รีวิว ÉTOILE โรงละครท้าฝัน (Prime) ศิลปินบ้า คณะบัลเลต์ป่วน
ÉTOILE
Summary
ซีรีส์ดราม่าคอมเมดี้จาก Amazon Prime ที่นำเสนอเรื่องราวแปลกใหม่ของการแลกเปลี่ยนศิลปินระหว่างคณะบัลเลต์จากนิวยอร์กและปารีส โดยจุดเด่นอยู่ที่ตัวละครหลักทั้งสี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงและบทสนทนาคมคายที่สร้างเสียงหัวเราะ แม้จะมีจุดอ่อนในช่วงครึ่งหลังที่เรื่องขาดทิศทางชัดเจนและมีฉากเต้นบัลเลต์น้อยกว่าที่คาดหวัง แต่ซีรีส์นี้ก็ยังน่าชมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวแนวศิลปะและตัวละครที่มีความแปลกประหลาด ทั้งยังสะท้อนความจริงของวงการศิลปะที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในยุคปัจจุบัน หากคุณชอบผลงานของ Amy Sherman-Palladino จากผู้สร้าง The Marvelous Mrs. Maisel และไม่รังเกียจตัวละครที่มีบุคลิกกับบทพูดเพี้ยนๆ ทั้งเรื่อง Étoile น่าจะเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ตอบโจทย์นี้ได้เหมือนกันครับ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- บทสนทนาคมคายและกวนประสาท
- ตัวละครหลักที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง
- มุขตลกที่แปลกใหม่ผ่านพฤติกรรมของศิลปิน
- สะท้อนความจริงของวงการศิลปะร่วมสมัย
- ความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างคณะบัลเลต์อเมริกาและฝรั่งเศส
- มีพากย์ไทย
Cons
- ช่วงครึ่งหลังแตกประเด็นย่อยมากเกินไป
- ตัวละครรองไม่ได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง
- ฉากการเต้นบัลเลต์จริงจังมีน้อย
- ขาดทิศทางที่ชัดเจนในการดำเนินเรื่องช่วงท้าย
- ฉากไคลแม็กซ์ค่อนข้างธรรมดา
- ช่วงฝรั่งเศสพูดภาษาสลับไปมาเยอะ
ADBRO
ÉTOILE โรงละครท้าฝัน ซีรีส์ดราม่าคอมเมดี้จาก Amazon Prime ความยาว 8 ตอนจบซีซั่น 1 ถ่ายทอดเรื่องราวของสองคณะบัลเลต์ชั้นนำจากนิวยอร์กและปารีสที่กำลังเผชิญวิกฤตทางการเงิน ทั้งคู่จึงตัดสินใจแลกเปลี่ยนดาวเด่นของแต่ละคณะเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน แต่กลับกลายเป็นว่าการตัดสินใจครั้งนี้นำมาซึ่งปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ÉTOILE โรงละครท้าฝัน
ซีรีส์นำเสนอโลกของบัลเลต์โดย Amy Sherman-Palladino ผู้สร้างผลงานฮิตอย่าง The Marvelous Mrs. Maisel ในยุคที่สตรีมมิ่งครองโลกและศิลปะการเต้นบัลเลต์อาจดูห่างไกลจากความสนใจของผู้ชมส่วนใหญ่ เรื่องราวจึงเริ่มต้นจากสภาวะที่คณะบัลเลต์ชั้นนำทั้งสองกำลังพยายามดึงดูดผู้ชมให้กลับมาด้วยกลยุทธ์การแลกเปลี่ยนนักเต้นดาวรุ่งของแต่ละฝ่าย โดยที่แนวคิดของคณะบัลเลต์อเมริกากับฝรั่งเศสมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง—ฝั่งอเมริกาเน้นนวัตกรรมและการปรับตัวให้ทันสมัย ขณะที่ฝรั่งเศสยึดมั่นในขนบดั้งเดิมอย่างกระโปรงฟูฟ่องแบบคลาสสิก แก่นของเรื่องคือการที่ทั้งสองฝ่ายต้องเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลง โดยมีตัวละครหลักสี่คนที่เป็นแกนนำในการดำเนินเรื่อง
