รีวิว Maxton Hall Season 2 (prime) สูตรสำเร็จรักน้ำเน่าที่ดูแล้วฟินแบบที่ไม่ต้องคิดมาก

Maxton Hall Season 2 ซีรีส์เยอรมัน Amazon Prime  6 ตอน — สานต่อเรื่องราวความรักของรูบี้กับเจมส์ โบฟอร์ต ที่มีปัญหาจากครอบครัวต่างชนชั้นฐานะกัน จนกลายเป็นอุปสรรคที่ยากจะก้าวข้ามไปได้

รีวิว Maxton Hall (Prime) ซีรีส์รักวัยรุ่นที่ฉาบหน้าหลอกตา เนื้อในดราม่าเข้มข้นสุดๆ

รีวิว Maxton Hall Season 2

ภาคต่อของซีรีส์รักวัยรุ่นที่ทำยอดรับชมสูงสุดของ Prime กลับมาแล้ว โดยซีซั่น 2 สร้างจากนิยายเล่มถัดมาชื่อ Save You ก่อนจะไปจบที่ Save Us ซึ่ง Prime ก็อนุมัติให้ถ่ายทำซีซั่น 3 พร้อมกับซีซั่น 2 ไปแล้วเรียบร้อย เรื่องราวถูกวางไว้ต่อเนื่องจากตอนจบที่แม่ของเจมส์เสียชีวิตจนจิตใจเขาแตกสลาย ในขณะที่รูบี้กำลังดื่มด่ำกับความสุขของครอบครัวและอินกับรักแรกกับเจมส์อยู่ โดยไม่รู้เลยว่าเขากำลังดิ่งลงสู่ตัวตนที่มีปัญหา และนำพาให้ทั้งคู่ต้องแยกทางกันอีกครั้ง หลังจากที่รูบี้พบว่าเจมส์ไปจูบกับอีเลน สาวตระกูลดังที่ถูกวางตัวให้มาแต่งงานกับเจมส์ เรื่องราวหลังจากนั้นก็กลายเป็นฉากสูตรสำเร็จรักน้ำเน่าแบบเดิม แต่ก็มีความแปลกใหม่มากพอสมควรเมื่อเรื่องเริ่มขยายบริบทลงไปยังตัวละครอื่นๆ ทำให้สูตรสำเร็จนี้เข้มข้นและดาร์คขึ้นกว่าเดิมมาก

ต้องบอกว่าใน 3 ตอนแรก ตัวเรื่องตั้งใจเดินตามสูตรสำเร็จแนวรักน้ำเน่าเพื่อเอาใจกลุ่มผู้ชมแนวนี้โดยตรง เจตนาเดินเรื่องให้เชยๆ มีฉากติดเรตนิดๆ แบบเห็นก้นพระเอกกันตรงๆ และสร้างเรื่องราวให้มีแค่ฉากพระเอกนางเอกง้องอนกัน ประเด็นในช่วงนี้มีเพียงความเข้าใจผิดของรูบี้กับทิฐิที่ว่าเธอต้องไปอ็อกซ์ฟอร์ดให้ได้ แม้จะอกหักใจสลายจากการเห็นเจมส์จูบกับผู้หญิงอื่นตั้งแต่ต้นเรื่อง ส่วนเจมส์ก็พยายามหาทางคืนดีตามสูตรพระเอกจนสำเร็จ และไปจบที่งานเลี้ยงของโรงเรียนที่เชิญแขกคนดังมา ซึ่งรูบี้ก็ได้ทุกอย่างที่หวังไว้กลับคืนมาในคืนนั้น

