รีวิว UNTAMED ปมใจในป่าลึก (Netflix) สืบสวนในวังวนของ Yosemite ที่น่าทึ่งและไม่เหมือนใคร!

UNTAMED
Summary
ซีรีส์สืบสวนจาก ผู้เขียนบทจาก “The Revenant” และ “American Primeval” ที่ยังคงความโดดเด่นของธรรมชาติที่สวยงามแฝงไว้ด้วยความโหดร้ายไว้แบบเดิม โดยเป็นอุทยานแห่งชาติ Yosemite ของสหรัฐอเมริกากับงานโปรดักชั่นปราณีตและลงลึกในรายละเอียด การเอาตัวรอดและอยู่ร่วมกับธรรมชาติที่เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มาเล่าได้อย่างน่าทึ่ง ผ่านเส้นเรื่องการสืบสวนของตัวจริงของหญิงสาวปริศนาที่ตกหน้าผาตายที่พาไปพบกับคดีที่ซ้อนกันหลายชั้นและหลายแบบมาก โดยมีธีมเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาความสูญเสียของครอบครัว และความลับในอดีต การไล่ล่าความจริงและการต่อสู้กับปีศาจภายใน ซึ่งซีรีส์เก็บเคลียร์ทุกปมเป็นช่วงๆ โดยที่ปกติเฉลยมาก็น่าจะจบได้แล้ว แต่ก็ยังเหลือทิ้งไว้อีก โดยซ่อนปมที่ลึกกว่านั้นลงไปอีกเรื่อยๆ จนถึงฉากสุดท้ายเลย แต่ตรงนี้ก็เป็นจุดอ่อนที่ทำให้เรื่องเสียเวลาไปกับปมดราม่าครอบครัวค่อนข้างมาก จนช่วงแรกดูน่าเบื่อกับการเล่าฉากการสูญเสียลูกของตัวเอกซ้ำๆ แต่ถ้าคุณดูจบจะเข้าใจว่าสุดท้ายมันคือแรงผลักดันที่ทำให้ตัวละครนี้เดินหน้าทำสิ่งต่างๆ เพื่อช่วยให้ตัวเขาเองหลุดพ้นจากวังวนในอดีตที่เกิดขึ้น แนะนำเลยว่าห้ามพลาด เพียงแต่ต้องอดทนกับการเล่าเรื่องดราม่าสักหน่อยแล้วจะคุ้มค่ามากครับ
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- จากผู้เขียนบทจาก “The Revenant” และ “American Primeval”
- โลเกชั่น อุทยานแห่งชาติ Yosemite
- รายละเอียดการเอาตัวรอดในธรรมชาติ
- ปมดราม่าสืบสวนพัวพันได้อย่างแนบเนียน
- มีพากย์ไทย
Cons
- ฉากดราม่าลูกชายตัวเอกมีซ้ำๆ มากในช่วงแรก
- ความรุนแรงในเรื่องยังน้อยกว่าสองเรื่องก่อน
ADBRO
UNTAMED ปมใจในป่าลึก ลิมิเต็ดซีรีส์สืบสวน 6 ตอนจบ มีหญิงสาววัยรุ่นตกจากหน้าผาเอลแคปิตันในอุทยานแห่งชาติ Yosemite และพบว่าเธอไร้ตัวตนที่มา การสืบสวนจากเจ้าหน้าที่ผู้มีบาดแผลในใจจึงเริ่มต้นและหยั่งรากลึกลงไปถึงอดีตของเขาเองด้วย
รีวิว UNTAMED ปมใจในป่าลึก (ไม่สปอยล์)
