รีวิว Peacemaker SS2 (HBO) เล่าเรื่องจับหัวใจของคริส สมิธ ตัวตนที่แท้จริงไม่ใช่พีซเมคเกอร์

Peacemaker SS2 ซีรีส์ HBO 8 ตอนจบ เรื่องราวภาคต่อของพีซเมคเกอร์หลังจากจบภารกิจปกป้องป้องโลกไป แต่พวกเขากลับแตกสลายกว่าเดิมเมื่อโลกไม่ยอมรับเขาให้เป็นซูเปอร์ฮีโร่

รีวิวซีซั่นแรก https://www.playinone.com/folkplay/peacemaker-hbo-review/

รีวิว Peacemaker SS2 (ไม่สปอยล์)

ซีซั่นนี้จะพาคุณไปจับหัวใจเบื้องลึกของคริส สมิธ ไม่ใช่พีซเมคเกอร์ นั่นเพราะซีรีส์เน้นไปที่เรื่องราวความเป็นมนุษย์ของคริสในด้านที่ผู้ชมอาจจะเคยเห็นมาก่อนในซีซั่นแรกแบบผ่านๆ อย่างการเอาผีเสื้อที่เป็นเอเลี่ยนต่างดาวมาเลี้ยง นกอินทรีอิกลี่ที่ฟื้นจากความตายมากอดคริส หรือฉากที่คริสยิงพ่อตัวเองตายในซีซั่นแรกแล้วร้องไห้ออกมา แต่ซีซั่นนี้คือการเจาะลึกลงไปเนื้อแท้ตัวตนของคริสแบบจริงจังมากๆ โดยที่ตัวพีซเมคเกอร์ที่ใส่ชุดฮีโร่แทบไม่มีบทบาทใดๆ ในเรื่องเลย ทำให้การเล่าเรื่องในซีซั่นนี้แตกต่างตรงข้ามกับซีซั่นแรกที่เป็นการปฏิบัติภารกิจอย่างสุดขั้ว 

ซีรีส์เล่าเรื่องการใช้ชีวิตของคริสที่มีความหวังจากกลุ่มเพื่อน 11th Street Kids ก็คือแก๊งที่ร่วมทีมในซีซั่นแรก โดยเริ่มเล่าความสัมพันธ์จากตัวตนจริงๆ นอกภารกิจที่พวกเขาต่างก็ถูกทอดทิ้งจากหน่วยงานอากัส คริสก็ไม่ถูกยอมรับให้เป็นฮีโร่ได้จริงๆ แม้จะช่วยโลกไว้ ซึ่งซีรีส์เล่าเรื่องเชื่อมต่อจากหนัง Superman โดยตรง ให้เขาไปสมัครเข้าจัสติสแก๊งก็ไม่รับ ความสัมพันธ์กับฮาร์คอร์ทก็มีปัญหา เมื่อคริสพยายามทวงถามความรู้สึกจากเธอในค่ำคืนบนเรือ (วันนั้นจะเป็นปริศนาไปตลอดเรื่องจนเฉลยในตอน 8 ว่าเกิดอะไรขึ้น) ทำให้สุดท้ายคริสก็ทนโลกที่อยู่นี่ไม่ไหวแล้วหลงเข้าไปในอีกมิติหนึ่งที่เป็นพ็อกเกตยูนิเวิร์สแบบที่ Lex ทำใน Superman แต่ของคริสคือมีให้เห็นตั้งแต่ซีซั่นแรกแล้ว ซึ่งคริสก็ได้ไปพบโลกที่ตัวเขาเองได้เป็นอย่างที่ฝันทั้งหมด พี่ชายที่ยังไม่ตาย พ่อที่เป็นคนดีรักเขาทั้งคู่ ฮาร์คอร์ทที่เรียบร้อยและหลงรักเขา และที่โลกนี้ทุกคนชื่นชมครอบครัวของเขาในฐานะฮีโร่ประจำเมือง ซึ่งทุกอย่างดูดีสวยงามไปหมด ปัญหามีเพียงแค่เขาได้พลาดพลั้งฆ่าตัวเองในโลกนั้นไปแล้วสวมรอยอยู่ ซึ่งความลับนี้เองทำให้เขาต้องเลือกว่าจะอยู่ในโลกไหนได้ที่เดียวเท่านั้น!

