รีวิว Wake Up Dead Man: A Knives Out Mystery มาในธีมศาสนาที่สดใหม่เปลี่ยนลุคไปอย่างสิ้นเชิง
Wake Up Dead Man: A Knives Out Mystery
Summary
ภาค 3 ที่กล้าเปลี่ยนทุกอย่าง—ลุค บุคลิก และโทนของหนัง เบนัวต์ บลองค์ ดูชราลง เคร่งขรึมขึ้น โม้น้อยลง เหมาะกับธีมศาสนาที่หนักกว่าภาคก่อน ฉากฆาตกรรมว้าวตั้งแต่แรกและเหนือจริงราวมายากล ความสัมพันธ์ระหว่าง บลองค์ กับบาทหลวงหนุ่มที่ยอมจำนนต่อชะตากรรมก็เป็นมิติใหม่ที่น่าสนใจ
จุดอ่อนคือนักแสดงดังมากมายแต่บทบางลง ไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยให้เดาเหมือนก่อน และการเฉลยคนร้ายที่ออกมาง่ายเกินไปเมื่อเทียบกับความซับซ้อนที่ปูมา แต่ดีตรงเคลียร์ปมได้เหมดจรดเหมือนกำลังดูเบื้องหลังมายากลที่ชวนอึ้งทึ่งกับไอเดียฉากฆาตกรรมนี้เหมือนกัน โดยรวมยังเป็นหนังคุณภาพเกรด A+ ของเน็ตฟลิกซ์ที่คุ้มค่าดู และยังทำให้อยากติดตามว่า บลองค์ จะไปเจอคดีแบบไหนอีกในภาคต่อไป
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- เบนัวต์ บลองค์ลุคใหม่
- ฉากฆาตกรรมเหนือจริง
- มีพากย์ไทย
Cons
- ตัวนักแสดงบทสมทบลดบทบาทเด่นลงไป
- เฉลยตัวคนร้ายง่ายมากเกินไป
ADBRO
Wake Up Dead Man: A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคนบาป ภาพยนตร์ Original Netflix แนวสืบสวน เรื่องราวของนักสืบอย่างเบนัวต์ บลองค์ ต้องร่วมมือกับบาทหลวงหนุ่มที่มุ่งมั่น เพื่อไขคดีอาชญากรรมที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ณ โบสถ์แห่งหนึ่งในชุมชนเล็กๆ ซึ่งเคยมีเรื่องราวที่มืดมนในอดีต
รีวิว Wake Up Dead Man: A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคนบาป (ไม่สปอยล์)
ถ้าคุณคิดว่ารู้จัก เบนัวต์ บลองค์ ดีแล้ว ภาคนี้จะทำให้คุณคิดใหม่
แดเนียล เคร็ก กลับมาพร้อมทีมผู้กำกับและเขียนบทชุดเดิมอีกครั้ง ภาค 2 ที่ผ่านมาฉีกการเล่าเรื่องให้สนุกแตกต่างจากภาคแรกได้ดี และเมื่อขึ้นภาค 3 ความท้าทายก็ยิ่งใหญ่ขึ้น—จะทำให้สดใหม่ได้อย่างไรอีก? คำตอบคือเปลี่ยนทุกอย่างที่คุณคุ้นเคยกับตัวละครนี้ไปเลย
นักสืบคนเดิมในร่างใหม่
สิ่งแรกที่สะดุดตาคือลุคของ บลองค์ ที่ชราขึ้นกว่าภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่หนังถ่ายทำห่างกันแค่ปีเศษ ผมยาวขึ้น มีเคราขาว ทิ้งลุคผมสั้นแบบเจมส์ บอนด์ไปหมด นี่คือความจงใจของผู้สร้างที่จะรีเซ็ตภาพจำ แปลกตา แต่รับได้
และไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ บุคลิกก็เปลี่ยนด้วย ความมั่นใจขี้เล่นโม้โอ้อวดหายไป เหลือแต่ความเคร่งขรึม ดูเป็นมนุษย์ที่จับต้องได้มากขึ้น บทบาทก็ต่างออกไป—จากนักสืบรับจ้างหรูหรากลายเป็นคนนอกที่ถูกดึงเข้าคดีศาสนา ต้องร่วมมือกับตำรวจท้องถิ่นและบาทหลวงหนุ่มชื่อ “จั๊ด” (Josh O’Connor) เพื่อไขคดีฆาตกรรมที่ถูกทำให้ดูเหมือนปาฏิหาริย์
