รีวิว Sirens เล่ห์เสน่ห์ร้าย (Netflix) การแสดงยอดเยี่ยม แต่อย่าคาดหวังปริศนาลึกลับหักมุม

Sirens
Summary
ซีรีส์ที่โดดเด่นด้วยการนำนักแสดงนำสามคนมาประชันบทบาทกันว่า “ใครกันแน่ที่เป็นตัวร้ายของเรื่อง” ซีรีส์ทำส่วนนี้ได้ดี มีความซับซ้อนในความสัมพันธ์ของทั้งสามคน ซึ่งผู้ชมยากเดาว่าสุดท้ายจะเป็นใครจนถึงตอนจบ
แต่หากคาดหวังความลึกลับที่เรื่องวางไว้ในตอนแรกอาจรู้สึกผิดหวัง เพราะซีรีส์เล่าเรื่องด้วยแนวดราม่าเสียดสีชนชั้นสูงแบบตรงไปตรงมา ไม่ได้แปลกใหม่ และดูสมเหตุผลตามปกติ แม้แต่ฉากไคลแม็กซ์ก็เช่นกัน
ดังนั้นอย่าคาดหวังปริศนาลึกลับหรือฉากหักมุมจากเรื่องนี้ เพราะแทบไม่มีอะไรแบบนั้นเลย
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- การแสดงของนักแสดงนำทั้ง 3 คนยอดเยี่ยม
- ความซับซ้อนของตัวละครและความสัมพันธ์
- การเสียดสีสังคมชนชั้นทำได้ดี
- พัฒนาตัวละครได้น่าติดตาม
- มีพากย์ไทย
Cons
- เล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมา อาจทำให้ผู้ที่คาดหวังปริศนาลึกลับผิดหวัง
ADBRO
Sirens เล่ห์เสน่ห์ร้าย เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ออริจินัลของ Netflix จำนวน 5 ตอน แนวดราม่าดาร์คคอมเมดี้ สร้างโดย Molly Smith Metzler (ผู้สร้างซีรีส์ Maid) นำแสดงโดย Julianne Moore, Meghann Fahy และ Milly Alcock เล่าเรื่องราวของพี่น้องสองคนที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของภรรยามหาเศรษฐีบนเกาะหรูหราแห่งหนึ่ง
รีวิว Sirens เล่ห์เสน่ห์ร้าย (ไม่สปอยล์)
ซีรีส์เล่าเรื่องราวของ Devon (Meghann Fahy) พี่สาวที่ต้องดูแลพ่อป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม ขณะที่ Simone (Milly Alcock) น้องสาวหลบหนีจากความรับผิดชอบไปทำงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัวให้กับ Michaela (Julianne Moore) ภรรยาของมหาเศรษฐี
เมื่อ Devon ส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปหาน้องสาว แต่ได้รับการตอบกลับเป็นเพียงของขวัญผลไม้ เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปหาน้องสาวที่เกาะหรูหรานั้นเอง ก็พบว่าน้องสาวกำลังถูกเจ้านายของเธอครอบงำจิตใจอย่างสิ้นเชิง เธอจึงตัดสินใจดึงตัวน้องสาวกลับบ้าน โดยไม่รู้ว่า Michaela มีอำนาจมากเพียงใด
ซีรีส์เป็นแนวดาร์คคอมเมดี้ที่เสียดสีสังคมระหว่างคนรวยกับคนจน ซึ่งอาจดูไม่แปลกใหม่นัก แต่เรื่องนี้ตั้งเป้าบอกใบ้ผู้ชมตั้งแต่แรกว่า Michaela เจ้านายตัวร้ายนั้นไม่ธรรมดา มีพลังลึกลับเหนือธรรมชาติแฝงอยู่
ความคลุมเครือเรื่องพลังของเธอทำให้ผู้ชมสงสัยว่าเธอเป็นเจ้าลัทธิที่ล้างสมองน้องสาวของ Devon จริงหรือไม่ ทำให้เรื่องดูเหมือนตัวเอกที่เป็นคนจนมาก (เพราะต้องดูแลพ่อป่วยอัลไซเมอร์) ต้องมาต่อสู้กับมหาเศรษฐีที่มีทั้งเงินและอำนาจ โดยต้องหาทางปลุกน้องสาวให้ตื่น
เมื่อเรื่องวางแนวแบบนี้ตั้งแต่ต้น ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่านี่เป็นซีรีส์แนวลึกลับที่พร้อมหักมุมอยู่ตลอด แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม ซีรีส์เป็นแนวดราม่าเสียดสีดาร์คคอมเมดี้อย่างแท้จริง
ปมต่างๆ ในเรื่องไม่ได้ถูกวางไว้เพื่อหักมุม แต่นำเสนอแบบค่อยๆ เคลียร์ไปตามปกติ ทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลตามกลไกสังคมธรรมดา แทบไม่มีฉากไหนที่เรียกได้ว่าหักมุม แม้แต่ไคลแม็กซ์สุดท้ายก็ยังเป็นไปตามเหตุผลธรรมดาที่ควรจะเป็น
