รีวิว คืนฆ่าล้างตระกูล Raat Akeli Hai ภาคต่อที่ดี แม้จะไม่เทียบเท่าภาคแรก

คืนฆ่าล้างตระกูล  Raat Akeli Hai: The Bansal Murders – การกลับมาของสารวัตร “ชาฏิล ยาดาฟ” จากดารายอดฝีมืออย่าง นาวาซัดดิน ซิดดิกรี ในคดีที่มืดมนและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การฆาตกรรมคนเดียว แต่เป็นการสังหารหมู่ครอบครัว Bansal ผู้มีอิทธิพลในรัฐอุตตรประเทศ ภายในคฤหาสน์หรูหราของพวกเขา

รีวิวภาคแรก https://www.playinone.com/folkplay/raat-akeli-hai-review-netflix/

รีวิว คืนฆ่าล้างตระกูล Raat Akeli Hai: The Bansal Murders

ภาคต่อของหนังเน็ตฟลิกซ์ที่ได้รับความนิยมเมื่อปี 2020 ซึ่งนานมากกว่าจะกลับมาทำต่อด้วยเรื่องราวชีวิตของสารวัตรตัวเอกที่ซื่อตรงเด็ดเดี่ยวกับการสืบสวนและอ่อนไหวกับเรื่องราวในครอบครัวที่ดำเนินต่อจากภาคแรก ซึ่งผู้ชมควรดูภาคแรกก่อนไม่งั้นจะไม่เข้าใจตัวละครเสริมที่เป็นชีวิตของเขาครับ

หนังเรื่องราวเริ่มต้นด้วยภาพกาสิ้นใจตายกระจัดกระจายบนพื้น – สัญลักษณ์ที่บอกเป็นนัยถึงความตายที่กำลังจะเกิด จากนั้นทั้งครอบครัว Bansal ก็ถูกพบเป็นศพกระจายอยู่ตามห้องต่างๆ ในบ้าน บางคนถูกฆ่าในห้องนอน บางคนในห้องน้ำ การจัดแสดงศพทำให้รู้สึกถึงความโหดร้ายอย่างเย็นชา ผู้กำกับ Honey Trehan สร้างบรรยากาศที่หนาแน่นไปด้วยความสยดสยอง ด้วยแสงเงาในคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่กลายเป็นฉากอาชญากรรม

 นาวาซัดดิน ซิดดิกรี กลับมาครองบทนี้อีกครั้งด้วยการแสดงที่เงียบแต่ทรงพลัง ชาฏิล ยาดาฟ เป็นชายที่ล้าจากการต่อสู้กับระบบที่เน่าเปื่อย แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะหาความจริง การแสดงของเขาไม่มีการโอ้อวด แค่ใช้สายตาและภาษากายบอกเล่าความสงสัย ความเหนื่อยหน่าย และความมุ่งมั่น ฉากที่เขาเดินสำรวจที่เกิดเหตุ สังเกตรายละเอียดเล็กน้อยที่คนอื่นมองข้าม ล้วนแสดงฝีมือที่เหนือชั้น โดยมีภรรยาของเขาที่เติบโตจากภาคแรกมาเป็นผู้หญิงที่เข้าใจวิถีของสามีที่หายตัวไปกับงาน เธอให้ความอบอุ่นและความมั่นคงทางอารมณ์แก่เขา เป็นการแทรกเรื่องราวชีวิตครอบครัวที่ยังไม่สมบูรณ์แบบเพราะทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงานกัน (ซึ่งก็คงไปต่อภาคสามอีก)

ในส่วนของการสืบสวน ทุกคนในบ้านล้วนมีเหตุจูงใจและความลับของตัวเอง Aarav Bansal ลูกชายปัญหาที่มีประวัติเสพยา กลายเป็นเป้าหมายหลักที่ทำให้เขาดูผิดได้ง่าย Guru Maa (Deepti Naval) เจ้าแม่ลัทธิความเชื่อทางจิตวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว โดยเฉพาะเมื่ออาหารจากอาศรมของเธอที่ครอบครัวทานในคืนนั้นถูกตรวจพบว่ามียาเสพติด