ซีรีส์จาก Mark L. Smith ผู้เขียนบทจาก “The Revenant” และ “American Primeval” ซึ่งแน่นอนว่าถ้าใครเคยได้ชมผลงานของเขาสองเรื่องนี้ก็คงได้เห็นว่าเขาสุดยอดมากในการเขียนเรื่องราวอันแสนโหดร้ายของธรรมชาติในป่าลึก โดยผสมเรื่องราวดราม่าชีวิตที่มีปมตัวละครละเอียดลึกซับซ้อนลงไปได้อย่างแนบเนียน นั่นทำให้ผลงานเรื่องก็แทบไม่ต่างกัน และยังแสดงนำโดยนักแสดงมีชื่อเสียงอย่าง Eric Bana, Sam Neill ทำให้เห็นเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช้โปรเจ็กต์ซีรีส์ทำแบบทั่วไปของเน็ตฟลิกซ์เลย
จุดเด่นของเรื่องยังเหมือนสองเรื่องก่อนคือหยิบจับเอาธรรมชาติที่สวยงามแต่แฝงไว้ด้วยความโหดร้ายเข้ามาเป็นเรื่องราวแทรกลงไป แต่โดดเด่นกว่าเนื้อเรื่องจริงๆ ซะอีก ด้วยการใช้ฉากหลังเป็นอุทยานแห่งชาติ Yosemite สหรัฐอเมริกากับงานโปรดักชั่นในสถานที่จริงที่ยิ่งใหญ่ ผ่านตัวเอก Kyle Turner เจ้าหน้าที่พิเศษที่ดูแลเขตพื้นที่นี้ผู้เชี่ยวชาญการเอาชีวิตรอดในป่า เขาต้องพาผู้ช่วยมือใหม่ที่เป็นสาวเจ้าหน้าที่ย้ายมาจาก LA มาผจญภัยสืบสวนในป่านี้ ซึ่งแค่ฉากสืบสวนคดีฆาตกรรมปริศนา ที่ดูจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องหรือแก๊งอาชญากรในป่าก็ทำให้ฉากการสืบสวนในเรื่องนี้ “ไม่เหมือนใคร” อย่างการใช้ม้าเดินป่าแล้วต้องไปพบสิ่งๆ ที่มีแต่ม้าถึงเข้าถึงได้ การเข้าไปในเหมืองถ้ำเก่าที่มีน้ำท่วมฉับพลันแบบเด็กติดถ้ำหลวงของไทย การไล่ล่ากลางป่าแล้วเอาตัวรอดโดยใช้ธรรมชาติเข้าช่วย อีแร้งไม่ได้ช่วยให้าศพเจอแบบที่เคยฟังๆ กันมา และอีกมากมายที่ซีรีส์เรื่องนี้เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มากมาย พาผู้ชมให้ได้เข้าใจธรรมชาติที่สวยงามยิ่งใหญ่ แปลกตา ของ Yosemite และลุ้นสนุกตื่นเต้นกับภัยธรรมชาติที่แฝงมาเงียบๆ ไปพร้อมกัน
ซีรีส์มีธีมเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาความสูญเสียของครอบครัว และความลับในอดีต การไล่ล่าความจริงและการต่อสู้กับปีศาจภายใน เป็นธีมที่ถูกหยิบมาย้ำตลอดทั้งเรื่อง โดย Kyle Turne มีปมการสูญเสียลูกชายไปในป่าแห่งนี้มาก่อน ทำให้เขาเสียศูนย์มาถึงปัจจุบัน การที่ได้มาสืบคดีนี้ทำให้เขามุ่งมั่นคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้นมากกว่าจะเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุจากสัตว์ป่าแบบที่เจ้าหน้าที่คนอื่นบอก ซึ่งการสืบสวนนี้ลงลึกเข้าไปยังทุกมิติมากมายของสถาณที่แห่งนี้ที่ดูสวยงาม แต่ก็มีพื้นที่ห่างไกลผู้คนจนทำให้ความชั่วในใจของคนเกิดขึ้นได้ง่ายๆ กลางป่าลึก ตัวเรื่องมีการสอดแทรกปมดราม่าที่เข้มข้นเข้ามาเป็นระยะและก็หาทางเคลียร์ปมที่ใส่มาเป็นช่วงๆ ไม่ไปกระจุกตอนท้าย ทุกปมก็เหมือนเป็นเรื่องใหญ่ที่ปกติก็น่าจะจบได้แล้ว