playinone.com
รีวิวหนัง ซีรีส์ Netflix HBO Prime Disney+ Apple TV+ สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Overcompensating (Prime) ชีวิต ‘เกย์แอ๊บแมน’ ที่ตลก มีเสน่ห์ จริงใจ และก็น่าเห็นใจไปพร้อมกัน

Summary

ซีรีส์เกย์แอ๊บแมนสุดว้าวุ่น ที่มีเสน่ห์จากความจริงใจของตัวละครเกย์ที่ต้องทนแอ๊บมาตลอดชีวิต ซีรีส์ทำให้ผู้ชมเข้าใจเขา ตลก สนุกสนานไปกับความน่าอึดอัดที่เขาก่อขึ้นเอง แต่ก็น่าเห็นใจไปพร้อมกัน โดยมีตัวละครเพื่อนสาวที่พยายามให้ได้รับการยอมรับจากสังคมมาเคียงคู่เติมเต็มกันได้เป็นอย่างดี แม้จะมีข้อบกพร่องในเรื่องโทนตลกที่บ้าบอเกินไปมากๆ กับความสมจริงที่เรื่องพยายามนำเสนอ โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังที่เริ่มไม่ลงตัว แต่ก็ถือเป็นซีรีส์ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองชัดมาก ผู้ชมที่ไม่ใช่เกย์ก็ดูสนุกได้เพราะแทบไม่มีฉากเกย์ให้เห็น ส่วนใครเป็นเกย์ก็น่าจะชอบและเชียร์ตัวละครเบนนี่ออกมาดังๆ ว่าให้เลิกแอ๊บสักทีเถอะครับ!  

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แนวเกย์แอ๊บแมนในรั่วมหาวิทยาลัย
  • นำเสนอสังคมวัยรุ่นที่ต้องการถูกยอมรับจนเต็มไปด้วยเรื่องตลก
  • นักแสดงมีเสน่ห์ น่ารัก
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • โทนตลกบ้าบอเกินจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลังจนดูมากไป
  • ตัวละครเปลี่ยนพฤติกรรมไวเกินไปจนดูขาดความน่าเชื่อถือ

ADBRO

Overcompensating เฟรชชี่วัยใสหัวใจว้าวุ่น ซีรีส์ amazon prime แนวคอมเมดี้ 8 ตอนจบซีซั่นแรก มีพากย์ไทย ไปตามติดชีวิตสุดยุ่งเหยิงของ เบนนี่ น้องใหม่ในรั้วมหาลัยที่ต้องปิดบังตัวตนด้านเพศของตัวเองเพื่อการเป็นที่ยอมรับ
Overcompensating (2025) on IMDb

รีวิว Overcompensating (Amazon Prime Video)

ซีรีส์คอมเมดี้ “เกย์” จากที่สร้างโดย Benito Skinner ไม่ต้องไปสงสัยว่าเขาคือใคร เพราะก็คือตัวเอกนักแสดงในเรื่องนี้เองนี่แหละ และเป็นเกย์ในชีวิตจริงด้วยครับ (ปัจจุบันอายุ 31)

ซีรีส์ติดตามชีวิตของ เบนนี่ (Skinner) และ คาร์เมน (Wally Baram) นักศึกษาปีหนึ่งที่ต่างคนต่างพยายามค้นหาตัวเองในรั้วมหาวิทยาลัยอันเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน จากสังคมที่พยายามให้ทุกคนโหยหาการถูกยอมรับจากคนอื่น ซึ่งถ้าเป็นหนุ่มสาวปกติก็คงเห็นกันจนเกร่อมากมายแล้ว แต่นี่คือเรื่องราวของ ‘เกย์แท้ที่แอ๊บแมนมาตลอดชีวิต’ มันก็เลยสดใหม่และแปลกประหลาด โดยใช้เรื่องจริงจากประสบการณ์ของตัวเองมาผสมกับเรื่องแต่งที่บ้าหลุดโลกรวมกันลงไป กลายเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันและเจ็บปวด ถ่ายทอดประสบการณ์วัยรุ่นช่วงเปลี่ยนผ่านได้อย่างจริงใจเอามากๆ

ซีรีส์เล่าเรื่องการที่เบนนี่ต้องต่อสู้กับการยอมรับตัวตนทางเพศของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก โดยแทบจะเป็นปฏิกิริยาออโต้ว่าเขาจะปฏิเสธกับทุกอย่างที่อาจจะทำให้คนอื่นมองว่าเขาเป็นเกย์ เลยกลายเป็นแต่ละฉากก็จะมีเรื่องราวที่สะดุดใจทำให้เขาต้องฝืนแสดงออกไปตลอด ทั้งๆ ที่ในใจตรงข้ามกันเลย ทำให้ตัวละครมีสีสันความขัดแย้งในตัวเองสูงทุกการกระทำ ซึ่งนี่คือเสน่ห์ของตัวละครนี้ที่ดูแล้วก็อดเอาใจช่วยไม่ไหวให้เบนนี่ยอมปลดปล่อยตัวเองจากกรงขังในใจของตัวเองสักที 

ในขณะที่ Carmen คือสาววัยรุ่นที่สูญเสียพี่ชายไปและพยายามเปลี่ยนตัวเองจากเด็กเนิร์ดให้เข้าสังคมได้ทุกวิถีทาง เธอต้องมาพบเจอกับเบนนี่หนุ่มหล่อหุ่นดีที่เธอคิดว่าต้องมีอะไรกับเขาให้ได้ในคืนแรกของการเข้ามาที่นี่ ตามเสียงเชียร์ของเพื่อนในมหาลัยที่บอกต่อกันมาให้ทำ ก็เลยกลายเป็นการโป๊ะเชะของคนสองคนที่ต่างโหยหาการถูกยอมรับจากสังคมในรั้วมหาลัยที่พาให้ชีวิตทั้งคู่ต่างก็เจอแต่เรื่องลำบากปวดหัวกันตลอดเวลา 

