playinone.com
รีวิวหนัง ซีรีส์ Netflix HBO Prime Disney+ Apple TV+ สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวซีรีส์ Last Samurai Standing (Netflix) ซามูไรเน้นแอ็กชั่นดราม่าผสมเกมมรณะที่แปลกใหม่

Last Samurai Standing

Summary

นี่คือซีรีส์ซามูไรที่โดดเด่นทั้งงานสร้างและการเล่าเรื่อง อีกหนึ่งก้าวสำคัญหลังจากยุคของ “รูโรนิ เคนชิน” ด้วยแนวคิดการผสมเกมมรณะเข้าไปในฉากหลังยุคเมจิที่กำลังเปลี่ยนผ่านทางการเมือง กติกาที่ดูเรียบง่ายถูกเล่าให้ลึกและมีน้ำหนัก มีทั้งประเด็นสังคม การเมือง และความลับของผู้สร้างเกมที่โยงใยกันอย่างแนบเนียน ขณะเดียวกันก็อัดแน่นด้วยฉากต่อสู้ทั้งเล็กและใหญ่ที่ทำออกมาได้อย่างสมจริง มีลองเทคเพิ่มความลื่นไหล และยังเล่าความหลังของตัวเอกกับพี่น้องสำนักทั้ง 8 คน ซึ่งกลายเป็นเส้นเรื่องที่เข้มข้นและทรงพลังไม่แพ้เส้นเกมมรณะ จนสามารถแยกออกไปเป็นอีกเรื่องได้เลย ถือเป็นซีรีส์ที่ครบทุกรส และถึงแม้จะมีเพียง 6 ตอน ก็ปูทางไปสู่ซีซั่น 2 ไว้ได้อย่างน่าติดตามมากครับ

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ซามูไรผสมเกมมรณะในยุคอดีต
  • ฉากแอ็กชั่นมันส์สมจริงพร้อมฉากลองเทคเยอะ
  • ส่วนผสมการเมืองประวัติศาสตร์ลงตัว
  • นักแสดงคุณภาพมาก
  • ทำจากต้นฉบับนิยายดัง
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ตัวละครเยอะไม่เพียงพอต่อเวลาที่มีเพียง 6 ตอน
  • ฉากสเกลใหญ่ แต่ระบบเสียงไม่ดีนัก

 

ADBRO

Last Samurai Standing ศึกซามูไรผู้พิชิต ซีรีส์ Original จาก Netflix จำนวน 6 ตอนในซีซั่นแรก เป็นผลงานแอ็กชั่นดราม่าที่พาผู้ชมย้อนกลับไปสู่ญี่ปุ่นยุคเมจิปลายศตวรรษที่ 19 ช่วงเวลาที่รัฐบาลมีคำสั่งปลดอาวุธซามูไรทั้งหมดเพื่อประกาศปิดฉากยุคสมัยแห่งดาบ แต่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนั้น กลับปรากฏ “เกมลึกลับ” ที่เชิญชวนนักดาบจำนวน 292 คนให้มารวมตัวกันเพื่อชิงเงินรางวัลมหาศาล โดยมีเงื่อนไขอันโหดเหี้ยมเพียงข้อเดียว—ต้องฆ่ากันเองจนเหลือผู้รอดที่เดินทางไปถึงโตเกียวให้ได้

รีวิว Last Samurai Standing ศึกซามูไรผู้พิชิต (ไม่สปอยล์)

เมื่อพูดถึงหนังซามูไรในยุคหลัง คงหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกับ “รูโรนิ เคนชิน ซามูไรพเนจร” ไม่ได้ ทั้งในแง่ความโดดเด่นของฉากต่อสู้และประเด็นการเมือง ซึ่งเรื่องนี้เองก็เดินในทิศทางคล้ายกัน และยังสร้างจากมังงะที่ดัดแปลงจากนิยายเช่นเดียวกัน (ผู้เขียน Shogo Imamura) แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือความเข้มข้นแบบใหม่ด้วยการผสมองค์ประกอบของ “เกมมรณะ” ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทว่าแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะนี่คือเกมในยุคอดีตที่ไร้เทคโนโลยี ไม่มีอุปกรณ์ควบคุม ไม่มีไอเทมระเบิดหรืออุปกรณ์บังคับผู้เล่นเหมือน Battle Royale สิ่งเดียวที่ใช้เป็นกติกาคือ การฆ่าหรือแย่งชิงป้ายคอจนสะสมครบ 30 อันระหว่างการเดินทางไปเกียวโต เพื่อคว้าสิทธิ์รับเงินรางวัล ซึ่งแม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับเปิดพื้นที่ให้ซีรีส์นำเสนอรายละเอียดของกฏเกม การวางแผน และเบื้องหลังผู้จัดได้อย่างน่าตื่นเต้นจนทำให้โครงสร้างทั้งหมดมีความแปลกใหม่ชัดเจน