แต่ซีรีส์ก็เหลือทิ้งไว้อีก โดยซ่อนปมที่ลึกกว่านั้นลงไปอีกเรื่อยๆ จนถึงฉากสุดท้ายเลย แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือซีรีส์ 6 ตอนที่ขมวดปมดราม่ามากมายเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างหมดจรดในเวลาเพียงแค่นี้ ในขณะที่ก็ยังเป็นซีรีส์สืบสวนเข้มๆ ไม่ใช่แค่การคลี่คลายปมดราม่าเพียงอย่างเดียวด้วย
แต่จุดอ่อนของเรื่องก็เป็นที่ตรงนี้ด้วย เมื่อการใส่ปมเรื่องราวดราม่าครอบครัวมากมายเข้ามา แม้แต่ตัวละครรองอย่างผู้ช่วยตัวเอกก็มีปมดราม่าครอบครัวหนักๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเลย และเรื่องก็เสียเวลาไปกับปมดราม่าลูกชายของตัวเอกค่อนข้างมากในช่วงครึ่งแรก โดยพยายามเล่าเรื่องปมเห็นภาพหลอนลูกชายของเขาซ้ำหลายฉาก ทำให้เรื่องดูน่าเบื่ออยู่เป็นพักๆ แต่ถ้าคุณดูจนจบจะเข้าใจว่าทำไม เพราะปมดราม่าในใจตัวเอกมีความเกี่ยวข้องกับหลายๆ อย่างที่เรื่องนี้กำลังเล่า และผลักดันทำให้ตัวเอกตัดสินใจสืบสวนหาความจริงทุกอย่างของหญิงสาวปริศนารายนี้ ซึ่งสุดท้ายจุดอ่อนในตอนแรกนี้จะกลายเป็นแง่บวกในภายหลังครับ
สรุป
Untamed ซีรีส์สืบสวนจาก ผู้เขียนบทจาก “The Revenant” และ “American Primeval” ที่ยังคงความโดดเด่นของธรรมชาติที่สวยงามแฝงไว้ด้วยความโหดร้ายไว้แบบเดิม โดยเป็นอุทยานแห่งชาติ Yosemite ของสหรัฐอเมริกากับงานโปรดักชั่นปราณีตและลงลึกในรายละเอียด การเอาตัวรอดและอยู่ร่วมกับธรรมชาติที่เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มาเล่าได้อย่างน่าทึ่ง ผ่านเส้นเรื่องการสืบสวนของตัวจริงของหญิงสาวปริศนาที่ตกหน้าผาตายที่พาไปพบกับคดีที่ซ้อนกันหลายชั้นและหลายแบบมาก โดยมีธีมเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาความสูญเสียของครอบครัว และความลับในอดีต การไล่ล่าความจริงและการต่อสู้กับปีศาจภายใน ซึ่งซีรีส์เก็บเคลียร์ทุกปมเป็นช่วงๆ โดยที่ปกติเฉลยมาก็น่าจะจบได้แล้ว แต่ก็ยังเหลือทิ้งไว้อีก โดยซ่อนปมที่ลึกกว่านั้นลงไปอีกเรื่อยๆ จนถึงฉากสุดท้ายเลย แต่ตรงนี้ก็เป็นจุดอ่อนที่ทำให้เรื่องเสียเวลาไปกับปมดราม่าครอบครัวค่อนข้างมาก จนช่วงแรกดูน่าเบื่อกับการเล่าฉากการสูญเสียลูกของตัวเอกซ้ำๆ แต่ถ้าคุณดูจบจะเข้าใจว่าสุดท้ายมันคือแรงผลักดันที่ทำให้ตัวละครนี้เดินหน้าทำสิ่งต่างๆ เพื่อช่วยให้ตัวเขาเองหลุดพ้นจากวังวนในอดีตที่เกิดขึ้น แนะนำเลยว่าห้ามพลาด เพียงแต่ต้องอดทนกับการเล่าเรื่องดราม่าสักหน่อยแล้วจะคุ้มค่ามากครับ