รีวิว แผนกคดีปิดไม่ลง Dept. Q (Netflix) เรื่องราวซับซ้อนลากยาวเกินไป แต่ตัวละครมีเสน่ห์กู้ชีพไว้ได้

Dept. Q
Summary
Dept. Q ซีรีส์สืบสวนแนวคดีเย็นที่โครงสร้างเรื่องราวการสืบสวนไม่ได้แปลกใหม่ในสายนี้ โดยเป็นสองคดีที่ต้องสืบไปคู่กัน คือคดีของตัวเอกที่ถูกยิงในตอนเปิดเรื่องที่ไม่จบในซีซั่นนี้กับคดีลักพาตัวเป็นคดีหลักที่คนร้ายเหมือน SAW เวอร์ชั่นไม่โหด แต่ลากยาวทรมานไปกับเกม ซึ่งเรื่องซับซ้อนมากสุดๆ สมกับเป็นคดีที่ปิดไม่ลง ยากจะคาดเดาได้เลยจริงๆ แต่ว่ามันก็ทำให้ผู้ชมดูแล้วเหนื่อย ถึงจะเป็นคอแนวนี้เองก็ไม่ใช่จะเข้าใจง่ายๆ เลย แต่ซีรีส์มีจุดแข็งมากตรงคาแรกเตอร์ทีมตัวเอกที่โดดเด่นสุดๆ ทั้งสามคนพร้อมกับปูมหลังที่ต่างก็มีบาดแผลทางใจที่น่าค้นหามีเสน่ห์น่าติดตามกว่าตัวเคสสืบคดีจริงๆ ซะอีก ซึ่งถึงการเดินเรื่องจะยังขาดความกระชับในเนื้อหาและความสดใหม่ในเรื่องราว แต่ก็เห็นศักยภาพว่าจะพัฒนาได้ดีขึ้นไปอีกในซีซันถัดไปครับ
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- แนวคดีเย็นที่ปิดไม่ลง
- ตัวละครมีเสน่ห์ นักแสดงเล่นถึง
- มีพากย์ไทย
Cons
- การเล่าเรื่องซับซ้อนมากเกินไป
- เรื่องราวไม่สดใหม่ในแนวทางนี้
ADBRO
Dept. Q แผนกคดีปิดไม่ลง ซีรีส์ Original Netflix แนวสืบสวน 9 ตอนจบซีซั่นแรก เรื่องราวของตำรวจแผนกใหม่ที่ต้องรับงานคดีท้าทายที่ปิดไม่ลง โดยที่พวกเขาเองก็มีบาดแผลทางใจที่ต้องการรักษาให้หายเช่นกัน
รีวิว Dept. Q แผนกคดีปิดไม่ลง
ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีของ Jussi Adler-Olsen ของเดนมาร์ก โดยย้ายฉากมาเป็นเอดินบะระ สกอตแลนด์ และได้ Scott Frank (ผู้สร้าง The Queen’s Gambit) มารับหน้าที่เป็นโชว์รันเนอร์ พร้อมนักแสดงนำ Matthew Goode ในบทนักสืบ Carl Morck ตำรวจที่พึ่งผ่านพ้นเหตุเฉียดตายกับคู่หูที่ประสบเหตุร่วมกันจนพิการอยู่ในโรงพยาบาล เขาพยายามขอรับงานสืบเคสของตัวเอง แต่กลับถูกปฏิเสธและให้เขามาทำหน้าที่ในแผนกใหม่ของกรมตำรวจสางคดีที่ปิดไม่ลง เพื่อกู้หน้าตาของตำรวจที่ตกต่ำลง โดยมีลูกทีมที่เป็นตำรวจที่มีบาดแผลทางใจถูกดึงเข้ามาร่วมทีมนี้ด้วยเช่นกัน
ซีรีส์สืบสวนแนวคดีเย็นแบบนี้ไม่ได้แปลกใหม่เป็นสืบสวนยอดนิยม โดยเฉพาะพวกสายซีรีส์อังกฤษมักชอบทำกันจนเหมือนเป็นโครงสร้างแนวสืบสวนพื้นฐานแบบพวกหนังซอมบี้ประมาณนั้น (คิดอะไรไม่ออกก็แค่เปลี่ยนโลเกชั่นประมาณนั้น)
โดยเรื่องนี้ในซีซั่นแรกจะมี 2 คดีควบคู่กันก็คือคดีแรกจากตอนเปิดเรื่องเลยที่ตัวเอก Carl Morck กับ Hardy ถูกคนร้ายยิงในที่เกิดเหตุที่เขาเข้าไปตรวจสอบศพที่ถูกฆ่ามาหลายวัน โดยที่ตำรวจในที่เกิดเหตุไม่รู้เลยว่าคนร้ายซุ่มอยู่ในบ้านนั้น ซึ่งเขารอดตายมาได้ ส่วนคู่หูเป็นนอัมพาตติดเตียงในโรงพยาบาล ส่วนคดีที่สองคือ อัยการสาวฝีมือดีหายตัวไป 4 ปีอย่างลึกลับ คดีนี้เป็นเรื่องราวหลักของซีซั่นนี้
