รีวิว The Sandman SS2 Volume 1 (Netflix) มีแต่ดราม่าบทพูดล้วนๆ จนน่าเบื่อมาก

The Sandman SS2
Summary
The Sandman ซีซั่น 2 Volume 1 ซีรีส์ยังคงโดดเด่นด้านโปรดักชันและการแสดงที่ดีอยู่ แต่โครงเรื่องทั้ง 6 ตอนมีแต่ฉากดราม่าเต็มไปด้วยบทพูดล้วนๆ โดยไม่มีฉากแอ็กชั่นเลย แม้จะมีฉากไปนรกอีกรอบ แต่ก็ตัดฉับให้เรื่องกลายเป็นดราม่ากันแบบง่ายๆ ว่าลูซิเฟอร์เบื่อแหละทิ้งงานไปดื้อๆ โดยไม่มีฉากสงครามแบบที่หลายคนหวังไว้ แล้วดราม่าที่ถูกเล่าออกมาโดยนำมาเชื่อมโยงกับอารมณ์ของมนุษย์ก็ดูบ้งมาก พยายามฝืนเอาเรื่องรักหนุ่มสาวของมนุษย์ยัดลงไปในตัวละครเทพอย่างดรีมให้หาทางพิสูจน์ความรักปลอมๆ ที่เขาคิดเองว่ารักจริงกับสาวชาวมนุษย์ + ความรักของพ่อลูกที่เอาตำนานเทพกรีกออร์ฟิอุสมาดัดแปลง แต่ทั้งสองปมนี้ก็ถูกเล่าออกมาได้อย่างน่าเบื่อไม่สนุก แม้จะพยายามเพิ่มตัวละครใหม่ในครอบครัวของดรีมเข้ามาหลายคน แต่บทก็มีแค่นิดหน่อย กระจัดกระจายเป็นน้ำจิ้ม ไม่ได้มีผลอะไรกับเรื่องเลย จนกลายเป็นซีรีส์ที่เหมาะกับแฟนพันธุ์แท้นีลไกแมนจริงๆ มากกว่าผู้ชมทั่วไปที่อยากได้ส่วนผสมที่กลมกล่อมทั้งแอ็กชั่นกับดราม่าแฟนตาซีมากกว่านี้ครับ
ปล.จบ 6 ตอนมีตัวอย่าง Volume 2 ก็ดูดีอยู่ มีฉากแอ็กชั่นให้เห็น แต่ก็ยังคาดหวังอะไรไม่ได้จนกว่าจะได้ดูกันครับ (ฉาก 24 กรกฏาคมนี้ต่อกันไม่นาน)
Overall
6/10User Review
( vote)Pros
- งานโปรดักชั่นดูดี
- ตัวละครกับนักแสดงทำได้ดี
- มีพากย์ไทย
Cons
- ดราม่าล้วนไม่มีแอ็กชั่น
- บทสนทนายืดยาวเต็มไปด้วยประเด็นธรรมดาที่ดูน่าเบื่อ
- ตัวละครใหม่บทน้อยไม่ได้สำคัญมาก
ADBRO
The Sandman SS2 Volume 1 ซีรีส์ origianl netflix แนวดราม่าแฟนตาซีภาคต่อที่เล่าเรื่องราวของดรีม เจ้าแห่งความฝันที่กำลังกลับไปสร้างอนาจักรของตัวเองให้คืนกลับมา แต่เขาก็ต้องแก้ปัญหาในอดีตที่ตัวเองเคยทำทิ้งไว้ทั้งหมดก่อน
รีวิว The Sandman SS2 Volume 1
ซีรีส์งานแฟนตาซีที่งานโปรดักชันยังคงมาตรฐานสูง ความสวยงาม ดีไซน์อลังการ ทั้งในเรื่องของฉาก, คอสตูม, เมคอัพ และบรรยากาศที่มืดหม่นชวนหลงใหล การแสดงของ Tom Sturridge (Dream) และนักแสดงสมทบอย่าง Kirby Howell-Baptiste (Death) ก็ยังคงโดดเด่น และภาคนี้ได้เริ่มจากการแนะนำตัวละครใหม่ที่เป็นครอบครัวของดรีมเกือบครบทุกคน หลังจากนิมิตพี่ใหญ่สุดเชิญทุกคนมาพบจากคำทำนายของ 3 เทพธิดาพยากรณ์ ที่ใบ้ว่าราชาจะทิ้งอานาจักรไป จากวงวิวาทะในครอบครัว ก็กลายเป็นจุดเริ่มของการเดินทางครั้งใหม่ของดรีม ที่เขาต้องหวนกลับไปแก้ไขสิ่งที่ทำผิดไว้ในอดีต โดยมีปราถนาเป็นคนกระตุ้นและวางแผนให้เกิดเรื่องราวนี้ขึ้นมา