ซีรีส์มีตัวละครมากมาย แต่โฟกัสหลักอยู่ที่ผู้อำนวยการของทั้งสองคณะ—”แจ็ค” (อเมริกา) และ “จีนีเวีย” (ฝรั่งเศส) ควบคู่ไปกับ “เชเยน” นักเต้นระดับโลกจากฝรั่งเศส และ “โทไบอัส” นักออกแบบท่าเต้นชื่อดังจากอเมริกา เรื่องราวสลับไปมาระหว่างสองประเทศ โดยทั้งแจ็คและจีนีเวียหวังว่าจะสามารถดึงดูดผู้ชมและสร้างรายได้ด้วยการนำดาวเด่นของอีกฝ่ายมาแสดง แต่กลับพบว่าทั้งเชเยนและโทไบอัสเป็นศิลปินที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีอีโก้ และอารมณ์ศิลปินที่เข้าใจยาก จนทำให้ทั้งคู่ต้องปวดหัวกับการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะไม่ว่าสองคนนี้จะพูดหรือทำอะไร ก็กลายเป็นดราม่าไปเสียหมด บางครั้งถึงขั้นลุกลามเป็นวิกฤตใหญ่ที่แทบจะควบคุมไม่ได้
จุดเด่นของซีรีส์อยู่ที่บทสนทนาที่คมคายและกวนประสาท เชเยนผู้เป็นนักเต้นดาวเด่นนั้นมีความหลงใหลในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างสุดโต่ง ถึงขั้นออกไปล่องเรือประท้วงนายทุนประมง นิสัยส่วนตัวของเธอชอบพูดอ้อมค้อมด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนแทนที่จะพูดตรงๆ จนทำให้ทั้งตัวละครในเรื่องและผู้ชมต่างงุนงงว่าเธอต้องการสื่อสารอะไรกันแน่ ซึ่งนี่คือมุขตลกหลักของเรื่อง แม้จะเข้าใจยากแต่เมื่อได้รับชมแล้วจะต้องขำกับเรื่องเล่าแปลกๆ ของเธอ อย่างไรก็ตาม หากผู้ชมไม่ชื่นชอบตัวละครที่มีลักษณะเพี้ยนๆ เช่นนี้ อาจรู้สึกหงุดหงิดได้เช่นกัน
ในทางตรงกันข้าม โทไบอัสนักออกแบบท่าเต้นมักจะเงียบขรึม ใส่หูฟังที่เปิดเพลงเสียงดังเพื่อให้มีสมาธิ แม้กระทั่งขณะกำกับการฝึกซ้อมของนักเต้น โดยที่ลูกศิษย์ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเขาเลย และเมื่อถอดหูฟังออกมา เขาก็มักจะพูดประโยคแปลกๆ ที่ฟังดูเพี้ยน ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งมุขตลกที่ทำให้ผู้ชมได้เห็นตัวละครอื่นๆ พยายามตีความและทำความเข้าใจคำพูดของเขา โดยไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกต้องหรือไม่ ตัวละครอีกคนที่น่าสนใจคือเกบง นักเต้นดาวรุ่งที่มีความประหลาดพอๆ กับโทไบอัส และแอบชอบเขามาตั้งแต่แรก จึงกลายเป็นเรื่องราวของคนแปลกสองคนที่พยายามจะเข้าใจกันผ่านศิลปะการเต้นบัลเลต์
เรื่องราวเน้นย้ำความสำคัญของบทสนทนาและพฤติกรรมที่แปลกประหลาดของตัวละครหลัก ซึ่งภายนอกอาจดูเหมือนเป็นเพียงคนเอาแต่ใจ แต่แท้จริงแล้วซีรีส์ต้องการชี้ให้เห็นว่าในโลกของศิลปะ ความเป็นอัจฉริยะมักมาพร้อมกับความบ้าเฉพาะตัว โดยที่ทั้งแจ็คและจีนีเวียต่างก็ตระหนักดีว่าพวกเขากำลังหาเงินมาเพื่อปกป้องศิลปินเหล่านี้ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการรักษาวงการบัลเลต์ให้คงอยู่ต่อไป มีตัวร้ายเป็น Crispin Shamblee นายทุนผู้ค้าอาวุธที่เข้ามาแทรกแซงการทำงานของคณะบัลเลต์ในรูปแบบที่ชวนขัน ด้วยมุขตลกเกี่ยวกับเรื่องอันตรายในอาชีพของเขา เช่น การถูกลักพาตัวแล้วรอดชีวิตมาได้ หรือการจ้างคนหน้าคล้ายตัวเองไว้ใกล้ๆ เพื่อป้องกันการถูกลอบสังหาร เป็นต้น