เมื่อฆาตกรรมกลายเป็นมายากล
เรื่องเริ่มจากการมาถึงของบาทหลวงหนุ่มที่ถูกส่งมาช่วยบาทหลวงรุ่นใหญ่ (Josh Brolin) ผู้มีอีโก้และความถ่อยเถื่อนอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างผู้นำทางจิตวิญญาณกับเจ้าลัทธิ เขาสร้างกลุ่มผู้ติดตามที่หลงใหลปกป้องเขาอย่างฝังหัว มากกว่าจะเป็นผู้ศรัทธาในศาสนาแบบที่ควรเป็น
แล้วฆาตกรรมก็เกิดขึ้น—ในโบสถ์ ต่อหน้าคนมากมาย มีคลิปถ่ายไว้ พยานหลักฐานชี้ไปทางเดียวกันหมดว่าบาทหลวงจั๊ดคือผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียว แต่ฉากฆาตกรรมนั้นเหนือจริงราวกับมายากลผสมเรื่องราวการฟื้นคืนชีพแบบพระเยซูที่ตามมาในภายหลังอีก ซึ่งดูอึ้งทึ่งมากกับฉากฆาตกรรมที่สดใหม่ในภาคนี้
และนี่ไม่ใช่โครงสร้างแบบเดิมที่มีผู้ต้องสงสัยหลายคนให้เดา แต่เป็นเรื่องของ บลองค์ ที่เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของบาทหลวงหนุ่ม และพยายามดึงเขากลับจากความสิ้นหวังที่ยอมรับชะตากรรมแบบพระเยซูถูกตรึงกางเขน ทั้งที่ บลองค์ เองไม่นับถือศาสนาและเชื่อในหลักเหตุผลเท่านั้น
ธีมภาคนี้จึงเคร่งขรึมหนักแน่นกว่าจะหรรษาบันเทิงแบบภาคก่อน แต่นั่นคือความกล้าของผู้สร้างที่ยังฉีกแนวไปเรื่อยๆ
นักแสดงดังเพียบ แต่บทบางลง
ภาคนี้ยังคงขนนักแสดงบทสมทบระดับ A-list มาเหมือนเดิม Jeremy Renner เป็นหมอประจำเมือง Glenn Close รับบทสตรีเคร่งศาสนา และอีกหลายหน้าคุ้นตา ทุกคนมีเอกลักษณ์และแบ็กกราวด์ที่น่าสนใจ
แต่นี่คือจุดที่น่าเสียดาย—บทบาทของพวกเขาน้อยลงมาก ไม่ได้ถูกทำให้เป็นผู้ต้องสงสัยกระจายกันไปเหมือนภาคก่อน และตอนเฉลยว่าใครคือคนร้ายก็มาแบบง่ายๆ ไม่สมกับแผนลงมือที่ซับซ้อนเหมือนปาฏิหาริย์อย่างที่เรื่องปูมา
อาจผิดหวังนิดหน่อย แต่ช่วงเฉลยก็มีข้อดี—เคลียร์ปมได้หมดจดไม่มีพล็อตโฮล เหมือนได้ดูเบื้องหลังมายากลที่ทำให้อึ้งทึ่งกับไอเดียว่าฉากฆาตกรรมนี้ทำได้ยังไง
สรุป
ภาค 3 ที่กล้าเปลี่ยนทุกอย่าง—ลุค บุคลิก และโทนของหนัง เบนัวต์ บลองค์ ดูชราลง เคร่งขรึมขึ้น โม้น้อยลง เหมาะกับธีมศาสนาที่หนักกว่าภาคก่อน ฉากฆาตกรรมว้าวตั้งแต่แรกและเหนือจริงราวมายากล ความสัมพันธ์ระหว่าง บลองค์ กับบาทหลวงหนุ่มที่ยอมจำนนต่อชะตากรรมก็เป็นมิติใหม่ที่น่าสนใจ
จุดอ่อนคือนักแสดงดังมากมายแต่บทบางลง ไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยให้เดาเหมือนก่อน และการเฉลยคนร้ายที่ออกมาง่ายเกินไปเมื่อเทียบกับความซับซ้อนที่ปูมา แต่ดีตรงเคลียร์ปมได้เหมดจรดเหมือนกำลังดูเบื้องหลังมายากลที่ชวนอึ้งทึ่งกับไอเดียฉากฆาตกรรมนี้เหมือนกัน โดยรวมยังเป็นหนังคุณภาพเกรด A+ ของเน็ตฟลิกซ์ที่คุ้มค่าดู และยังทำให้อยากติดตามว่า บลองค์ จะไปเจอคดีแบบไหนอีกในภาคต่อไป