ซีรีส์เล่าเรื่องคดีแรกกับคดีที่สองผสมกัน โดยคดีแรกที่เกิดกับตัวเขาเองเป็นเหมือนซับพล็อตที่ค่อยๆ แทรกมาบางจังหวะ โดยที่ไม่ได้เกี่ยวกับคดีหลัก แต่ก็มีความซับซ้อนจนยากจะปิดลง โดยคดีนี้ถูกนำมาใช้เป็นปมทางจิตของเขาเองที่ทำให้คู่หูต้องกลายเป็นอัมพาต จนถึงขั้นหมดอาลัยตายอยากไม่อยากมีชีวิตอยู่ ซึ่งคาร์ลเองก็ต้องพยายามสืบให้ได้ว่าเป็นใคร โดยที่เขาเองก็ไม่มีอำนาจในคดีนี้ ซึ่งคดีนี้ก็ไม่ได้ถูกปิดจบในซีซั่นแรกด้วย เป็นเหมือนการทิ้งเรื่องไว้ไปต่อซีซั่นสองอีก

ส่วนคดีที่สองคือคดีจากแฟ้มคดีปิดไม่ลงที่เขาเลือกมาทำ โดยเรื่องนำเสนอเรื่องราวการสืบสวนของคาร์ลกับลูกทีมอีกสองคนไปพร้อมกับสลับการเล่าเรื่องในอดีตของอัยการสาวที่หายตัวไปแบบปริศนา และมีฉากในปัจจุบันที่เธอถูกจับขังอยู่ในห้องลึกลับเหมือนห้องในเรือดำน้ำที่เผยให้เห็นคนร้ายบางส่วนที่จับเธอมาเล่นเกมปริศนาว่าเธอทำผิดอะไร? ซึ่งเรื่องก็มีตัวละครอื่นๆ มากมายมาเกี่ยวข้องเป็นปมยุ่งเหยิงซับซ้อนมากๆ สมกับเป็นคดีที่ปิดไม่ลง ซึ่งผู้ชมยากจะคาดเดาได้ออกว่าใครเป็นผู้ร้าย แม้จะมีฉากที่เผยให้เห็นบางส่วนของคนร้ายตั้งแต่แรก ซึ่งซีรีส์ซับซ้อนระดับที่ไม่มีผังตัวละครเชื่อมโยงกันก็ยากที่คนจะจดจำความเกี่ยวข้องกันได้ทั้งหมด แถมซีรีส์ก็ไม่มีการอธิบายให้ผู้ชมเข้าใจได้อย่างง่ายๆ ทั้งการตัดสลับเล่าเรื่องในอดีตของอัยการก็ไม่ได้เล่าย้อนขึ้นมาเรื่อยๆ มีการเล่าสลับช่วงชีวิตไปมาจนทำให้ยิ่งดูยากขึ้นไปอีก ซึ่งผู้ชมที่ไม่อดทนพอไม่น่าจะรอด หรือแม้แต่คอสืบสวนแนวนี้เองดูแล้วยังเหนื่อยแน่ๆ (อย่าไปคิดถึง The Queen’s Gambit ที่ผู้สร้างเดียวกันอันนี้ดูสนุกเข้าใจง่ายมาก) แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องราวในคดีมีความน่าสนใจจากการที่คนร้ายใช้แรงดันในห้องนั้นทรมานคน โดยที่มีกฏของเกมวางให้อัยการเล่นเป็นเหมือนหนังอย่าง SAW ที่ไม่ได้มีฉากโหด แต่ก็ทรมานเหยื่อให้ตายทั้งเป็นในแบบเดียวกัน
ถึงตัวเรื่องการสืบคดีทั้งสองจะมีความยากในการดู แต่จุดเด่นของเรื่องนี้จริงๆ อยู่ที่การสร้างคาแรกเตอร์ทีมสืบสวนนี้ที่มีมิติตัวละครลึก แตกต่าง มีความพิเศษเฉพาะตัวที่ดูแล้วน่าสนใจกว่าการสืบคดีในเรื่องเสียอีก โดยได้นักแสดงที่เล่นถึงกันทุกคน
Matthew Goode ตัวเอกถ่ายทอดตัวละครนักสืบที่มีบาดแผลทางใจได้อย่างน่าเชื่อถือ ทั้งความเย็นชาและความรู้สึกผิดที่ฝังลึก ตัวละครมีความซับซ้อนมีมติกับปัญหาหลายอย่างรุมเร้าทั้งการสืบสวน ความรักกับหมอจิตวิทยา การดูแลลูกชายที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ซึ่งเขาแสดงได้อย่างเปอร์เฟ็กต์ในทุกทาง เล่นได้อย่างน่าหมั่นไส้กับนิสัยกวนตีนคนเขาไปทั่ว แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ยากจะลืมลง