ด้วยความที่ซีรีส์เน้นเล่าเรื่องการคิดตัดสินใจของคริสโดยตรง ตัวเรื่องจึงเป็นการเล่าเรื่องเก็บรายละเอียดคนรอบตัวคริสที่ตกค้างมาจากซีซั่นแรก อย่างชีวิตในบ้านของวิจิลันเต้กับแม่เป็นยังไง ความสัมพันธ์ของอาเดบาโยกับแฟนที่แตกหักจากการที่เธอเลือกมาทำบริษัทสายลับแทนที่ร้านสัตว์เลี้ยง อีโคโนมอสที่ทำงานในอากัสเพียงคนเดียวต้องพบกับความลำบากใจอะไรบ้าง แม้แต่อิกลี่นกอินทรีของคริสก็ได้รับการเฉลยว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่นกอินทรีธรรมดา และผูกพันธ์กับคริสมากกว่าซีซั่นแรกซะอีก หรือแม้แต่ยูโดมาสเตอร์ตัวร้ายจิ๋วในภาคแรกก็เอากลับมาเล่าเบื้องลึกว่าเขาก็ไม่ได้ร้ายอย่างที่เห็นและมีปมที่เข้ากับแก๊งเพื่อนของคริสได้ ซึ่งการเล่าเรื่องที่ร้อยเรียงความสัมพันธ์ตัวละครทุกตัวกลับมาหาคริส ทำให้ซีซั่นนี้เน้นเคลียร์ปมดราม่าชีวิตให้ทุกตัวละครกลับมาผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น โดยมีโจทย์ใหญ่คือคริสกำลังทิ้งโลกนี้ไป และทำให้ทุกคนต้องไปตามตัวเขากลับมา ซึ่งซีรีส์เล่าเรื่องตรงนี้ได้เข้มข้นและจริงจังมากๆ จนเป็นเหมือนการเล่าเรื่องโลกคู่ขนานเหมือนฝัน แต่มันก็ไม่ใช่ความจริงอย่างที่คิด โดยการขยี้ปมที่ลากต่อจากซีซั่นแรกเรื่องพ่อของเขามาต่อที่ซีซั่นนี้อีกรอบได้อย่างหนักหน่วงมาก ทำให้ซีซั่นนี้ได้ใจผู้ชมสุดๆ เรียกว่าเป็นตอนที่น่าจะเป็นจุดไคลแม็กซ์พีคที่สุดของเรื่องนี้แล้ว โดยที่ไม่ต้องมีฉากปกป้องโลกจากตัวร้ายใดๆ มีเพียงดราม่ากระชากอารมณ์ที่ทำให้เรื่องไปถึงจุดที่ดาร์คสุดๆ มากกว่าความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในเรื่องไหนๆ ที่เคยทำมาเลย ซึ่งนี่คือเอกลักษร์ของเจมส์กันที่ยังทำได้ให้ผู้ชมเสียน้ำตากันได้ง่ายๆ เลย

