รีวิว The Price of Confession (Netflix) ซีรีส์สืบสวนที่ปูมาดีเยี่ยม แต่ดันมาสะดุดก่อนเส้นชัย…
The Price of Confession
Summary
ซีรีส์สืบสวนที่ยอดเยี่ยม “เกือบตลอดทั้งเรื่อง” ด้วยการเปิดพล็อตเรื่องที่แปลกใหม่น่าสนใจของฆาตกร 2 คนที่ตกลงวางแผนฆาตกรรมต่อเนื่องต่อจากสิ่งที่พวกเธอทำไว้ ซึ่งสิ่งนั้นเป็นจริงหรือไม่ก็ถูกซ่อนไว้ตั้งแต่แรกอีกชั้น ซึ่งเรื่องวางปมปริศนาซ้อนกันหลายชั้นจนคาดเดาไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะช่วงตอน 5-10 คือจุดพีคที่หักมุมไม่หยุด การเล่าเรื่องผ่านสองโลกในคุกและนอกคุกทำได้ดีมาก สร้างความรู้สึกว่าโมอึนคุมเกมอยู่ตลอดแม้จะถูกขัง
แต่จุดอ่อนใหญ่คือสองตอนสุดท้ายที่การเฉลยไม่สมกับที่ปูมา เมื่อเรื่องเปิดตัวคนร้ายออกมาง่ายๆ แบบไม่มีชั้นเชิง และคาแรกเตอร์ก็ไม่ได้มีความเหนือชั้นอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้ปมที่ซับซ้อนหายไปทันทีและจบลงตามสูตรเกาหลีสุดๆ
จุดเด่นที่คงอยู่คือการแสดงของ จอนโดยอน และ คิมโกอึน ที่ทรงพลังตลอดทั้งเรื่อง ยกระดับซีรีส์ขึ้นมาได้แม้ในช่วงที่บทเริ่มอ่อนตอนท้ายก็ยังน่าดึงดูด โดยรวมยังคุ้มค่าดูถ้ายอมรับได้ว่าตอนจบจะไม่ถึงฝัน แต่ระหว่างทางนั้นสนุกและลุ้นระทึกพอที่จะแนะนำได้ครับ
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- แนวสืบสวนวางแผนการซับซ้อนมากๆ
- การแสดงของ จอนโดยอน และ คิมโกอึน
- มีพากย์ไทย
Cons
- 2 ตอนสุดท้ายบทอ่อนลงมาก
- ตัวคนร้ายไม่สมกับที่วางไว้
ADBRO
The Price of Confession คำสารภาพล้างเลือด ซีรีส์เกาหลี Original Netflix 12 ตอนจบ แนวสืบสวน ผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าสามีตัวเอง ได้รับข้อเสนอจากหญิงแปลกหน้าผู้ลึกลับ ซึ่งยอมที่จะสารภาพความผิดแทนเธอทุกอย่าง…. หากเธอยอมฆ่าใครบางคนเป็นการแลกเปลี่ยน
รีวิว The Price of Confession (ไม่สปอยล์)
ถ้าคุณจะมองหาซีรีส์สืบสวนที่ทำให้คุณนั่งเดาตลอดทั้งเรื่อง เรื่องนี้คือคำตอบ อย่างน้อยก็ในช่วง 10 ตอนแรก
พล็อตเปิดมาด้วยคำถามที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง: อันยุนซูฆ่าสามีตัวเองหรือไม่? เธอถูกจับเข้าคุก มีพิรุธมากมาย ดูซีรีส์ CSI มาจนรู้กระบวนการสืบสวนทุกอย่าง แต่ยืนยันว่าบริสุทธิ์ อัยการแพคลงทุนมาสืบคดีด้วยตัวเองเพื่อเอาเธอเข้าคุกให้ได้ หลักฐานแวดล้อมชี้ไปที่เธอทั้งหมด แต่ซีรีส์ก็แอบหยอดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้ผู้ชมไม่แน่ใจว่าเธอบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า
