รีวิว The Woman in Cabin 10 (Netflix) พล็อตเชยๆ ที่ยังเอามาทำให้แย่ลงไปได้อีก

The Woman in Cabin 10
Summary
หนังแนวพล็อตผู้หญิงเห็นคดีฆาตกรรมเพียงคนเดียวแต่ไม่มีใครเชื่อที่ซ้ำซากมาก แต่เรื่องนี้ทำโครงเรื่องซ้ำๆ นี้ให้แย่ลงไปอีก เพราะตัวนางเอกก็ไม่รู้สึกถึงความฉลาดใดๆ เลย มีแต่อาการแพนิคลนลานขี้โวยวายทั้งเรื่อง ไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกอยากเอาใจช่วยเลย แล้วบทจะเฉลยก็บอกเล่ากันแบบทื่อๆ ไม่มีชั้นเชิงใดๆ จากนั้นหนังก็แทบไม่เหลืออะไรให้เล่าอีกแล้ว ตัวคนร้ายก็ถูกเขียนมาให้ไม่ฉลาด ในตอนท้ายก็แสดงบทบาทเฉลยตัวเองที่ไม่สมเหตุผลเลยสักนิด และตัวละครอื่นๆ ในเรื่องก็กลวงโบ๋แทบไม่มีบทบาทสำคัญใดๆ แม้กระทั่งเป็นตัวหลอกว่าอาจจะเป็นคนร้ายก็ยังไม่มีเลย แต่ถ้าใครยังชอบโครงเรื่องแบบนี้ก็ยังพอดูได้อยู่ เพราะมันคือแนวหนังเกรดบียอดนิยมดีๆ นี่เองครับ
Overall
5/10User Review
( vote)Pros
- พล็อตโครงเรื่องสูตรสำเร็จ
- มีพากย์ไทย
Cons
- บทหนังขาดความแตกต่าง
- ตัวละครกลวงไปหมด
ADBRO
The Woman in Cabin 10 ฝันร้ายในห้องหมายเลข 10 ภาพยนตร์ Original Netflix แนวสืบสวน หนังระทึกขวัญสืบสวนที่ดัดแปลงจากนิยายของ Ruth Ware เล่าเรื่อง Laura Blacklock นักข่าวหญิงผู้มีบาดแผลทางใจและความหวาดกลัว หลังเห็นเหตุการณ์ “ผู้หญิงตกจากเรือ” ระหว่างงานเลี้ยงสุดหรูบนเรือสำราญ แต่กลับไม่มีใครเชื่อเธอและห้องหมายเลข 10 ที่เธอเชื่อว่ามีเหยื่อ ก็ถูกปฏิเสธว่ามีคนพักอยู่จริง กลายเป็นปริศนาหลอกหลอนบนเรือ
รีวิว The Woman in Cabin 10
พล็อตแนวผู้หญิงเห็นคดีฆาตกรรมปริศนาเพียงคนเดียวเป็นพล็อตเชยๆ ที่มีทำกันออกมาหลายเรื่องแล้วจนมีกระทั่งซีรีส์ล้อเลียนหนังแนวนี้ของเน็ตฟลิกซ์ที่ชื่อ The Woman in the House Across the Street from the Girl in the Window ชื่อยาวโคตรๆ ที่ตั้งมาเพื่อล้อเลียนแนวนี้โดยตรง (ชื่อไทย ลางหลอน ซ่อนมรณะจ๊ะ) ซึ่งโครงเรื่องของหนังแนวนี้คือ ผู้หญิงที่มีปมปัญหาชีวิตมาก่อน แล้วก็บังเอิญไปเห็นเหตุการณ์แปลกๆ ที่เหมือนฉากฆาตกรรม จากนั้นก็พยายามแจ้งตำรวจกับบอกคนอื่น แต่กลับไม่มีใครเชื่อเธอเลย เธอก็เลยเหมือนถูกสังคมทำให้คิดว่าเป็นบ้าหลอนไปเอง ก่อนที่เธอจะมาพบเบาะแสความจริงในภายหลัง แล้วก็ต้องเปิดโปงฆาตกรออกมาให้ได้ ซึ่งโครงเรื่องมันจะซ้ำซากแบบนี้ตลอด แต่ที่สื่อบันเทิงทั้งนิยายหรือหนังพยายามทำมันออกมาเพราะในโครงเรื่องซ้ำๆ แบบนี้มันก็มีช่องทางใส่รายละเอียดที่ทำให้เรื่องมันดูฉีกแนวสนุกตื่นเต้นแตกต่างกันได้ แต่กับเรื่องนี้ไม่ใช่แบบนั้นเลย