Alexej Manvelov ในบท Akram Salim ผู้อพยพจากซีเรียที่สมัครเข้ามาเป็นตำรวจแต่ยังไม่ได้เป็น แต่ได้มาทำงานกับคาร์ลเพราะแผนกเบื้องบนส่งเขามาช่วยเก็บกวาด แต่กลายเป็นว่าเขามีความสามารถเกินล้นกว่าที่คิด ทั้งยังมีความดิบเถื่อนอีกด้านที่ตรงกับข้ามกับคาร์ลที่ใช้อารมณ์ผ่านความรุนแรง แต่เขาคือมุสลิมที่เคร่งครัดและยังควบคุมอารมณ์กับความรุนแรงได้อย่างเปอร์เฟ็กต์ ซึ่งก็ช่วยเติมเต็มให้ทั้งคู่กลายเป็นทีมสืบสวนที่มีชีวิตชีวาและมิติที่น่าสนใจ แถมยังติดตลกหน่อยๆ ตรงที่เขามักชอบทำอะไรขัดแย้งกับคาร์ลเสมอ แค่คาร์ลก็ยอมรับว่าหมอนี่คือเก่งจริง แถมยังมีอดีตในซีเรียที่เขาไม่ยอมบอกว่าทำอาชีพอะไรมาอีก (น่าจะไปเฉลยซีซั่นต่อไป)
ส่วนอีกคนคือ Leah Byrne ในบทโรส ลูกน้องสาวทีมเก่าของคาร์ล ที่ดูจะไม่ชอบคาร์ลเท่าไหร่ แต่ก็ขอมาทำแผนกนี้ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่เธอจมปลักอยู่กับอดีตที่เคยขับรถชนคนสูงอายุตายขณะไล่ล่าผู้รัาย ซึ่งกลายเป็นแผลใจและทางการก็ไม่ให้เธอทำหน้าที่สืบสวนอีก กลายมาเป็นเหมือนเลขาในกรมตำรวจ แต่ความสามารถของเธอคือการขุดค้นที่ละเอียดสุดยอด ทำให้เธอกลายเป็นแหล่งรวมข้อมูลต่างๆ ของทีม โดยที่เธอก็สนิทกับ Hardy คู่หูของคาร์ลที่เป็นอัมพาตในโรงพยาบาล ซึ่งเขาก็กลายมาเป็นทีมคู่หูนอกแผนกที่มาร่วมคลี่คลายคดีนี้ด้วยกัน และสร้างพลังใจทำให้เขาอยากกลับมาเดินได้อีกครั้ง
ซีรีส์จบปิดคดีลักพาตัวในซีซั่นนี้ แต่คดีของคาร์ลเองยังต้องไปต่อ ซึ่งซีรีส์ก็ทิ้งค้างไว้บอกใบ้ถึงคดีต่อไป ซึ่งถ้าได้ทำต่อเรื่องราวตัวละครที่พัฒนาขึ้นเฉลยปมต่างๆ ก็น่าสนใจติดตามดูต่อเหมือนกันครับ
สรุป
Dept. Q ซีรีส์สืบสวนแนวคดีเย็นที่โครงสร้างเรื่องราวการสืบสวนไม่ได้แปลกใหม่ในสายนี้ โดยเป็นสองคดีที่ต้องสืบไปคู่กัน คือคดีของตัวเอกที่ถูกยิงในตอนเปิดเรื่องที่ไม่จบในซีซั่นนี้กับคดีลักพาตัวเป็นคดีหลักที่คนร้ายเหมือน SAW เวอร์ชั่นไม่โหด แต่ลากยาวทรมานไปกับเกม ซึ่งเรื่องซับซ้อนมากสุดๆ สมกับเป็นคดีที่ปิดไม่ลง ยากจะคาดเดาได้เลยจริงๆ แต่ว่ามันก็ทำให้ผู้ชมดูแล้วเหนื่อย ถึงจะเป็นคอแนวนี้เองก็ไม่ใช่จะเข้าใจง่ายๆ เลย (ขนาดที่ต้องมีผังตัวละครช่วย) แต่ซีรีส์มีจุดแข็งมากตรงคาแรกเตอร์ทีมตัวเอกที่โดดเด่นสุดๆ ทั้งสามคนพร้อมกับปูมหลังที่ต่างก็มีบาดแผลทางใจที่น่าค้นหามีเสน่ห์น่าติดตามกว่าตัวเคสสืบคดีจริงๆ ซะอีก ซึ่งถึงการเดินเรื่องจะยังขาดความกระชับในเนื้อหาและความสดใหม่ในเรื่องราว แต่ก็เห็นศักยภาพว่าจะพัฒนาได้ดีขึ้นไปอีกในซีซันถัดไปครับ