แล้วทุกอย่างก็พลิกเมื่อโมอึนปรากฏตัว หญิงสาวที่ถูกสร้างให้ดูเหมือนฆาตกรโรคจิตตั้งแต่ฉากแรกที่เธอโผล่มา เธอเสนอข้อตกลงสุดแปลกให้อันยุนซูในห้องขัง—ยอมรับสารภาพแทนทุกอย่าง แลกกับการให้อันยุนซูไปฆ่าใครบางคนให้ ข้อเสนอที่ฟังดูบ้าบอ แต่สำหรับคนที่กำลังจะติดคุกฐานฆ่าสามี มันอาจเป็นทางออกเดียวที่เหลืออยู่
จากจุดนี้ ซีรีส์โยนคำถามให้ผู้ชมสามข้อที่จะวนเวียนอยู่ตลอดทั้งเรื่อง: อันยุนซูบริสุทธิ์จริงหรือไม่ โมอึนต้องการอะไรกันแน่ และใครคือฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าสามีนางเอก ทั้งสามคำถามนี้ไม่ได้แยกขาดจากกัน แต่พันกันเป็นปมที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นคดีซ้อนคดีถึงสามชั้น
สองโลกที่ตัดสลับ
สิ่งที่ทำให้เรื่องโดดเด่นคือโครงสร้างการเล่าผ่านสองโลกที่ตัดสลับกันตลอด—ในคุกและนอกคุก
โมอึนถูกขังอยู่หลังกำแพง แต่กลับเป็นคนคุมเกมทั้งหมด เธอปั่นให้ทั้งอัยการและทนายติดกับดักของเธอราวกับเล่นหมากรุกที่มองเห็นหมากล่วงหน้าไปหลายตา ทุกครั้งที่ฝ่ายสืบสวนคิดว่าไล่ทันเธอแล้ว ก็พบว่าทุกอย่างอยู่ในแผนของเธอมาตั้งแต่แรก ขณะที่อันยุนซูที่ออกมาข้างนอกแล้วกลับยังรู้สึกเหมือนถูกจองจำอยู่ดี เธอหนีไม่พ้นเกมของโมอึนไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม
ใน 4 ตอนแรก ซีรีส์ใช้เวลาวางแผนให้อันยุนซูหลุดออกจากคุก โดยมีทนายของทั้งสองฝ่ายเข้ามาเพิ่มมิติในเส้นเรื่อง กลายเป็นการต่อสู้ทางกฎหมายที่ซ้อนทับกับเกมจิตวิทยาระหว่างตัวละคร การเดินเรื่องตัดสลับไปมาระหว่างในคุกกับนอกคุกอย่างมีจังหวะ ทุกอย่างดูเหมือนบังเอิญแต่เชื่อมโยงกันหมด ผู้ชมรู้ตัวเร็วมากว่าคาดเดาอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้เลย
จุดพีคที่หักมุมไม่หยุด
ตอน 5-10 คือช่วงที่ซีรีส์พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด
เรื่องเต็มไปด้วยการหักมุมครั้งแล้วครั้งเล่า ความลับของตัวละครแต่ละคนค่อยๆ เผยออกมาทีละชั้น บางครั้งพลิกความเข้าใจที่ผู้ชมมีมาตลอด มีคดีฆาตกรรมใหม่เกิดขึ้นที่ซ้อนทับกับคดีแรกของนางเอกเข้าไปอีก จนสุดท้ายกลายเป็นคดีที่วางแผนซ้อนกันถึง 3 ชั้น โดยที่ยังไม่รู้ว่าใครคือผู้บงการตัวจริงกันแน่
ช่วงนี้คือช่วงที่ดูแล้ววางไม่ลง ทุกตอนจบด้วยจุดพลิกผันที่ทำให้ต้องกดดูตอนต่อทันที ซีรีส์เล่นกับความคาดหวังของผู้ชมอย่างชาญฉลาด หยอดเบาะแสแล้วก็หักล้างมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แล้วทุกอย่างก็สะดุด
แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นในสองตอนสุดท้าย
