รีวิว The Match (Netflix) เมื่อความฝันคนหนึ่งคือความพ่ายแพ้ของอีกคน
The Match
Summary
ภาพยนตร์ที่อ้างอิงจากชีวประวัติของนักโกะในตำนานสองคนของเกาหลี ที่ผู้ชมไม่จำเป็นต้องเข้าใจกฎกติกาของโกะมาก่อน ความโดดเด่นอยู่ที่การถ่ายทอดแรงกดดันและความขัดแย้งทางอารมณ์ที่ศิษย์ต้องเอาชนะอาจารย์ผู้เป็นแชมป์โลก ในขณะที่ทั้งคู่ต่างก็ต้องต่อสู้กับความรู้สึกภายในตัวเอง ภาพยนตร์สะท้อนความตึงเครียดทั้งในและนอกสนามแข่งได้อย่างครบถ้วนทุกมิติ พร้อมทั้งนำเสนอบรรยากาศของวงการโกะเกาหลีได้อย่างสมจริง อย่างไรก็ตาม หากผู้ชมไม่ชื่นชอบภาพยนตร์ที่มีฉากโคลสอัพสีหน้าตัวละครและหมากบนกระดานเป็นส่วนใหญ่ อาจรู้สึกเบื่อได้เช่นกัน
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- การแสดงที่ยอดเยี่ยมที่ถ่ายทอดความซับซ้อนทางอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง
- เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ครู-ศิษย์ที่มีความขัดแย้งได้อย่างน่าสนใจ
- ไม่จำเป็นต้องเข้าใจกฎกติกาโกะก็สามารถสนุกไปกับเรื่องราวได้
- ถ่ายทอดบรรยากาศวงการโกะเกาหลีในยุค 80-90 ได้อย่างสมจริง
- มีพากย์ไทย
Cons
- อาจน่าเบื่อสำหรับผู้ที่ไม่ชอบแนวดราม่าช้าๆ
- เนื้อเรื่องค่อนข้างคาดเดาได้
ADBRO
The Match ภาพยนตร์เกาหลี Netflix เรื่องจริงของสองสุดยอดตำนานนักเล่นโกะ โจฮุนฮยอน และลูกศิษย์ของเขาที่กลายมาเป็นคู่แข่งในอนาคต อี ชาง โฮ ตำนานของเกาหลีที่ยิ่งใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน
รีวิว The Match
หนังสร้างโดยอิงจากเรื่องราวจริงของสองตำนานวงการโกะเกาหลี “โจฮุนฮยอน” และ “อี ชางโฮ” ท่ามกลางยุค 1980–1990 ที่โกะกำลังได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศ หลังโจฮุนฮยอนชนะได้แชมป์โลกจากจีนได้ หนังถ่ายทอดการเติบโตของอัจฉริยะโกะวัยเยาว์อย่างอี ชางโฮ ผู้ที่ก้าวขึ้นมาท้าทายอำนาจของอาจารย์ตนเอง ผ่านประเด็นความสัมพันธ์แบบครู-ศิษย์ ที่อยู่ในบ้านเดียวและต้องมาพบเจอกันในการแข่งขันที่กดดันกันสุดๆ
สำหรับคนที่ไม่เล่นหรือรู้จักโกะเลยก็ไม่มีปัญหากับการรับชมเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะหนังไม่ได้เน้นที่กฏกติกาหรือพุ่งเป้าไปที่เกมแข่งขันมากนัก ซึ่งก็คล้ายๆ กับตอนการ์ตูนเรื่องดังอย่างฮิคารุ เซียนโกะ ของญี่ปุ่นที่คนอ่านก็สนุกทึ่งไปกับการบรรยายการวางหมากที่ทำให้ดูน่าตื่นเต้นมากกว่าจะเข้าใจกระดานทั้งหมดอย่างที่ตัวละครในเรื่องกำลังแข่งขันกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็มาแบบเดียวกัน และก็เพิ่มเอฟเฟ็กต์ลงไปนิดๆ หน่อยทำให้เกมการแข่งขันดูเร้าใจมากขึ้น อย่างจินตนาการหมากที่แตกร้าวหลังรู้ตัวว่าเริ่มแพ้ หรือเลือดที่แผ่ออกจากตัวหมากบนกระดาน แต่พวกนี้เป็นส่วนน้อยมากไม่ใช่จุดเด่นสำคัญของเรื่องที่เป็นอารมณ์ดราม่าคุกรุ่นตรึงเครียดผ่านการแข่งขันที่ถ่ายทอดสภาพแวดล้อมต่างๆ ออกมาได้อย่างสมจริง อย่างการสูบบุหรี่ของเกาหลีในห้องแข่งขันที่ควันโขมงกันตลอดเวลา