หนังเดินไปตามสูตรทุกอย่างเป๊ะๆ แล้วก็ไม่ได้ใส่ความลึกลงไปในเรื่องราวเลย ตัวละครอื่นๆ ในเรื่องก็ดูว่างเปล่าไม่มีบทบาทมาทำให้น่าสงสัยว่าใครจะเป็นคนร้าย แม้แต่ตัวเอกชายผิวดำที่เป็นอดีตกิ๊กเก่าก็เหมือนแค่ตัวละครหลอกปลอมๆ แล้วก็แทบไม่มีบทบาทกับเรื่องมากเลย นอกจากแนวปากโป้งชอบเล่าเรื่องนางเอกให้คนอื่นบนเรือฟังซึ่งดูแย่มากกว่าจะมาเป็นพระเอก แล้วก็หนังพยายามทำให้คนคิดว่านางเอกอาจจะเพี้ยนอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะถูกใครบางคนพยายามฆ่าอีกครั้งแต่ก็รอดมาได้ จากนั้นเรื่องก็เฉลยแบบทื่อๆ ตรงเลยว่าความจริงคืออะไรทั้งหมด ซึ่งทำให้หนังแทบหมดความน่าสนใจไปทันที แม้แต่ฉากการได้หลักฐานมาเปิดโปงก็วางไว้ง่ายๆ ทุกอย่างในตอนท้ายดูไม่สมเหตุผล ยิ่งตัวคนร้ายอยู่ๆ ในตอนท้ายสติแตกยิ่งดูเกินจริงเมื่อสิ่งที่เขาทำมันทำให้ยิ่งเป็นการมัดตัวเองแบบโง่ๆ
ตัว Keira Knightley เองก็ไม่ได้ดูแล้วรู้สึกว่าเป็นนักข่าวที่ฉลาด เธออยู่ในสภาพแพนิคแทบทั้งเรื่อง บทให้เธอพยายามโวยวายหาความจริงมันตรงข้ามกับอาชีพนักข่าวที่เธอทำเลย แทนที่จะค่อยๆ สืบสวน แต่กลับโวยวายไปทั่วเรือเหมือนผีบ้าอยู่คนเดียว ถึงเรื่องจะพยายามเชื่อมโยงกับอาการทางจิตที่เธอไปเห็นมาก่อนหน้านี้ แต่หนังก็ทำให้ความเชื่อมโยงนี้เบาบางมากจนไม่ได้มีความสมเหตุผลกับสิ่งที่เธอทำไปเลย
สรุป
หนังแนวพล็อตผู้หญิงเห็นคดีฆาตกรรมเพียงคนเดียวแต่ไม่มีใครเชื่อที่ซ้ำซากมาก แต่เรื่องนี้ทำโครงเรื่องซ้ำๆ นี้ให้แย่ลงไปอีก เพราะตัวนางเอกก็ไม่รู้สึกถึงความฉลาดใดๆ เลย มีแต่อาการแพนิคลนลานขี้โวยวายทั้งเรื่อง ไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกอยากเอาใจช่วยเลย แล้วบทจะเฉลยก็บอกเล่ากันแบบทื่อๆ ไม่มีชั้นเชิงใดๆ จากนั้นหนังก็แทบไม่เหลืออะไรให้เล่าอีกแล้ว ตัวคนร้ายก็ถูกเขียนมาให้ไม่ฉลาด ในตอนท้ายก็แสดงบทบาทเฉลยตัวเองที่ไม่สมเหตุผลเลยสักนิด และตัวละครอื่นๆ ในเรื่องก็กลวงโบ๋แทบไม่มีบทบาทสำคัญใดๆ แม้กระทั่งเป็นตัวหลอกว่าอาจจะเป็นคนร้ายก็ยังไม่มีเลย แต่ถ้าใครยังชอบโครงเรื่องแบบนี้ก็ยังพอดูได้อยู่ เพราะมันคือแนวหนังเกรดบียอดนิยมดีๆ นี่เองครับ