนใครที่คิดว่าแค่อยากดูแนวลึกลับหลอนๆ เรื่องนี้เอาจริงๆ มันก็มีบรรยากาศที่เป็นแบบนั้นใช้ได้เลย เพราะตัวเดวิดเองแค่หน้าตาก็ดูแปลกๆ ชวนหลอนอยู่แล้ว การกระทำในเรื่องหลายอย่างที่ดูไม่เข้าใจก็ส่งให้เรื่องดูหลอนได้เต็มที่เกือบๆ จะเป็นหนังปีศาจเด็กได้เลย แต่ด้วยตัวเรื่องที่มันเล่าแบบตัดไปตัดมาชวนงงแบบเพ้อๆ เหมือนฝันป่วยตามชื่อเรื่องก็ทำให้ความสยองที่ว่ามาพร้อมความปวดหัวเหมือนเราจะเป็นไข้ตามไปด้วย จนอารมณ์สยองที่ว่าหายไปกลายเป็นปวดหัวแทนมากกว่าครับ

นี่เป็นหนังคัลท์ขนาดหนักที่ต้องเตือนไว้ก่อนดูเลย ใครที่ต้องการเข้าใจเรื่องราวอาจจะยากมากที่จะเข้าใจได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ดูรอบแรก และใครที่ต้องการดูแนวลึกลับสยองขวัญก็ต้องคิดให้ดีๆ ด้วยว่าอาจจะไม่ใช่แนวนี้ตรงๆ และก็อาจจะงงสับสนกับเรื่องจนปวดหัวแทนครับ

 

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!