ถึงซีรีส์จะไม่ได้มีตัวร้ายหรือบอสใหญ่ให้ต่อสู้ด้วย แต่เรื่องก็มีฝ่ายตรงข้ามที่เป็นศัตรูของคริสก็คือ ริค แฟล็ค คนพ่อที่พีซเมคเกอร์ฆ่าลูกชายเขาไปในเวอร์ชั่นหนัง ซึ่งซีรีส์เอาเรื่องราวของแอนิเมชั่น Creature Commandos ที่ฉายใน HBO เข้ามาร่วมด้วย เป็นเรื่องราวต่อกันทั้งหมด ริค แฟล็ค ในตอนนี้ได้เข้ามาคุมอาร์กัส และสั่งให้ทีมไปตามจับตัวพีซเมคเกอร์มาให้ได้ โดยอาศัยข้ออ้างว่าเขาครอบครองประตูมิติที่เป็นปัญหาร้ายแรงในตอนจบของหนัง Superman ซึ่งเรื่องก็เปิดตัวละครใหม่ Langston Fleury สายลับตาบอดนก และ Sasha Bordeaux สาวที่มีนัยตาจักรกลล็อคเป้าได้ แต่ทั้งสองตัวละครนี้ก็มาแค่เป็นสีสันส่วนเสริมเรื่องเท่านั้น ไม่ได้มีบทบาทมากเท่าไหร่ ได้ตรงความตลกกวนๆ จากคาแรกเตอร์เพี้ยนๆ ที่เจมส์กันใส่บทบาทไว้ให้เท่านั้น ซึ่งเรื่องก็เล่าถึงปมของริคแฟล็คว่าจะจัดการกับพีซเมคเกอร์ยังไง แต่มันก็ไม่ได้มีฉากแอ็กชั่นต่อสู้อะไรกันเลย ถือว่าเป็นแค่ตัวร้ายที่เข้ามาคั่นเรื่องให้พอมีประเด็นเล่าต่อไปในอนาคตเท่านั้น เพราะเจมส์กันยืนยันแล้วว่าในตอนจบซีรีส์นี้คือจะเชื่อมไปยังหนัง Man of Tomorrow ที่วางกำหนดฉายกลางปี 2027 แต่ซีรีส์ก็ไม่ได้เผยให้เห็นการเชื่อมต่อนี้โดยตรง ซึ่งในตอนสุดท้ายก็ไม่ได้เป็นแนวไคลแม็กซ์ของเรื่องแบบบู๊ระห่ำ แต่มาด้วยธีมการเคลียร์ความรักกับฮาร์คอร์ททั้งตอน ซึ่งก็น่าจะเป็นการหักมุมที่ทำให้ผู้ชมผิดหวังมากพอสมควร แต่มันก็เป็นการเปิดประตูนำตัวละครทั้งหมดในซีรีส์ให้ได้ไปต่อในฉบับภาพยนตร์ค่อนข้างแน่นอนครับ (เจมส์กันไม่ได้มีกำหนดทำพีซเมคเกอร์ซีซั่น 3 ไว้ด้วย)

สรุป

ซีซั่น 2 ที่ลงลึกเข้าไปในตัวละคร “คริส สมิธ” ตัวตนจริงๆ ของพีซเมคเกอร์ทำให้เรื่องราวถูกเล่าแตกต่างไปจากซีซั่นแรกแบบคนละขั้ว ซีรีส์ไม่ได้เน้นให้มีฉากแอ็กชั่นภารกิจปราบเหล่าร้ายใดๆ แบบจริงจัง ฉากแอ็กชั่นในภาคนี้เป็นแค่น้ำจิ้มเล็กๆ ที่ไม่ได้มีความสำคัญมากเท่ากับความสัมพันธ์ของตัวละครเพื่อนๆ ในเรื่องที่มาเกี่ยวข้องกับคริส โดยเรื่องลงลึกไปในปัญหาครอบครัวของเขาที่มีเปิดทิ้งไว้ในซีซั่นแรก แล้วก็มาขยี้ต่อในโลกคู่ขนานผ่านมิติพ็อคเก็ตยูนิเวิร์สจากหนัง Superman โดยให้โลกที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบกับคริสทุกอย่างกลายเป็นฝันร้ายที่หนักหน่วงมากกว่าโลกเดิมจากในซีซั่นแรกซะอีก ซึ่งซีรีส์ทำจุดนี้ได้ถึงมากๆ กลายเป็นแนวซูเปอร์ฮีโร่ที่ขยี้ปมความเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ ทุกคนต่างมีปัญหาของตัวเอง ซีรีส์เล่าเรื่องดราม่าได้อย่างหนักแน่นผสมกับตลกร้ายที่ลงตัว และก็ผูกปมนี้ของทุกตัวละครเข้ากับคริสที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องได้อย่างแนบแน่นลงตัวมากๆ จนเป็นซีซั่นที่เหมือนเป็นตอนจบของเรื่องราวแล้ว แต่ก็มีทิ้งท้ายไว้เพื่อไปต่อในหนัง Man of Tomorrow ของเจมส์กันอีกนิดหน่อยเท่านั้นครับ