รีวิว “สงคราม ส่งด่วน”( Mad Unicorn) ซีรีส์ธุรกิจที่เชือดเฉือนกันด้วยพลังแค้น!

สงคราม ส่งด่วน
Summary
ซีรีส์ไทยที่ผสมผสานดราม่าธุรกิจ การแก้แค้น และการต่อสู้ที่เข้มข้นของธุรกิจขนส่งที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเจ้าของแฟลชเอ็กเพรสจริงๆ เป็นเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ที่เป็นชนชั้นคนจนสู้กับเจ้าสัวทุนใหญ่ระดับประเทศได้อย่างเข้มข้น ซีรีส์สนุกทุกตอนเต็มไปด้วยความบันเทิงผสมมุกตลกที่แทรกมาได้พอเหมาะเจาะ มีการเดินเรื่องที่ตัวละครหลักสามคนใช้ภาษาจีนพูดคุยกันเยอะมากเพราะอ้างอิงกับธุรกิจจีนโดยตรง การเล่าเรื่องก็เร็วด่วนเหมือนชื่อธุรกิจขนส่งในเรื่อง จบใน 7 ตอนบริบูรณ์ (แต่จะมีต่อก็ได้) ตัวละครมีมิติ และโปรดักชั่นที่ทันสมัย จุดด้อยก็มีตรงเรื่องรักที่แทรกเข้ามาบางช่วงแบบไม่จำเป็นกับเรื่องมากเท่าไหร่ แต่โดยรวมก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมเสียไป แนะนำว่าเป็นซีรีส์ไทยที่ไม่ควรพลาดเลยครับ
Overall
8/10User Review
( vote)Pros
- ดราม่าธุรกิจขนส่งที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง
- ปมชนชั้นในวงการธุรกิจ
- ตัวละครมีมิติมาก+นักแสดงสมบทบาท
- เดินเรื่องไวแทบไม่มีเอื่อย
- ฉากโลเคชั่นจีน
- จบในซีซั่นเลย
Cons
- เรื่องรักที่แทรกมาเป็นส่วนเกินที่ไม่จำเป็น
- การพูดใช้ภาษาจีนเยอะผู้ชมไทยต้องอ่านซับตลอด
- ช่วงสองตอนแรกรีบเล่าเรื่องธุรกิจไปแบบไวมาก
ADBRO
รีวิว “สงคราม ส่งด่วน”( Mad Unicorn) ซีรีส์ไทยแนวดราม่า-ธุรกิจ 7 ตอนจบบน Netflix เรื่องราวของเด็กหนุ่มบนดอยที่พยายามสร้างธุรกิจขนส่งขึ้นมาผ่านนายทุนใหญ่ที่เขาเชื่อใจ แต่ก็ต้องพบว่าโลกธุรกิจนั้นโหดร้ายมาก จนทำให้เขาต้องสร้างขนส่งแบบเดียวกันขึ้นมาเป็นผู้แข่งขันใสตลาดแดงเดือดนี้
รีวิว “สงคราม ส่งด่วน”( Mad Unicorn)
ซีรีส์ไทนที่หยิบยกเรื่องราวการต่อสู้ในวงการขนส่งพัสดุด่วนมานำเสนออย่างเข้มข้น โดยได้แรงบันดาลใจมากจากแฟลชเอ็กเพรสชัดเจน (อ่านประวัติตัวจริงที่นี่) ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ตรงกัน โดยเป็นผลงานกำกับซีรีส์เรื่องแรกของ ไก่-ณฐพล บุญประกอบ ผลงานการเขียนบทภาพยนตร์ อาทิ Suckseed ห่วยขั้นเทพ, เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ
ด้วยความที่เรื่องราวชีวิตของตัวจริงนั้นก็โดดเด่นจนเป็นยูนิคอร์นตัวแรกของไทย ซีรีส์ก็ปรับเอาหลายสิ่งหลายอย่างมาทำให้เรื่องราวโลดโผนมีดราม่าชนชั้นผสมเรื่องธุรกิจที่มีชั้นเชิงหวือหวามากขึ้นไปอีก เริ่มจากการสร้างให้ตัวเอก “สันติ” เป็นเด็กดอยที่ทางบ้านยากจนไร้โอกาส แต่วันหนึ่งได้พบเจอกับนักธุรกิจใหญ่ “เจ้าสัวคณิน” ก็กลายเป็นการสร้างฝันให้เขาหาทางคว้าเงินมาจากอากาศด้วยไอเดียที่สดใหม่ที่ทุกคนต้องคิดให้ได้ ซึ่งทำให้เขาขายไอเดียการเอาขนส่งจีนชื่อดังมาร่วมทุนเปิดที่ไทย