อีกสิ่งที่แตกต่างจากเกมมรณะเรื่องอื่นคือรูปแบบ “การเดินทางผจญภัย” ที่เหมือนกึ่งโอเพนเวิร์ล แต่มีเป้าหมายปลายทางตายตัว ผู้เล่นต้องเดินทางจากเกียวโตไปโตเกียวภายในเวลาที่กำหนด พร้อมผ่านจุดเช็กพอยท์ที่บังคับว่าต้องมีป้ายครบตามจำนวน ไม่เช่นนั้นถือว่าจบชีวิต ไม่ใช่แค่การฆ่าฟันเพื่อแย่งป้ายเท่านั้น แต่ยังมีการคำนวนจำนวนป้ายตามจำนวนผู้เล่น การถอดป้าย การตัดสินโดยกรรมการที่คอยจับตาอยู่ตลอด และมีการรายงานไปยังผู้ควบคุมเกมเบื้องหลัง ซึ่งซีรีส์เปิดให้ผู้ชมเห็นกระบวนการคิดและเหตุผลที่แท้จริงของพวกเขาตลอดเรื่อง แม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะดูเหมือนเกมความสนุกของมหาเศรษฐี แต่ยิ่งดำเนินเรื่องไป ก็ยิ่งเผยให้เห็นความลึกซึ้งของผู้สร้างเกมและปริศนาที่โยงเข้าไปถึงความเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยของญี่ปุ่น ทำให้มันกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่เพิ่มแรงดึงดูดให้ผู้ชมอยากรู้ว่าจุดประสงค์เบื้องหลังทั้งหมดคืออะไรกันแน่

ตัวเนื้อเรื่องดำเนินไปด้วยความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะความลับของเกมที่เผยเพียงบางส่วนตั้งแต่ต้นจนจบ ขณะเดียวกันเรื่องราวของตัวเอก ชูจิโร่ ซากะ ก็มีชั้นเชิงและลึกกว่าที่เห็นในตอนแรก เขาเป็นอดีตนักฆ่าฝีมือสูงที่ภายนอกเหมือนซามูไรตกอับเพราะคำสั่งห้ามพกดาบของรัฐบาล และคนในครอบครัวก็เสียชีวิตจากโรคห่าที่ระบาดในยุคนั้นจนไม่เหลือทางเลือกนอกจากเข้าร่วมเกม แต่เรื่องราวของเขากลับเผยให้เห็นความจริงว่า เขากำลังเผชิญอาการ PTSD จนชักดาบไม่ได้ และต้องรับเด็กสาวที่พบเจอในเกมมาเป็นเสมือนตัวแทนลูกคนเดิมที่ตายไป ก่อนที่เรื่องจะค่อยๆ เจาะลึกลงไปในอดีตของเขา—อดีตที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องร่วมสำนักจำนวน 8 คน ซึ่งกลายเป็นเส้นเรื่องรองที่โดดเด่นมาก และน่าสนใจกว่าช่วงการแข่งขันในเกมเสียอีก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตของเขากำลังไล่ล่าตามมาถึงปัจจุบัน และมีขนาดความรุนแรงระดับ “บอสใหญ่” ของเรื่อง โดยเส้นเรื่องนี้ถูกวางไว้ให้ต่อยอดในซีซั่น 2 ได้อย่างน่าติดตาม

ด้านงานสร้างต้องยกให้เป็นหนึ่งในซีรีส์ซามูไรที่จัดเต็มฉากแอ็กชั่นมากที่สุดหลังจากยุคของเคนชิน ไม่ใช่เพียงการต่อสู้รวดเร็วเฉียบคมแบบสมจริง แต่ยังมีฉากการสู้รบขนาดใหญ่หลายครั้ง ทั้งฉากสงครามและฉากในวัดช่วงเริ่มเกมที่เหมือนภาพยนตร์สงครามเต็มรูปแบบ ทีมงานยังเลือกใช้การถ่ายทำแบบลองเทคในหลายฉาก ทำให้ภาพรวมดูสมจริง มีพลัง และสะท้อนสเกลงานสร้างที่ทุ่มทุนอย่างมาก ตลอดทั้งเรื่องยังมีฉากต่อสู้หลากหลายรูปแบบ ไม่ได้จำกัดแค่ดาบ แต่มีธนู มีดบิน เคียวโซ่ และอาวุธอื่นๆ พร้อมด้วยตัวละครฝีมือระดับยอดฝีมือหลายคนที่ทำให้ฉากการปะทะมีความหลากหลายและเข้มข้น โดยเฉพาะตัวนักธนูเผ่าไอนุที่โดดเด่นมาก แม้จะน่าเสียดายที่ซีรีส์มีเพียง 6 ตอน ทำให้ไม่สามารถลงลึกตัวละครทั้งหมดได้มากเท่าที่ควร

สรุป
นี่คือซีรีส์ซามูไรที่โดดเด่นทั้งงานสร้างและการเล่าเรื่อง อีกหนึ่งก้าวสำคัญหลังจากยุคของ “รูโรนิ เคนชิน” ด้วยแนวคิดการผสมเกมมรณะเข้าไปในฉากหลังยุคเมจิที่กำลังเปลี่ยนผ่านทางการเมือง กติกาที่ดูเรียบง่ายถูกเล่าให้ลึกและมีน้ำหนัก มีทั้งประเด็นสังคม การเมือง และความลับของผู้สร้างเกมที่โยงใยกันอย่างแนบเนียน ขณะเดียวกันก็อัดแน่นด้วยฉากต่อสู้ทั้งเล็กและใหญ่ที่ทำออกมาได้อย่างสมจริง มีลองเทคเพิ่มความลื่นไหล และยังเล่าความหลังของตัวเอกกับพี่น้องสำนักทั้ง 8 คน ซึ่งกลายเป็นเส้นเรื่องที่เข้มข้นและทรงพลังไม่แพ้เส้นเกมมรณะ จนสามารถแยกออกไปเป็นอีกเรื่องได้เลย ถือเป็นซีรีส์ที่ครบทุกรส และถึงแม้จะมีเพียง 6 ตอน ก็ปูทางไปสู่ซีซั่น 2 ไว้ได้อย่างน่าติดตามมากครับ

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ
------------------------------------------------------------