ทำให้ผู้ชมที่คาดหวังความลึกลับรู้สึกผิดหวัง แต่หากมองว่าเป็นแนวดราม่าเสียดสีสังคมตั้งแต่แรก ก็ไม่น่าจะมีปัญหานี้เกิดขึ้น และในมุมนี้ซีรีส์ก็เล่าเรื่องได้ดีอยู่
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ดูดีจริงๆ คือการแสดงของนักแสดงนำทั้ง 3 คน รวมถึง Kevin Bacon ที่มาเพิ่มตอนหลัง ซึ่งบทบาททั้ง 3 คนเหมือนการแข่งพลังดารา 3 เจเนอเรชั่น
Julianne Moore
รับบทสาวสังคมชั้นสูงที่ภายนอกวางตัวดีทุกกระเบียดนิ้ว แต่ลึกๆ แล้วเก็บซ่อนสิ่งแปลกประหลาดไว้ แต่ก็ไมรได้เป็นตัวร้ายที่วางแผนคุมทุกอย่าง
ผู้ชมจะดูไม่ออกว่าเธอดีหรือร้ายจนกระทั่งตอนจบสุดท้าย ซึ่งแม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็สะท้อนสภาพสังคมเศรษฐีที่แม้จะดูมั่นคงแล้ว แต่ฐานรากกลับเปราะบางและพร้อมแตกร้าวได้เสมอ
Meghann Fahy
รับบท Devon พี่สาวคนดีที่เจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตน้องสาวมากจนคนดูรู้สึกหงุดหงิด แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าเธอห่วงน้องสาวจริงๆ จากใจ เพราะไม่ได้ต้องการเงินที่อีกฝ่ายพยายามให้ แต่เลือกทำในสิ่งที่เชื่อว่าดีกับน้อง
เธอค่อยๆ เปลี่ยนจากสาวที่เหมือนสก๊อยมั่วในตอนแรก มาเป็นสาวเสน่ห์หลังจากอยู่ในบ้านนี้และได้รับการแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ บทบาทช่วงหลังต่างจากตอนแรกอย่างชัดเจน และทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าตัวละครนี้คือเพชรแท้ที่ไม่มีอะไรทำลายได้ง่ายๆ
Milly Alcock
นักแสดงดังจาก House of the Dragon ของ HBO ที่กำลังถ่ายทำหนัง Supergirl: Woman of Tomorrow เธอคือตัวตึงของเรื่องที่ดึงดูดผู้ชมด้วยพลังดารากับหน้าตาสวยแปลกแตกต่าง
ในบท Simone น้องสาวจากบ้านอุปถัมภ์ที่พี่สาวส่งเสียให้เรียนจนถึงมหาวิทยาลัยกฎหมายชื่อดังอเมริกา แต่กลับมาเป็นเพียงผู้ช่วยมหาเศรษฐี ทำให้เธอดูเหมือนสาวสิ้นคิดที่ทิ้งทุกอย่างมารับใช้นายหญิงเพื่อเงิน
แต่เธอคือนางเอกที่เป็นตัวแปรกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องซับซ้อน ตัวตนมีทั้งดีและร้ายผสมปนเปไปในแบบผู้หญิงจริงๆ ซึ่งในแง่หนึ่งน่าเห็นใจ แต่ในอีกมุมรู้สึกว่าการกระทำของเธอร้ายกาจมาก จุดไคลแม็กซ์ของเรื่องคือคำตอบว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นคนอย่างไร และถูกเจ้านายควบคุมจริงหรือไม่ ซึ่งเธอรับบทนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ความหมายของชื่อเรื่อง ชื่อ “Sirens” ไม่ได้หมายถึงเสียงไซเรนเตือนภัยหรือตำนานไซเรนโดยตรง แต่เป็นรหัสลับระหว่างพี่น้องที่แสดงถึงสถานการณ์ฉุกเฉิน
สรุป
Sirens เป็นซีรีส์ที่โดดเด่นด้วยการนำนักแสดงนำสามคนมาประชันบทบาทกันว่า “ใครกันแน่ที่เป็นตัวร้ายของเรื่อง” ซีรีส์ทำส่วนนี้ได้ดี มีความซับซ้อนในความสัมพันธ์ของทั้งสามคน ซึ่งผู้ชมยากเดาว่าสุดท้ายจะเป็นใครจนถึงตอนจบ
แต่หากคาดหวังความลึกลับที่เรื่องวางไว้ในตอนแรกอาจรู้สึกผิดหวัง เพราะซีรีส์เล่าเรื่องด้วยแนวดราม่าเสียดสีชนชั้นสูงแบบตรงไปตรงมา ไม่ได้แปลกใหม่ และดูสมเหตุผลตามปกติ แม้แต่ฉากไคลแม็กซ์ก็เช่นกัน
ดังนั้นอย่าคาดหวังปริศนาลึกลับหรือฉากหักมุมจากเรื่องนี้ เพราะแทบไม่มีอะไรแบบนั้นเลย