ตัวหนังเน้นถ่ายทอดอารมณ์ของการแข่งขันระหว่างครูกับศิษย์ที่ตรึงเครียดเป็นธีมหลักของเรื่อง ด้วยการเล่าถึงแชมป์โลกอย่างโจฮุนฮยอนที่สอนศิษย์มาเอง แต่กลับพ่ายแพ้เขาตั้งแต่การพบกันครั้งแรก จนกลายเป็นความบอบช้ำทางจิตใจอย่างหนักเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ทีหนึ่งของโลกอีกต่อไป ซึ่งประวัติตัวอี ชางโฮ เองก็คือตำนานระดับโลกที่เป็นคนเกาหลีมาจนถึงปัจจุบัน ตัวหนังเลือกเล่าเรื่องของเขาผ่านการฝึกฝนกับโจฮุนฮยอน ตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งนี่ก็เป็นเหมือนหนังชีวประวัติของเขาแบบสั้นๆ เฉพาะช่วงการที่ต้องมาโค่นอาจารย์ของตัวเองลงแบบที่เขาเองก็อึดอัดใจไม่แพ้กัน ซึ่งทั้งคู่ก็ต้องอยู่บ้านเดียวกัน เดินทางมาแข่งพร้อมกัน มันเลยเป็นการทารุณกรรมทางจิตใจของทั้งคู่ให้บอบช้ำหนักขึ้นไปอีกหลังจบเกมการแข่งทุกครั้ง ตัวเรื่องคือการหาทางพลิกฟื้นกลับมาของทั้งคู่ ซึ่งหนังค่อยๆ กระชากอารมณ์ให้ทั้งคู่ดิ่งกันไปคนละแบบ ก่อนค่อยๆ ฟื้นกลับมาเจอกันในเกมการแข่งสุดท้าย ซึ่งในเกมการแข่งก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันออกมาดุเดือดมากนัก แต่อารมณ์ของตัวละครที่ฟุ้งออกมาจากสีหน้าท่าทางที่ต่างคนต่างกดดันนั้นทำให้หนังสนุกกว่าหมากที่วางบนกระดานมาก
อีบยองฮอนแสดงบทโจฮุนฮยอนได้อย่างยอดเยี่ยม ถ่ายทอดชายผู้ถูกฉีกกนะชากความภาคภูมิใจของแชมป์โลกจากการแข่งในประเทศที่คู่แข่งที่ร้ายกาจกลับเป็นเด็กที่เขาพามาปลุกปั้นเอง ส่วนยูอาอินก็แสดงให้เห็นมิติที่ลึกของอี ชางโฮ ผู้ไม่ค่อยพูดแต่ทุ่มเทกับสิ่งที่เขาทำอย่างแท้จริง แม้หมากที่เขาเล่นนั้นจะต่างกับอาจารย์แบบตรงกันข้ามก็ยืนหยัดสู้ในแบบของตัวเองมาตลอดแบบที่อาจารย์สอนให้ค้นหาแนวทางการเล่นของตัวเองให้เจอ
นักแสดงสมทบก็เสริมความกลมกล่อมให้กับเรื่องราว นักข่าวและเพื่อนเก่าของโจฮุนฮยอนก็ช่วยเติมอารมณ์ขันให้กับเรื่อง มุนจองฮีรับบทภรรยาของโจตัวละครหญิงคนเดียวในวงการโกะที่เต็มไปด้วยผู้ชายก็เป็นผู้ถ่ายทอดแง่มุมชีวิตส่วนตัวของโจอย่างอบอุ่น หรือนักเล่นโกะคู่แข่ง นัม กีชอล ก็ยังน่าประทับใจ และเป็นมากกว่าคู่แข่งเพราะเขาต้องเจอทั้งกับ“โจฮุนฮยอน” และ “อี ชางโฮ” ตั้งแต่ยังเด็กๆ
สรุปโดยรวม “The Match” เป็นภาพยนตร์ที่อ้างอิงจากชีวประวัติของนักโกะในตำนานสองคนของเกาหลี ที่ผู้ชมไม่จำเป็นต้องเข้าใจกฎกติกาของโกะมาก่อน ความโดดเด่นอยู่ที่การถ่ายทอดแรงกดดันและความขัดแย้งทางอารมณ์ที่ศิษย์ต้องเอาชนะอาจารย์ผู้เป็นแชมป์โลก ในขณะที่ทั้งคู่ต่างก็ต้องต่อสู้กับความรู้สึกภายในตัวเอง ภาพยนตร์สะท้อนความตึงเครียดทั้งในและนอกสนามแข่งได้อย่างครบถ้วนทุกมิติ พร้อมทั้งนำเสนอบรรยากาศของวงการโกะเกาหลีได้อย่างสมจริง อย่างไรก็ตาม หากผู้ชมไม่ชื่นชอบภาพยนตร์ที่มีฉากโคลสอัพสีหน้าตัวละครและหมากบนกระดานเป็นส่วนใหญ่ อาจรู้สึกเบื่อได้เช่นกัน