รีวิว Squid Game SS3 ดูให้จบๆ ไป บทแย่ลงมาก แทบไม่ได้เฉลยเรื่องราวเบื้องหลังเกมเพิ่มเลย

Squid Game SS3 สควิดเกม เล่นลุ้นตาย ซีซั่น 3 กลับมาอีกครั้งพร้อมความดาร์คและความเข้มข้นที่ยกระดับขึ้นจากสองซีซั่นก่อนหน้า โดยในซีซั่นนี้ถือเป็นบทสรุปของเรื่องราวการเอาตัวรอดในเกมสุดโหดที่สะท้อนความโหดร้ายของสังคมและระบบทุนนิยมอย่างถึงแก่น

รีวิว Squid Game SS3 สควิดเกม 3 (มีสปอยล์)

ซีซั่น 3 เปิดฉากต่อเนื่องจากตอนจบของซีซั่น 2 โดย จีฮุน  (อีจองแจ) กลับมาในสภาพจิตใจที่บอบช้ำหลังสูญเสียเพื่อนร่วมทีมและล้มเหลวในการยุติเกม ตัวละครหลักต้องเผชิญกับเกมที่โหดร้ายขึ้น โดยเกมแรกคือการแบ่งทีมให้ผู้เล่นต้องฆ่ากันเองในเกม “ซ่อนแอบ” ที่ฝ่ายผู้ล่ามีมีดไล่ฆ่าอีกฝ่ายได้ตรงๆ เลย  ซึ่งทำให้เรื่องดูโหดดิบและรุนแรงกว่าที่ผ่านมาเป็นเกมล่าสังหารกันเอง ต่อมาคือเกมกระโดดเชือกที่ใครพลาดก็ตกลงไปตาย เป็นเกมง่ายๆ แต่มีปัญหาคือคนที่ผ่านไปก่อนก็ปิดทางเก็บคนที่ตามมาเพื่อเอาเงินรางวัลที่สูงขึ้น ซึ่งซีซั่นนี้มีความดาร์คและเล่นเรื่องจิตวิทยากดดันสูงมากตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะเกมสุดท้ายปลาหมึกเวอร์ชั่นอัพเกรดที่เล่นเป็นทีม โดยสอดแทรกเรื่องของทุนนิยมผสมกับการโหวตประชาธิปไตยแบบดาร์คๆฝ่ายชั่วมีมากกว่าเลยโหวตชนะง่ายๆ ซึ่งมันก็ดูสะท้อนปัญหาในโลกจริงได้ดีเหมือนกัน ซึ่งผู้กำกับก็ออกมาบอกในเบื้องหลังว่าเรื่องนี้คือการต่อสู้กับทุนนิยมที่ครอบงำผู้คน ตราบใดที่สิ่งนี้ยังอยู่ก็ไม่มีใครเอาชนะได้  ซึ่งตอนจบก็มีการทิ้งเชื้อไว้ทำต่อ แต่จะเป็นเวอร์ชั่นตะวันตกเข้ามาแทนที่ แม้ว่าผู้กำกับจะบอกว่าจบแค่นี้ก็ตาม เอาว่าเตรียมดูต่อกันได้เลยเพราะมีการวางตัวดาราดังฮอลลีวู๊ดมาเล่นในบทแบบเดียวกับกงยูแล้วครับ

ถึงโดยรวมซีรีส์ยังคงสะท้อนปัญหาสังคมทุนนิยมได้ดีอยู่ แต่ว่าสิ่งที่แย่ในเรื่องก็มีมากมาย อย่างแรกเลยคือการที่เรื่อง เขียนบทให้ทุกตัวละครฝ่ายตัวเอกพบจุดจบกันแบบง่ายๆ ซึ่งมันก็ได้ผลชวนช็อคที่ตัวละครที่ชอบตาย แต่การตายของแต่ละคนกลับไม่ค่อยอินกับดราม่าที่พยายามบิ้วสร้างขึ้นมาเลย มันได้แค่หดหู่ แต่ไม่ตราตรึง เป็นการตายแบบฝืนๆ ที่ขัดใจเพียงเพื่อต้องการเคลียร์ตัวละครฝ่ายตัวเอกออกไปให้หมดให้เหลือแต่จีฮุน เพื่อจะให้เขาต้องมาแบกรับความรู้สึกผิดที่พาคนในทีมตายไป ก่อนจะมีความหวังอยากไปต่อด้วยลูกของ 222 ซึ่งพอบทมันปูทางมาตรงแหน่วแบบนี้ก็เลยทำให้เดาตอนจบของเรื่องได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งตอนจบก็ไม่เมคเซนส์กับสิ่งที่จีฮุนพยายามมาทั้งเรื่องอีกด้วย (จบแบบทำลายอะไรไม่ได้เลย)