แต่หลังจากตอนที่ 4 ไป เรื่องเข้มข้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อจบเรื่องราวรักสวยหรูในครึ่งแรก มาสู่ครึ่งหลังที่หลายอย่างเริ่มมีอุปสรรค สิ่งที่ปูไว้ในครึ่งแรกพังทลายลงทั้งหมด ครึ่งหลังนี้คือการเดินเรื่องเพื่อปูไปซีซั่น 3 โดยตรง สอดคล้องกับชื่อนิยายเล่ม Save Us ที่หมายถึงการกอบกู้ความสัมพันธ์ ดังนั้นช่วงนี้จะไม่มีเรื่องง้องอนของทั้งคู่อีกแล้ว เพราะต่างตกลงกันว่าจะฝ่าฟันไปให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเข้ามาก็ตาม แต่เรื่องก็ใส่อุปสรรคที่ใหญ่เกินกว่าทั้งคู่จะแก้ไขได้ โดยเชื่อมโยงไปกับการพยายามกอบกู้ตระกูลโบฟอร์ตที่กำลังล่มสลาย เพราะพ่อของเจมส์เชื่อว่ารูบี้คือเด็กสาวที่เข้ามาทำลายทุกอย่างที่เขาวางแผนไว้ให้ลูกชาย พ่อของเจมส์จึงกลายเป็นตัวร้ายสุดของเรื่องที่ใช้ทุกวิถีทางมาทำลายรูบี้ ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวของเธอก็โดนไปด้วย ก่อนที่เรื่องจะจบลงตรงที่ชีวิตของรูบี้กับเจมส์พังทลายสิ้นทุกอย่าง ซึ่งซีรีส์ทิ้งท้ายตอนจบได้น่าติดตามมากจริงๆ

นอกจากเรื่องราวของตัวเอกทั้งคู่แล้ว ซีซั่นนี้ยังขยายเรื่องราวมายัง “ลิเดีย” น้องสาวของเจมส์ ที่ซีซั่นแรกมีบทเด่นช่วงหลังกับความรักของเธอกับอาจารย์คนดังของโรงเรียน และเธอท้องโดยไม่ยอมบอกเขา ซีซั่นนี้เจาะลึกเรื่องราวชีวิตลิเดียที่มีรูบี้คอยช่วยเหลือ โดยผูกเรื่องให้เธอกลายเป็นคนกลางระหว่างรูบี้กับเจมส์ ในขณะที่ตัวเธอเองก็กำลังตัดสินใจว่าจะบอกอาจารย์ดีหรือไม่ว่าเธอท้อง และยังต้องปกปิดพ่อไว้อีก ทั้งที่กิจการของโบฟอร์ตก็มีปัญหาจากการก่อเรื่องของเจมส์ที่เธอต้องเข้ามาช่วยทำงานเบื้องหลัง ซีรีส์ผลักดันเรื่องราวของเธอให้โดดเด่นขึ้นเป็นตัวละครหลัก และมีบทบาทสำคัญกับเส้นเรื่องของเจมส์กับรูบี้โดยตรง โดยเฉพาะปัญหาความรักลับๆ ของเธอที่จะกลายเป็นบทสรุปหักมุมคาดไม่ถึงในตอนจบ ซึ่งจุดนี้ซีรีส์ทำออกมาได้กระชากใจไม่แพ้สิ่งที่รูบี้ต้องเจอในตอนจบซีซั่นนี้เลย

นอกจากนี้เรื่องราวยังไปเก็บรายละเอียดเล็กๆ ของตัวละครอื่นๆ จนครบ อย่างคู่เกย์ในชมรมกีฬาที่เป็นเพื่อนสนิทของเจมส์ หรือน้องสาวของรูบี้ก็มีบทมากขึ้นในซีซั่นนี้ และยังมีตัวละครตัวร้ายรุ่นเดียวกับเจมส์เปิดตัวมาใหม่ แต่ด้วยจำนวนตอนที่สั้นลงเหลือแค่ 6 ตอน ทำให้เรื่องราวเหล่านี้แทบไม่มีผลกับเนื้อเรื่องหลักเลย

สรุป

ซีรีส์รักสูตรสำเร็จที่ยังคงเดินเรื่องแนวน้ำเน่าสุดๆ แต่กลับเก็บรายละเอียดเรื่องราวต่างๆ ได้ดีจนแม้จะเน่า ก็ดูแล้วฟิน อินไปกับปัญหาชีวิตรักของคนสองชนชั้นที่พยายามรักกันให้ได้แม้จะมีอุปสรรคมากมายมาขวาง เรื่องยังคงมีความหวานอมขมกลืนครบทุกอารมณ์ และเพิ่มเรื่องราวของน้องสาวเจมส์จนกลายเป็นจุดสำคัญของเรื่องราวความรักครั้งนี้ โดยพาร์ทของเธอดูหนักหน่วงกว่ารูบี้ที่เป็นนางเอกด้วยซ้ำ สุดท้ายเรื่องขมวดจบให้ทุกอย่างพังทลายลงหมดในฉากจบแบบดาร์คสุดๆ เพื่อไปต่อที่ซีซั่น 3 Save Us จากนิยายเล่มจบ เล่าเรื่องการกอบกู้ทุกอย่างกลับมา ซึ่งน่าติดตามมากครับ