รีวิว Red Notice งานรวมพลัง 3 ดาราตัวท็อปลง Netflix ที่ดูคุ้มค่ามากกว่าฉากแอ็กชั่น

Red Notice หนังแอ็กชั่นฟอร์มยักษ์จาก Netflix ด้วยการร่วมงานกันของซูเปอร์สตาร์ฮออลลีวู๊ด ดเวย์น จอห์นสัน, แกล กาด็อด และไรอัน เรย์โนลส์ เรื่องราวของโจรมืออาชีพจำใจร่วมมือกับตำรวจตัวท็อปของ FBI เพื่อตามล่าหางานศิลป์โบราณของคลีโอพัตรา ที่ถูกโจรตัวท็อปหมายแดงของตำรวจสากลช่วงชิงไป

ตัวอย่าง Red Notice

นี่เป็นหนังฟอร์มยักษ์ของ Netflix ที่ทุ่มทุนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญ พร้อมกับดาราระดับท็อปของฮอลลีวู๊ดถึง 3 คน อย่าง ดเวย์น จอห์นสัน, แกล กาด็อด และไรอัน เรย์โนลส์ ซึ่งค่าตัวที่ได้รับจากเรื่องนี้ตามข่าวถึงคนละ 20 ล้านเหรียญ และตัวเรื่องยังมาพร้อมกับการถ่ายทำหลายโลเกชั่นทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่านี่ต้องเป็นหนังที่ Netflix คาดหวังมากที่สุดที่จะทำยอดผู้ชมสูงสุดแซงหน้าเรื่องอื่นแน่นอน

Red Notice คือหมายแดงที่ออกโดยตำรวจสากลเป็นหมายจับระดับโลกที่ใช้ตามล่าและจับกุมอาชญากรที่ทั้งโลกต้องการตัวมากที่สุด ฉากเริ่มต้นปูให้เรารู้ถึงตัวตนของอาชญากรขโมยงานศิลป์อันดับ 2 ของโลก Nolan Booth (ไรอัน เรย์โนลส์) ผู้กำลังขโมยไข่อัญมณีของคลีโอพัตราที่ในโลกนี้มีเพียง 3 ใบ ก่อนที่เขาจะถูกไล่ต้อนจากสายลับตัวท็อปของเอฟบีไอ John Hartley (ดเวย์น จอห์นสัน) จนถูกจับได้ แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกกลับเมื่องานศิลป์ชิ้นนี้ถูก บิช็อป (แกล กาด็อด) อาชญากรขโมยงานศิลป์คู่ปรับอันดับ 1 ซ้อนแผนช่วงชิงไป ทำให้ Nolan Booth กับ John Hartley ต้องร่วมมือกันช่วงชิง ไข่อัญมณีของคลีโอพัตราใบที่ 2-3 ตัดหน้าบิช็อป พร้อมทั้งจับเธอเข้าคุกให้ได้

เรื่องนี้เป็นแนวหนังแอ็กชั่นตลกอาชญากรรมที่ดารานำทั้ง 3 คนแบ่งบทหน้าที่กันอย่างชัดเจนตามคาแรกเตอร์ที่ทุกคนติดตากันดี โดยไรอัน เรย์โนลส์เล่นเป็นหัวโขมยตัวเอกหลักของเรื่องที่รับบทคนวางแผนการกับยิงมุกตลกตลอดทั้งเรื่องไม่ได้เน้นบู๊แอ็กชั่นมาก ดเวย์น จอห์นสันเป็นตำรวจพี่กล้ามตัวโตที่คอยรับมุกต่อจากเรย์โนลส์แบบตลกหน้าตายไม่ขำ (แต่คนดูขำ) พร้อมขายแอ็กชั่นตูมตามระเบิดภูเขาเผากระท่อมตามสูตร ส่วนแกล กาด็อด รับบทนางร้ายสวยเซ็กซี่ที่มาพร้อมความฉลาดไหวพริบกับฉากแอ็กชั่นต่อสู้ตัวๆ แบบเท่ๆ ซึ่งบทหลักจะให้เวลาไปกับการเข้าคู่ของไรอัน เรย์โนลส์ กับ ดเวย์น จอห์นสัน ที่จำใจต้องมาจับคู่กันตามล่า บิช็อป ที่แกล กาด็อด เล่นเป็นนางร้ายสุดเซ็กซี่ สวยบาดใจทุกฉากที่ออกมา จนแทบจะเรียกว่าขโมยซีนไปเลยก็ได้ เพียงแต่เวลาของแกลออกมาน้อยกว่าสองคนหลักมากพอสมควร

ฉากแอ็กชั่นหลักของเรื่องนี้จะเริ่มจากแผนการจารกรรมไข่อัญมณีของคลีโอพัตรา โดยทั้ง 3 ครั้งจะแตกต่างกันใน 3 ประเทศ อิตาลี สเปน อาร์เจนตินา โดยเริ่มจากกรุงโรมในอิตาลีเป็นฉากเปิดเรื่องที่ไม่ได้มีฉากวางแผนขโมย แต่เป็นฉากไล่ล่าของ John Hartley กับ Nolan Booth แต่แค่บู๊แบบขำๆ เล็กๆ ก่อนคั่นด้วยฉากบู๊ใหญ่ในคุกรัสเซียที่ทั้งคู่ติดคุกก่อนร่วมมือกันแหกคุกออกมา แล้วก็ต่อด้วยการจารกรรมบุกห้องนิรภัยไฮเทคในสเปน โดยมีสนามวัวกระทิงเอกลักษณ์ของสเปนมาปิดท้าย ก่อนจบด้วยฉากใหญ่สุดของเรื่องในป่าอาร์เจนตินา พาไปค้นหาขุมทรัพย์นาซีที่พาผู้ชมย้อนยุคด้วยการใช้อาวุธของนาซีกับฉากแข่งรถไล่ล่าปิดท้ายในถ้ำคล้ายๆ Fast & Furious 4 ซึ่งก็สมกับทุน 200 ล้านอยู่พอสมควร แต่ความมันส์อาจจะไม่สุดเพราะตัวเรื่องไม่ได้เน้นซีเรียสจริงจังมาก ออกแนวติดตลกปนอยู่ตลอดเวลา

บทในเรื่องนี้วางเส้นเรื่องได้ดี แต่จะรวบรัดจบแต่ละช่วงให้ง่ายไปหน่อย ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก แต่ก็มีช่วงหักมุมนิดๆ แทรกมาเป็นช่วงๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยฉากหักมุมที่ทำเอาคนดูเหวอไปได้เหมือนกัน (แต่ก็คาดเดาได้ไม่ยาก) แล้วก็ทิ้งท้ายให้มีภาคต่อชัดเจนกับการขึ้นเรื่องใหม่ที่มีทิศทางหลักแตกต่างออกไปจากภาคแรก ซึ่งน่าจะแน่นอนว่า Netflix เตรียมอนุมัติการสร้างภาคต่อทันทีถ้ายอดผู้ชมเข้าเป้าในเดือนแรกที่ฉาย

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่