แต่ความจริงซับซ้อนกว่านั้น บทภาพยนตร์เล่นกับการหลอกล่อผู้ชมให้เชื่อคนหนึ่งแล้วก็พลิกไปอีกคน จนค่อยๆ เชื่อมโยงจุดต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งเรื่องค่อยๆ ขายปมจากภายในคฤหาสน์สู่ภายนอกที่มีเรื่องราวผูกโยงกับอำนาจอิทธิพลของตระกูลนี้ที่ซ่อนความลับดำมืดไว้กับชุมชนสลัมในเมือง ซึ่งตัวหนังสามารถหักมุมได้ดีในตอนท้าย ก่อนค่อยๆ เผยความจริงที่น่าสลดหดหู่กลับมา

ปัญหาคือเรื่องเดินค่อนข้างช้าและจืดชืดชืดในช่วงแรก แม้จะมีฉากฆาตกรรมใหญ่ แต่ผู้ชมอาจรู้สึกว่าเป็นหนังสืบสวนทั่วไป แต่เมื่อเรื่องดำเนินไป จังหวะเริ่มดีขึ้นและดึงดูดความสนใจมากขึ้น ซึ่งเรื่องก็ไม่ได้ส่งอารมณ์ได้ดีพอเท่ากับภาคแรกที่มีหลายอย่างน่าติดตามกว่า โดยเฉพาะบทความรักของตัวเอก ซึ่งภาคนี้เป็นเพียงแค่ส่วนเสริมเรื่องราวเล็กน้อย ต่างจากภาคแรกที่เธอคือตัวหลักของเรื่องที่สารวัตรหลงรักเธอแบบเงียบๆ

แต่หนังก็ยังมีสิ่งที่ทำให้แตกต่างคือ มันไม่ได้เป็นแค่หนังสืบสวนธรรมดา แต่เป็นเรื่องราวสะท้อนความโกรธเคืองต่อสิทธิพิเศษ อำนาจ และความเน่าของระบบตำรวจ สะท้อนปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นจริงในอินเดีย แม้ความจริงจะถูกเปิดเผย แต่ความยุติธรรมไม่ได้เกิดขึ้น หนังทิ้งท้ายด้วยคำถามเกี่ยวกับศีลธรรมและความถูกต้อง – เมื่อระบบล้มเหลว คนธรรมดาจะทำอย่างไร

งานภาพของเรื่องนี้สร้างโลกที่มืดมนและน่าอึดอัดได้อย่างยอดเยี่ยม การใช้แสงและเงา การเลือกมุมกล้องในคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่กลายเป็นกรงขังความลับ ทุกอย่างสร้างความตึงเครียดที่ค่อยๆ คั่งค้างจนถึงจุดระเบิด แม้บางช่วงจะรู้สึกยืดเยื้อ แต่ก็ชดเชยด้วยบรรยากาศที่หนักแน่นทดแทนกัน

สรุป

คืนฆ่าล้างตระกูล Raat Akeli Hai: The Bansal Murders เป็นภาคต่อที่ดี แม้จะไม่ได้ทรงพลังเท่าภาคแรก แต่ก็ยังคงความน่าสนใจด้วยการสืบสวนที่ชาญฉลาดในการเล่าเรื่องผูกโยงปัญหาสังคมเข้ากับฉากฆาตกรรมหมู่ปริศนา การแสดงที่ดีเยี่ยมจาก  นาวาซัดดิน ซิดดิกรี  แต่ด้วยเรื่องราวที่ค่อนช้าค่อยเป็นค่อยไปจึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวสโลวเบิร์นทริลเลอร์ ที่ให้น้ำหนักกับบรรยากาศและการพัฒนาตัวละครมากกว่าแอ็คชั่นสะใจครับ