ซีรีส์เล่าเรื่องช่วงครึ่งแรกได้สนุกมากอย่างไม่น่าเชื่อว่านี่คือซีรีส์เกย์แท้ๆ มันเป็นเรื่องราวที่ขำแบบบ้าบอคอแตกมาก แต่มันก็สอดแทรกความรู้สึกลึกๆ ของเกย์แอ๊บแมนให้ผู้ชมได้อย่างน่าเห็นใจจริงๆ กลายเป็นชีวิตที่ลำบากยากยิ่งกว่าหนุ่มสาววัยรุ่นปกติหลายเท่า เพราะเบนนี่ต้องแบกรับความคาดหวังจากสังคมทั้งจากในบ้าน มหาวิทลัย และจากตัวเองที่รู้สึกว่าถ้าทิ้งความแมนนี้ไปทุกคนที่เคยชอบเขาก็จะสูญหายไปด้วย เขายังต้องการเป็นที่รักอย่างที่เคยเป็นมาตลอด ถ้าทุกคนรู้ว่าเขาเป็นเกย์ก็เหมือนโลกนี้พังทลายไปในทันที ซึ่งซีรีส์เล่าเรื่องเกย์แอ๊บแมนในมุมนี้ได้อย่างจริงใจ มีเสน่ห์มาก โดยที่ตัวละครหญิงแท้อย่างคาร์เมนก็มาเป็นคู่หูที่ช่วยเสริมและแบ่งเบาความลำบากของเบนนี่ออกมาได้อย่างน่ารัก ทำให้เห็นว่าเกย์มีเพื่อนสาวแล้วดีตอบโจทย์ได้จริงๆ และเรื่องราวของคาร์เมนเองก็มีแง่มุมที่น่าสนใจติดตามไปอีกแบบไม่แพ้กัน

แต่พอถึงตอนที่ 5 ทิศทางของเรื่องราวเปลี่ยนไปแบบกลับตาลปัตรจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเบนนี่แล้วกระทบจิตใจ ซีรีส์กลายเป็นเน้นเล่าเรื่องตลกบ้าบอหลุดโลกมากขึ้นไปอีกจนดูมั่วซั่วเกินจริงไปเลย โดยมีชมรมลับที่เบนนี่เข้าไปอยู่และมีตัวละครแฟนพี่สาวเป็นประธานชมรม ที่มักหาเรื่องให้เกิดการกระทำบ้าๆ บอๆ จนเกินรับได้ (แต่เบนนี่ก็ยังรับทำ) ซึ่งแม้เรื่องนี้จะทำตัวละครหลายๆ ตัวออกมาดูบ้าบอมากๆ ตั้งแต่แรก แต่ทุกคนก็จะมีมุมที่เป็นปกติให้เห็นกันอยู่บ้าง  แต่เรื่องราวในช่วงหลังนี้มันกลายเป็นตัวละครสมทบทำอะไรมั่วเละเทะไปหมด แล้วก็มีออกนอกเส้นเรื่องเกย์ไป แม้มันจะมีความพยายามวกกลับมาเกย์บ้าง แต่มันกลับไม่สดใหม่ไต่ระดับชีวิตเกย์ของเบนนี่แบบช่วงแรกที่ทำได้ดีกว่ามาก แม้จะมีการเปิดตัวละครใหม่ตอนท้ายที่ซีรีส์พยายามปิดไว้แต่แรกว่าคนนี้ในอดีตคือใคร โดยเป็นฉากอยู่ในรถด้วยกัน แต่พอเฉลยออกมาในตอน 7 แล้วก็จบหายไปเลย แถมตัวละครพ่อแม่ของเบนนี่เองก็ยังออกแนวหลุดโลกตามไปอีก ทำให้ดูแล้วก็สงสัยว่าสังคมที่เรื่องนี้นำเสนอมันดูเละเทะมั่วซั่วเกินจะเป็นจริงไปได้ ซึ่งทำให้น่าผิดหวังในช่วงหลังมากเหมือนกัน แม้ฉากจบทิ้งท้ายจะมีความน่าติดตามที่ดี แต่ก็ยังไม่พอให้รู้สึกว่าซีซั่น 2 ถ้าได้ทำจะดีกว่านี้ได้ครับ

 

สรุป

Overcompensating เป็นซีรีส์เกย์แอ๊บแมนสุดว้าวุ่น ที่มีเสน่ห์จากความจริงใจของตัวละครเกย์ที่ต้องทนแอ๊บมาตลอดชีวิต ซีรีส์ทำให้ผู้ชมเข้าใจเขา ตลก สนุกสนานไปกับความน่าอึดอัดที่เขาก่อขึ้นเอง แต่ก็น่าเห็นใจไปพร้อมกัน โดยมีตัวละครเพื่อนสาวที่พยายามให้ได้รับการยอมรับจากสังคมมาเคียงคู่เติมเต็มกันได้เป็นอย่างดี แม้จะมีข้อบกพร่องในเรื่องโทนตลกที่บ้าบอเกินไปมากๆ กับความสมจริงที่เรื่องพยายามนำเสนอ โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังที่เริ่มไม่ลงตัว แต่ก็ถือเป็นซีรีส์ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองชัดมาก ผู้ชมที่ไม่ใช่เกย์ก็ดูสนุกได้เพราะแทบไม่มีฉากเกย์ให้เห็น ส่วนใครเป็นเกย์ก็น่าจะชอบและเชียร์ตัวละครเบนนี่ออกมาดังๆ ว่าให้เลิกแอ๊บสักทีเถอะครับ!  

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ
------------------------------------------------------------