ซีรีส์ชุดแรกนี้มี 6 ตอน แล้วก็แบ่งภารกิจการเดินทางของดรีมออกเป็น 2 เรื่อง 3 ตอนแรกคือการตามหา “นาดา” คนรักของดรีมที่อยู่ในนรก ซึ่งซีซั่นแรกเคยเผยให้เห็นสั้นๆ ซึ่งก็คือภารกิจที่ต้องหวนกลับไปเจอกับลูซิเฟอร์อีกครั้ง ก่อนที่ 3 ตอนหลังคือการตามหา “หายนะ” พี่น้องของดรีมที่ซ่อนตัวออกจากทุกคน โดยมีปมแห่งความรักที่เป็นอารมณ์ที่ดรีมไม่มีและต้องการรู้สึกถึงความรักว่าเป็นยังไงไปมาเกี่ยวข้อง
ก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่า 6 ตอนแรกนี้ตัวเรื่องแทบไม่มีฉากแอ็กชั่นเลยแม้แต่น้อย 3 ตอนแรกที่หลายคนคาดว่าจะไปสู้กับกองทัพนรกที่ซีซั่นแรกยังมีให้เห็นบ้าง แต่ซีซั่นนี้คือกลายเป็นดราม่าแบบง่ายๆ เมื่อลูซิเฟอร์ทำตรงข้ามกับที่ดรีมคิดคือละทิ้งอานาจักรนี้ไปแล้วมอบกุญแจนรกให้ดรีม ซึ่งเขาต้องหาผู้สืบทอดมาทำหน้าที่นี้แทน มันเลยกลายเป็นฉากพูดคุยคุยเจรจาในวังของดรีมล้วนๆ โดยเป็นงานเลี้ยงที่รวมเหล่าเทพปีศาจมากมายที่อยากได้กุญแจนี้มารวมกัน ซึ่งนาดาคนรักของดรีมก็ถูกหนึ่งในนั้นจับตัวไป แต่เรื่องก็ไม่ได้มีฉากต่อสู้ใส่ไว้เลยสักนิด จริงๆ มันก็พอเข้าใจได้เพราะนี่คือวังของดรีมเจ้าแห่งความฝันที่สามารถเนรมิตอะไรก็ได้ทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้ไม่มีทางสู้ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ปัญหาคือเรื่องมันยืดมากถึง 3 ตอนโดยที่ไม่มีอะไรเลย แม้แต่ปมความรักของดรีมก็ดูเอาแต่ใจ ซีรีส์พยายามขายภาพของเทพที่คิดว่าตัวเองเคยมีความรัก มีคนรัก ต่อมาแตกหักกันแล้วพยายามเอามันกลับมา แต่ก็ดูเป็นแนวรักธรรมดาทั่วไปที่เอาไปใส่ไว้ในตัวละครเทพเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ได้สดใหม่ แล้วเรื่องก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร พยายามเล่าในเชิงปรัชญาความรักแบบมนุษย์สวมเข้าไปในตัวดรีม แต่ ไปๆ มาๆ ดรีมกลายเป็นพวกโรคจิตพยายามตามคนรักที่หนีไปโลก จนเหมือนสตอกเกอร์แบบที่คนรับใช้ของดรีมเตือนไว้ด้วยซ้ำ
ส่วนสามตอนหลังซีรีส์เอาเรื่องความไม่สมหวังในรักของดรีมมาผูกเข้ากับตอนที่น้องสาวดรีมมาขอให้ช่วยตามหาหายนะ เทพที่ลาทุกคนในครอบครัวดรัมไปไม่ให้ตามเจอ ซึ่งก็ทำให้ดรีมมีข้ออ้างไปโลกเพื่อตามหาคนรักของตัวเองไปด้วย แต่เรื่องก็แทบจะทิ้งนาดาไปทันทีไม่มีสานต่อเลย แล้วหันไปเล่าเรื่องของเขากับน้องสาวที่ช่วยกันตามหาหายนะ แต่กลับพบว่าคนที่พวกเขาไปหากลับตายในทันทีจากอุบัติเหตุกันทุกคน ซึ่งฟังดูก็เหมือนจะหลุดจากปมดราม่ายืดยาวแบบ 3 ตอนแรกได้แล้ว