playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Another Simple Favor เพื่อนหาย อย่าหา 2 งานภาคต่อลง Prime ที่กลายเป็นหนังเกรด B…

Another Simple Favor

Summary

ภาคต่อที่เปลี่ยนค่ายย้ายจากโรงมาลงสตรีมมิ่งด้วยทีมงานชุดเดิมทั้งหมด แต่ได้คุณภาพแบบหนังแผ่นเกรด B ที่ผู้ชมที่เป็นแฟนดูหรือไม่ดูก็ได้ เพราะการเล่าเรื่องถึงจะพยายามทำใหม่ให้คล้ายเดิมในโลเกชั่นใหม่ แต่ก็ดันไปเหมือนหนังสืบสวนตลกร้ายในตลาดเต็มไปหมดไป บทหักมุมที่ซับซ้อนก็ถูกทุบทำลายไปด้วยไอเดียง่ายๆ ที่ภาคแรกแง้มไว้นิดๆ แต่พอหยิบมามันก็กลายเป็นไอเดียตื้นๆ แบบที่ใครๆ ก็คิดได้ ซึ่งเฟลมากที่หนังจบลงแบบนี้แล้วยังพยายามทิ้งเรื่องไว้ให้ทำต่อได้อีก แต่ถ้าใครอยากดู แอนนา เคนดริก กับ เบลก ไลฟ์ลี มาประชันกันในบทคู่กัดแบบภาคแรกก็ยังพอดูได้อยู่ เพราะถึงผ่านมา 7 ปีเสน่ห์ความงามของทั้งคู่ก็ยังไม่เปลี่ยน และลากให้ผู้ชมเคลิ้มไปกับชุดสวยๆ ได้ไปจนจบครับ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ทีมงานชุดเดิมกลับมาหมด
  • 2 นักแสดงตัวเอกยังคงมีเสน่ห์อยู่เหมือนเดิม
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • บทสูตรสำเร็จมากเกินไป
  • จุดเฉลยเล่นง่ายมาก
  • ตัวละครสมทบที่กลับมาแทบไม่มีบทบาทเลย
  • พยายามทิ้งท้ายไว้สร้างภาคต่อ

 

ADBRO

Another Simple Favor เพื่อนหาย อย่าหา 2 ภาพยนตร์ amazon Prime แนวสืบสวนตลกร้าย เรื่องราวต่อเนื่องของ สเตฟานี สมาร์เธอร์ส (แอนนา เคนดริก) และเอมิลี เนลสัน (เบลก ไลฟ์ลี) กลับมาพบกันอีกครั้งบนเกาะคาปรีสุดหรูในอิตาลี เพื่อร่วมงานแต่งงานสุดอลังการของเอมิลีกับนักธุรกิจชาวอิตาลีผู้มั่งคั่ง แต่ท่ามกลางแขกสุดหรู งานแต่งครั้งนี้กลับเต็มไปด้วยปริศนา การทรยศ และการฆาตกรรม ที่จะทำให้ค่ำคืนแห่งความสุขพลิกผันเกินคาดเดา
Another Simple Favor (2025) on IMDb

*หมายเหตุควรหาดูภาคแรกก่อนเพราะภาคนี้ไม่ได้เล่าเรื่องภาคก่อนไว้เลย และก็ไม่มีใน amazon prime ด้วย

รีวิว Another Simple Favor เพื่อนหาย อย่าหา 2 (ไม่มีสปอยล์)

 

ภาคต่อที่เปลี่ยนค่ายผู้สร้างจาก Lionsgate มาเป็นของ Amazon Studios เพราะได้ซื้อสิทธิ์ต่อมาเพื่อหาทางขยายแนวสืบสวนตลกร้ายที่ช่วงหลังเริ่มเป็นที่นิยมมาก ตั้งแต่ Knives Out ที่ Netflix ก็ซื้อไปทำต่อและก็โด่งดังตามมา จนภาค 3 กำลังะฉายในปีนี้อีก เรื่องก็มาแนวเดียวกันเลยคือยกเซ็ตทั้งผู้สร้าง ผู้กำกับ คนเขียนบท ทีมนักแสดงทุกคนมาทำต่อลงสตรีมมิ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันสามารถสร้างความคาดหวังให้ผู้ชมได้ว่า อย่างน้อยก็น่าจะยังคงเอกลักษณ์ดีๆ แบบเดิมไว้ได้อยู่