ส่วนที่แย่หนักเลยคือบทของตำรวจบนเรือที่พยายามตามหาเกาะ ซีรีส์เสียเวลาเล่าเรื่องของพวกนี้เยอะมาตั้งแต่แรก โดยคาดหวังว่าสุดท้ายจะได้มีฉากถล่มกันเเกาะ แต่ซีซั่นนี้กลับตรงกันข้ามเลยคือเอาคนบนเรือไปตายง่ายๆ กันหมด ตำรวจตัวเอกก็ไม่ได้มีเนื้อเรื่องเพิ่มเติมอะไรแบบที่คิดเลย สุดท้ายกลายเป็นบทตัวละครที่กลวงมาก จนเหมือนผู้กำกับก็ไม่รู้จะให้มันไปต่อยังไงดีเลยทิ้งท้ายจบไปแบบค้างคากันดื้อๆ เลย

โนอึล สาวเกาหลีเหนือที่แทรกซึมเข้ามาก็มีบทของตัวเองแยกออกไปแบบโดดๆ โดยแทบไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของจีฮุนเลย ซึ่งพาร์ทของเธอนั้นดูสนุกเพราะเป็นคนเดียวที่สู้อยู่เบื้องหลังกับผู้สร้างเกม แต่ว่าบทมันก็แปลกแยกออกมาเพียงเพื่อจะเล่าส่วนเสริมนิดๆ หน่อยๆ ขององค์กรนี้เท่านั้น สุดท้ายก็แทบไม่ได้ทำให้รู้เรื่องอะไรเพิ่มขึ้นเลยอยู่ดี 

เหล่า VIP ที่เป็นผู้ลงเดิมพันพนันผู้รอดชีวิตในเรื่องนี้มีการเผยเรื่องราวของพวกเขาขึ้นมาอีกนิดหน่อยเท่านั้น แต่มันก็แทบไม่ได้รู้อะไรเลย แล้วตอนหลังก็ถูกตัดจบหายไปหมดง่ายๆ อาจจะเพราะต้องการเอาไปต่อในเวอร์ชั่นตะวันตกก็ได้ ซึ่งเรื่องก็พยายามทิ้งตัวละครฟอนท์แมนให้มีเบื้องหลังก่อนเขามาทำหน้าที่คุมเกมไว้นิดๆ แต่ผู้กำกับก็บอกเองว่ายังไม่มีการเขียนบทไว้เลยครับ

สรุป

ยังคงเป็นซีรีส์ที่ยังไงก็คงต้องดูสำหรับคนที่ดูมาแล้ว ตัวเรื่องก็ยังคงเล่าเรื่องได้ดาร์คเข้มข้น และสะท้อนสังคมทุนนิยมได้ดี โดยมีการเพิ่มปมปัญหาประชาธิปไตยคนชั่วที่รวมตัวเป็นเสียงข้างมากกดขี่คนอื่นผ่านเกมที่ออกแบบมาเพื่อเล่นจิตวิทยากันโดยเฉพาะ ทำให้เรื่องดูเครียดกดดันกันสุดๆ แม้จะมีช่องโหว่ให้ตั้งคำถามอยู่บ้าง แต่ปัญหาคือบทในภาคนี้ดรอปลงมาก หลายอย่างดูมักง่าย อย่างการตายของฝ่ายตัวเอกหลายคนที่ไม่ชวนอินกับดราม่าที่พยายามสร้างขึ้นมาเลย บทตำรวจบนเรือก็ไม่ได้มีความสำคัญกับเรื่อง สาวเกาหลีเหนือที่เป็นสปายก็แยกเนื้อเรื่องไปโดดๆ ภาคนี้แทบไม่ได้ทำให้เรื่องราวเบื้องหลังเกมกระจ่างขึ้นเลย แล้วก็จบแบบทำลายอะไรไม่ได้เลยด้วย ทำให้การกระทำของตัวเอกแทบไร้ค่า เพียงเพื่อต้องการส่งไม้ต่อให้ฝรั่งทำครับ  

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่