แต่กลายเป็นว่าเรื่องก็ดันวกกลับไปเล่าอดีตของดรีมที่มีลูกเมีย (ตอนไหนก็ไม่รู้) แล้วก็เคยทำผิดกับลูกไว้ โดยดัดแปลงเอา ออร์ฟิอุส เป็นตัวละครในตำนานเทพเจ้ากรีก มาเป็นลูกชายของดรีม แล้วก็เล่าเรื่องดัดแปลงตำนานนี้ให้เป็นโศกนาฏกรรมที่ดรีมเคยทำผิดพลาดกับลูก แล้วต้องพึ่งเขาอีกครั้งในปัจจุบัน ซึ่งก็ออกแนวละลายพฤติกรรมครอบครัวกันแบบน่าเบื่อมาก มีปมแค่ทำให้ดรีมต้องเอ่ยปากขอโทษขึ้นมาที่ดูยากลำบาก แต่ก็นั่นแหละกลายเป็นเรื่องทั้งหมดนี้ก็ยิ่งนำ้เน่าเข้าไปอีกเมื่อทั้งหมดก็มีแต่บทพูดดราม่าครอบครัวกันไปเรื่อยๆ แม้จะพยายามเอานักล่าสาวโจแอนนา สแตนไทน์ จากซีซั่นแรกมาแทรกในภารกิจสั้นๆ แต่เธอก็ได้รับแต่บทพูดล้วนๆ ไม่มีการใช้ความสามารถของเธอออกมาเลย กลายเป็น 3 ตอนหลังก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก 3 ตอนแรกเลยสักนิด ซึ่งน่าผิดหวังมากจริงๆ

แต่หลังจบ 6 ตอนซีรีส์ก็ใส่ตัวอย่าง Volume 2 ทิ้งไว้ ซึ่งดูแล้วก็น่าจะเอาฉากแอ็กชั่นไปใส่ไว้ที่นั่นเยอะ เหมือน 6 ตอนแรกนี้เป็นแค่การสร้างปมความรู้สึกให้ดรีมมีขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นตามที่ 3 เทพธิดาพยากรณ์ไว้ในตอนแรก ก็ต้องรอดูว่าซีรีส์จะหลอกผู้ชมอีกหรือเปล่า เพราะจริงๆ แล้วงานของนีลไกแมนก็ไม่ใช่แนวแอ็กชั่นอยู่แล้วครับ
สรุป
The Sandman ซีซั่น 2 Volume 1 ซีรีส์ยังคงโดดเด่นด้านโปรดักชันและการแสดงที่ดีอยู่ แต่โครงเรื่องทั้ง 6 ตอนมีแต่ฉากดราม่าเต็มไปด้วยบทพูดล้วนๆ โดยไม่มีฉากแอ็กชั่นเลย แม้จะมีฉากไปนรกอีกรอบ แต่ก็ตัดฉับให้เรื่องกลายเป็นดราม่ากันแบบง่ายๆ ว่าลูซิเฟอร์เบื่อแหละทิ้งงานไปดื้อๆ โดยไม่มีฉากสงครามแบบที่หลายคนหวังไว้ แล้วดราม่าที่ถูกเล่าออกมาโดยนำมาเชื่อมโยงกับอารมณ์ของมนุษย์ก็ดูบ้งมาก พยายามฝืนเอาเรื่องรักหนุ่มสาวของมนุษย์ยัดลงไปในตัวละครเทพอย่างดรีมให้หาทางพิสูจน์ความรักปลอมๆ ที่เขาคิดเองว่ารักจริงกับสาวชาวมนุษย์ + ความรักของพ่อลูกที่เอาตำนานเทพกรีกออร์ฟิอุสมาดัดแปลง แต่ทั้งสองปมนี้ก็ถูกเล่าออกมาได้อย่างน่าเบื่อไม่สนุก แม้จะพยายามเพิ่มตัวละครใหม่ในครอบครัวของดรีมเข้ามาหลายคน แต่บทก็มีแค่นิดหน่อย กระจัดกระจายเป็นน้ำจิ้ม ไม่ได้มีผลอะไรกับเรื่องเลย จนกลายเป็นซีรีส์ที่เหมาะกับแฟนพันธุ์แท้นีลไกแมนจริงๆ มากกว่าผู้ชมทั่วไปที่อยากได้ส่วนผสมที่กลมกล่อมทั้งแอ็กชั่นกับดราม่าแฟนตาซีมากกว่านี้ครับ
ปล.จบ 6 ตอนมีตัวอย่าง Volume 2 ก็ดูดีอยู่ มีฉากแอ็กชั่นให้เห็น แต่ก็ยังคาดหวังอะไรไม่ได้จนกว่าจะได้ดูกันครับ (ฉาก 24 กรกฏาคมนี้ต่อกันไม่นาน)