โดยมีเจ้าสัวเป็นนายทุน แต่แล้วเขากลับโดนหักหลังจนทำให้ต้องตั้งบริษัทขนส่งของตัวเองขึ้นมาสู้ โดยมีโปรแกรมเมอร์จีน “รุ่ยเจี๋ย” กับ “เสี่ยวหยู” นักบัญชีลูกครึ่งไทยจีน ที่มาร่วมก่อตั้งบริษัทนี้ด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเป็นอันดับหนึ่งของไทยให้ได้ แต่ความจริงสันติเต็มไปด้วยไฟแค้นมากกว่าอย่างอื่น จนทำให้ธุรกิจที่เขาปลุกปั้นมาสุ่มเสี่ยงพังเสียเอง
ซีรีส์สะท้อนชีวิตจริงของคนไทยชนชั้นล่างและปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจได้ลึกซึ้ง โดยอ้างอิงมาจากความคิดของเจ้าของแฟลชเอ็กเพรสที่มองว่าคนชนบทต้องซื้อของแพงกว่าคนในเมืองเพราะปัญหาเรื่องค่าขนส่งโดยตรง ทำให้กลายเป็นจุดมุ่งหมายของการทำธุรกิจนี้ให้ค่าขนส่งถูก ช่วยพ่อค้าแม่ค้าให้เติบโต โดยต้องอยู่ได้และสมเหตุผลไปด้วยกัน ทำให้ตัวละครสันติเป็นตัวเอกคนจนชนชั้นล่างสุดๆ ใส่ชุดธรรมดากับหน้าตาโทรมๆ ตลอดทั้งเรื่องคุณจะไม่ได้เห็นรูปลักษณ์เขาแบบนักธุรกิจเลยสักนิด แม้แต่ตอนแรกที่เขาได้รับโอกาสให้เป็นแต่เขาก็ยังเลือกไม่รับนาฬิกาหรูที่เจ้าสัวให้ใส่เพื่อสร้างภาพ ซึ่งภาพลักษณ์ตรงนี้ นักแสดงอย่างไอซ์ซึ เล่นได้เหมือนสุดๆ รวมถึงการใช้ภาษาจีนในเรื่องอย่างคล่องแคล่วที่เรื่องวางไว้ให้แม่เขาเป็นคนสอนมา กลายเป็นความสามารถเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาได้โอกาสทางธุรกิจตรงนี้ ซึ่งตัวจริง ไอซ์ซึก็ไม่ได้พูดจีนได้ แต่ใช้การฝึกท่องจำบทเอา แต่ในเรื่องนี่เนียนกริบมาก รวมถึงนักแสดง เจนเย่ เมธิกา, ดร.พลัง โลกศิลป์ ในบทลูกทีมที่มาจากจีนด้วย
ซีรีส์เล่าเรื่องการต่อสู้กับนายทุนแนวธุรกิจฟาดฟันกันอย่างสนุกมากทุกตอน (แต่ช่วงสองตอนแรกจะดูง่าย+รีบเร่งเพื่อไปให้ถึงเส้นเรื่องหลักที่สันติโดนหักหลัง) พร้อมเผยให้เห็นเบื้องหลังการทำงานของธุรกิจขนส่งว่าต้องมีอะไรบ้างตั้งแต่แรก ซึ่งเรื่องทำให้ลึก ค่อนข้างครบถ้วน มีเรื่องเทคของแอปเยอะ แต่ก็ทำออกมาให้เข้าใจง่ายๆ เพราะพื้นฐานของธุรกิจนี้คือการขนส่งด้วยคนเป็นหลักมากกว่า ซึ่งเรื่องก็มีการชิงเหลี่ยมไหวพริบกันตลอดตั้งแต่ แย่งรถ แย่งคน แย่งที่ จนถึงการแข่งราคา และจบด้วยโปรประจำเดือนยอดฮิตอย่าง 11.11 ในตอนท้าย แต่ว่าบทของสันติก็คือตัวละครที่มักโดนอารมณ์ความแค้นครอบงำ ทำให้เขาตกเป็นเหยื่อลูกเล่นทางธุรกิจของเจ้าสัวกับลูกชายที่ยึดบริษัทเขาไป ผู้ชมก็จะได้เห็นวิธีการฮึดสู้ของคนจนที่ทำทุกอย่างแบบถวายหัวให้รอดไปได้ ในขณะที่อีกฝั่งก็มีแต่ลูกไม้เล่นนอกเกมเข้ามาถล่มตลอดเวลา อย่างการจ้างสายลับส่งข้อมูลให้ ซึ่งเรื่องก็นำมาเป็นฉากหักมุมว่าเป็นใคร ในบริษัทที่ทุกคนร่วมต่อสู้ด้วยกันมา เป็นดราม่าปิดท้ายเรื่องที่ก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในวงการธุรกิจจริงๆ
ซีรีส์เรื่องนี้อ้างอิงธุรกิจจีนเป็นหลักมากทั้งเรื่อง ทั้งการใช้ภาษาจีนค่อนเรื่อง วิธีทำธุรกิจของคนจีนยุคเก่ากับคนจีนยุคใหม่ ซึ่งคนแรกที่สันติได้ไปอยู่คือเจ้าของเหมืองทรายคนจีน ที่มอบทุนต่อยอดให้เขาได้ก้าวเข้ามาสานฝันหาธุรกิจของตัวเองเป็นคนแรก ก่อนที่จะได้เจอกับเจ้าสัวจีนยุคใหม่ที่มองไทยเป็นที่หาโอกาสขยายธุรกิจ โดยที่เรื่องก็แทรกการทำธุรกิจของจีนเข้ามาตลอดเวลา แม้แต่ป้ายชื่อต่างๆ ในบริษัทของวันติก็มีภาษาจีนประกอบทุกอย่าง จนแทบจะเหมือนว่าเรื่องนี้ได้ทุนจีนมาสร้างด้วยซ้ำ แต่มองในแง่ดีนี่ก็กลายเป็นซีรีส์ไทยที่ผสมผสานจีนได้อย่างกลมกลืนและมีบทบาทให้กับจีนมาก ทั้งด้านบวกและลบทางธุรกิจ เสียดายแค่จีนไม่ได้มีเน็ตฟลิกซ์ดู แต่ทั่วโลกที่เป็นคนจีนก็น่าจะสนใจรับชมซีรีส์เรื่องนี้ได้ง่ายมากขึ้นเช่นกัน เพราะอย่างน้อยๆ สามตัวละครหลักของเรื่องก็พูดจีนกันปร๋อมาก (สลับกับไทย) โดยบท เสี่ยวหยู ที่ เจนเย่ เมธิกา เล่นก็แทบจะเป็นตัวละครเดียวในเรื่องที่ดูเป็นคนปกติที่สุด ซึ่งเธอมาในคราบนักบัญชีคุมการเงินบริษัทอย่างเข้มงวดที่ต้องคอยหยุดยั่งวิธีการสิ้นคิดของสันติ ส่วนบทรุ่ยเจี๋ย ที่ดร.พลัง โลกศิลป์ เล่นนี่ก็แนวโอเวอร์แอ็กติ้งเล่นใหญ่เป็นโปรแกรมเมอร์อารมณ์ร้อนที่โดยนายทุนจีนหักหลังมาก่อน (ในเรื่องบอกโตที่เยาวราชเลยพูดไทยได้) ซึ่งบทของทั้งสามคนนี้คือการสะท้อนวิธีคิดปฏิบัติของคนจีนจริงๆ ที่ลุยงานแบบบ้าเลือดโดยแทบไม่สนใจใครเพื่อเป้าหมาย แต่ก็ต้องหาคนที่บ้าไปด้วยกันให้ได้เท่านั้นเอง
จุดด้อยของซีรีส์มองว่าเป็นเรื่องรักของสันติที่พยายามจีบเสี่ยวหยู ทั้งๆ ที่เธอมีแฟนและกำลังจะแต่งงานกันแล้ว เรื่องช่วงนี้ค่อนข้างไม่จำเป็นหรือมีผลอะไรกับเรื่องหลักเลย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมเสียมาก เพราะสุดท้ายก็ไม่ใช่แบบซีรีส์เกาหลีที่ต้องพยายามความรักมีบทบาท เรื่องสอดแทรกมาสักพักแล้วก็ปล่อยลอยออกไป ก่อนที่ตอนท้ายจะไปจบให้ดูสวยนิดๆ เท่านั้น
สรุปโดยรวม
“สงคราม ส่งด่วน” เป็นซีรีส์ไทยที่ผสมผสานดราม่าธุรกิจ การแก้แค้น และการต่อสู้ที่เข้มข้นของธุรกิจขนส่งที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเจ้าของแฟลชเอ็กเพรสจริงๆ เป็นเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ที่เป็นชนชั้นคนจนสู้กับเจ้าสัวทุนใหญ่ระดับประเทศได้อย่างเข้มข้น ซีรีส์สนุกทุกตอนเต็มไปด้วยความบันเทิงผสมมุกตลกที่แทรกมาได้พอเหมาะเจาะ มีการเดินเรื่องที่ตัวละครหลักสามคนใช้ภาษาจีนพูดคุยกันเยอะมากเพราะอ้างอิงกับธุรกิจจีนโดยตรง การเล่าเรื่องก็เร็วด่วนเหมือนชื่อธุรกิจขนส่งในเรื่อง จบใน 7 ตอนบริบูรณ์ (แต่จะมีต่อก็ได้) ตัวละครมีมิติ และโปรดักชั่นที่ทันสมัย จุดด้อยก็มีตรงเรื่องรักที่แทรกเข้ามาบางช่วงแบบไม่จำเป็นกับเรื่องมากเท่าไหร่ แต่โดยรวมก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมเสียไป แนะนำว่าเป็นซีรีส์ไทยที่ไม่ควรพลาดเลยครับ