การเฉลยตัวคนร้ายมาแบบง่ายดายเกินไปในตอน 10 ก่อนที่ตอน 11 จะเปิดตัวละครคนร้ายที่อยู่นอกเส้นเรื่องเพิ่มเข้ามาใหม่ ซึ่งคาแรกเตอร์ของคนร้ายตัวจริงนี้ไม่ได้มีความเหนือชั้นอย่างที่เรื่องปูมาตลอด กลับกลายเป็นคนหละหลวม อารมณ์ร้อน ไม่ได้เป็นจอมวางแผนที่ฉลาดล้ำลึกอย่างที่ผู้ชมคาดหวัง
ปมที่ซับซ้อนมาตลอดหายวับไปในพริบตา เหลือแค่การอธิบายแรงจูงใจว่าคนร้ายทำไปทำไม ซึ่งซีรีส์แทบไม่เหลืออะไรให้เล่าตรงนี้แล้ว แต่ก็ยังยืดเยื้อไปอีก 2 ตอน จบลงตามสูตรแบบที่คาดเดาได้หมด เหมือนวิ่งมาราธอนมาดีตลอดทางแล้วสะดุดล้มก่อนเส้นชัยไม่กี่เมตร
การแสดงที่ยังคงยอดเยี่ยม
สิ่งที่ยังคงโดดเด่นตลอดทั้งเรื่องคือการแสดงของนักแสดงนำทั้งคู่
จอนโดยอน ตัวแม่แห่งวงการ รับบทอันยุนซูที่ต้องแบกความคลุมเครือไว้ตลอดว่าเธอเป็นเหยื่อผู้น่าสงสารหรือฆาตกรจำแลงกันแน่ เธอถูกใส่ร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ทุกครั้งที่คิดว่าจะเห็นใจเธอได้เต็มที่ ซีรีส์ก็หยอดความน่าสงสัยเข้ามาอีก การแสดงของจอนโดยอนรักษาสมดุลนี้ไว้ได้ดีมาก
ส่วน คิมโกอึน พลิกภาพลักษณ์ตัวเองสิ้นเชิงมาเป็นโมอึน ตัดผมสั้นเหี้ยนแบบผู้ชาย จนจำภาพจำเดิมของเธอไม่ได้เลย เธอเล่นเป็นฆาตกรโรคจิตที่เย็นชาแต่มีมิติ ไม่ใช่ตัวร้ายแบนๆ ที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่าชั่ว
ที่น่าทึ่งคือทั้งคู่เชือดเฉือนกันผ่านบทสนทนาได้อย่างทรงพลัง ทั้งที่แทบไม่เคยเจอหน้ากันตลอดทั้งเรื่อง ส่วนใหญ่คุยกันข้ามกำแพงคุก หรือไม่ก็อยู่คนละพื้นที่กันไปเลย แต่เคมีและความตึงเครียดระหว่างตัวละครยังคงส่งถึงกันตลอด
สรุป
ซีรีส์สืบสวนที่ยอดเยี่ยม “เกือบตลอดทั้งเรื่อง” ด้วยการเปิดพล็อตเรื่องที่แปลกใหม่น่าสนใจของฆาตกร 2 คนที่ตกลงวางแผนฆาตกรรมต่อเนื่องต่อจากสิ่งที่พวกเธอทำไว้ ซึ่งสิ่งนั้นเป็นจริงหรือไม่ก็ถูกซ่อนไว้ตั้งแต่แรกอีกชั้น ซึ่งเรื่องวางปมปริศนาซ้อนกันหลายชั้นจนคาดเดาไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะช่วงตอน 5-10 คือจุดพีคที่หักมุมไม่หยุด การเล่าเรื่องผ่านสองโลกในคุกและนอกคุกทำได้ดีมาก สร้างความรู้สึกว่าโมอึนคุมเกมอยู่ตลอดแม้จะถูกขัง
แต่จุดอ่อนใหญ่คือสองตอนสุดท้ายที่การเฉลยไม่สมกับที่ปูมา เมื่อเรื่องเปิดตัวคนร้ายออกมาง่ายๆ แบบไม่มีชั้นเชิง และคาแรกเตอร์ก็ไม่ได้มีความเหนือชั้นอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้ปมที่ซับซ้อนหายไปทันทีและจบลงตามสูตรเกาหลีสุดๆ
จุดเด่นที่คงอยู่คือการแสดงของ จอนโดยอน และ คิมโกอึน ที่ทรงพลังตลอดทั้งเรื่อง ยกระดับซีรีส์ขึ้นมาได้แม้ในช่วงที่บทเริ่มอ่อนตอนท้ายก็ยังน่าดึงดูด โดยรวมยังคุ้มค่าดูถ้ายอมรับได้ว่าตอนจบจะไม่ถึงฝัน แต่ระหว่างทางนั้นสนุกและลุ้นระทึกพอที่จะแนะนำได้ครับ