แต่ทว่าเรื่องนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย หนังเหมือนผู้สร้างหมดมุกไปต่อตั้งแต่บทที่ควรจะตันตั้งแต่ตอนจบของภาคแรกแล้วว่า เอมิลีถูกจับเข้าคุกเพราะหลักฐานมัดตัวขนาดนั้น แต่เรื่องนี้กลับหาทางเอาเธอออกมาง่ายๆ เพียงเพื่อจะขึ้นเนื้อเรื่องใหม่ในโลเกชั่นใหม่ แต่ก็ดันเหมือนคิดอะไรไม่ออกเลยมาแนวเดียวกับพวกหนังแนวนี้ที่มักเริ่มต้นด้วยการไปเกาะหรู ร่วมงานแต่งของผู้มีอิทธิพลบนเกาะ (ซึ่งก็มักชอบใช้มาเฟียอิตาลีเหมือนๆ กันหมด) ก่อนที่จะทำให้มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นมา นี่ดูเผินๆ นี่มันคือเซ็ตติ้งสำเร็จรูปแบบดิบๆ เหมือนคนเขียนบทคิดว่าจะกินอะไรไม่ออกก็แกะมาม่าต้มกินเอาง่ายๆ แต่ด้วยความที่ไม่อาหารที่แค่ยัดท้องลงไปให้อิ่มด้วยเวลาสั้นๆ ไม่คิดมากได้ แต่เป็นหนังที่ต้องมีการลงรายละเอียดลึกให้ผู้ชมได้เสพด้วยเวลาถึง 2 ชั่วโมง ถึงแม้จะเป็นหนังสตรีมมิ่งแท้ๆ ไม่เอาไปฉายโรงก็เถอะ แต่ภาคแรกคือหนังที่สนุก ตลกร้าย หลอกล่อได้ซับซ้อน หักมุมกันหลายรอบ แต่กับภาคนี้ทำได้แค่ช่วงแรกที่ผู้ชมคิดสงสัยเองแบบที่ตัวนางเอกก็คิดว่า “ยังไงฉันก็ไม่ใจเธอ เพื่อนสาวฆาตกรคนนี้จะเอาอะไรมาหลอกอีก” ซึ่งสถานการณ์ความคิดนี้ไม่ใช่เพราะตัวบทเขียนออกมาได้ดี แต่เป็นไปเองจากคนที่ดูภาคแรกแล้วรู้ว่าต้องโดนหลอกแน่นอน แต่นี่มันภาคต่อ… ดังนั้นบทจะมาหักมุมซ้ำรอยก็คงไม่ได้… แต่กลายเป็นว่าเรื่องช่วงหลังกลับหาเฉลยเรื่องแบบง่ายๆ กำปั้นทุบดินกันไปเลย ไม่ต้องมีแล้วฉากหักมุมที่ฉลาด การหลอกล่อที่สนุกซับซ้อนหายไป หนังเฉลยแล้วกลายเป็นมุกที่พื้นๆ มากแบบไม่คิดว่าจะเอามาใช้ได้เลย แม้ตัวบทภาคแรกมันจะมีแง้มเปิดช่องว่างไว้ก็เถอะ แล้วตอนจบก็ยังทิ้งท้ายอย่างจงใจไว้ทำภาคต่อเพิ่มอีก ซึ่งก็อาจจะได้ทำเพราะคราวนี้อยู่ในมือของสตูดิโอสตรีมมิ่งที่ต้องการแฟรนไชนส์แบบนี้ไว้อยู่แล้ว และด้วยทุนสร้างที่คงไม่เยอะมากด้วยครับ (ภาคแรก 20 ล้านเหรียญ ภาค 2 ยังไม่เปิดเผยแต่จะมากขึ้นด้วยโลเกชั่นอิตาลี)

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หนังก็ยังมีดีอยู่ตรงที่การได้เห็นนักแสดงตัวเอก 2 คน แอนนา เคนดริก กับ เบลก ไลฟ์ลี มาประชันกันในบทเพื่อนสาวคู่กัดที่เป็นสีสรรมากกว่าเนื้อเรื่องจริงๆ ซะอีก ด้วยบทสนทนาที่จิกกัดกันได้อย่างตลกร้ายยังคงประคองเรื่องไปได้ และเสน่ห์ของนักแสดงทั้งคู่ก็ยังไม่เสื่อมคลายเหมือนภาคแรก แม้อายุจะบวกเพิ่มไปมากก็เถอะ ถือว่ายังให้คะแนนความงามของเธอทั้งคู่ได้เต็มอยู่เหมือนกัน

 

สรุปโดยรวม ภาคต่อที่เปลี่ยนค่ายย้ายจากโรงมาลงสตรีมมิ่งด้วยทีมงานชุดเดิมทั้งหมด แต่ได้คุณภาพแบบหนังแผ่นเกรด B ที่ผู้ชมที่เป็นแฟนดูหรือไม่ดูก็ได้ เพราะการเล่าเรื่องถึงจะพยายามทำใหม่ให้คล้ายเดิมในโลเกชั่นใหม่ แต่ก็ดันไปเหมือนหนังสืบสวนตลกร้ายในตลาดเต็มไปหมดไป บทหักมุมที่ซับซ้อนก็ถูกทุบทำลายไปด้วยไอเดียง่ายๆ ที่ภาคแรกแง้มไว้นิดๆ แต่พอหยิบมามันก็กลายเป็นไอเดียตื้นๆ แบบที่ใครๆ ก็คิดได้ ซึ่งเฟลมากที่หนังจบลงแบบนี้แล้วยังพยายามทิ้งเรื่องไว้ให้ทำต่อได้อีก แต่ถ้าใครอยากดู แอนนา เคนดริก กับ เบลก ไลฟ์ลี มาประชันกันในบทคู่กัดแบบภาคแรกก็ยังพอดูได้อยู่ เพราะถึงผ่านมา 7 ปีเสน่ห์ความงามของทั้งคู่ก็ยังไม่เปลี่ยน และลากให้ผู้ชมเคลิ้มไปกับชุดสวยๆ ได้ไปจนจบครับ

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ
------------------------------------------------------------