แม้ซีรีส์จะเต็มไปด้วยมุขตลกและบทพูดประหลาด แต่ก็สะท้อนความจริงของวงการศิลปะร่วมสมัยที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ด้วยการปกป้องและสนับสนุนศิลปินที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เพื่อรักษาไว้ซึ่งศิลปะที่พวกเขารัก
อย่างไรก็ตาม ซีรีส์มีความสนุกและตลกขบขันกับความแปลกประหลาดของตัวละครหลักทั้งสี่คนในช่วงครึ่งแรก แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงหลัง เรื่องกลับพยายามแตกประเด็นย่อยมากเกินไป เช่น เด็กน้อยลูกคนทำความสะอาดที่เชเยนไปพบเจอและเกิดความสนิทสนม แต่บทกลับนำเสนอแบบผิวเผิน หรือตัวละครลูกสาวนายกฝรั่งเศสที่ถูกคัดออกจากคณะแล้วได้มาอยู่อเมริกา ก่อนจะได้แลกเปลี่ยนกลับไปจนถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น รวมถึงแม่ของเชเยนที่มีนิสัยกราดเกรี้ยวและเข้าถึงยาก ตัวละครเหล่านี้ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้งพอ ทำให้ช่วงท้ายของซีรีส์ดูเหมือนไร้ทิศทางที่ชัดเจนว่าจะดำเนินไปสู่บทสรุปอย่างไร
นอกจากนี้ ฉากการเต้นบัลเลต์ที่จริงจังในเรื่องก็มีไม่มากอย่างที่คาดหวัง ส่วนใหญ่เป็นเพียงฉากการฝึกซ้อมสั้นๆ ส่วนการแสดงบนเวทีจะเป็นเพียงฉากเปิดการแสดงแล้วตัดไปที่ปฏิกิริยาของผู้ชมเพื่อสรุปว่าการแสดงประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ฉากไคลแมกซ์ของเรื่องก็ค่อนข้างธรรมดา โดยเน้นไปที่ปัญหาเบื้องหลังการแสดงมากกว่าฉากการเต้นที่อลังการ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่านักแสดงหลักในเรื่องไม่ได้เป็นนักบัลเลต์มืออาชีพ แม้ว่านักแสดงที่รับบทเชเยนจะมีพื้นฐานการเต้นมาบ้าง แต่ก็ต้องฝึกฝนเพิ่มเติมและใช้นักเต้นตัวแทนในบางฉาก ทำให้ฉากการเต้นบัลเลต์ที่สมจริงมีน้อยกว่าที่หลายคนคาดหวังไว้
สรุปโดยรวม ซีรีส์ดราม่าคอมเมดี้จาก Amazon Prime ที่นำเสนอเรื่องราวแปลกใหม่ของการแลกเปลี่ยนศิลปินระหว่างคณะบัลเลต์จากนิวยอร์กและปารีส โดยจุดเด่นอยู่ที่ตัวละครหลักทั้งสี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงและบทสนทนาคมคายที่สร้างเสียงหัวเราะ แม้จะมีจุดอ่อนในช่วงครึ่งหลังที่เรื่องขาดทิศทางชัดเจนและมีฉากเต้นบัลเลต์น้อยกว่าที่คาดหวัง แต่ซีรีส์นี้ก็ยังน่าชมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวแนวศิลปะและตัวละครที่มีความแปลกประหลาด ทั้งยังสะท้อนความจริงของวงการศิลปะที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในยุคปัจจุบัน หากคุณชอบผลงานของ Amy Sherman-Palladino และไม่รังเกียจตัวละครที่มีบุคลิกกับบทพูดเพี้ยนๆ ทั้งเรื่อง Étoile น่าจะเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ตอบโจทย์นี้ได้เหมือนกันครับ