playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Peacemaker ซีรีส์ที่ทั้งบ๊อง ห่าม ฮา บ้าดีเดือด สนุกเกินคาด (อัพเดทจบ ไม่สปอยล์)

สรุป

อาจจะไม่ใช่ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ลงทุนสูง แต่เรื่องก็เดินไปแบบสนุกน่าติดตามตั้งแต่แรกๆ เลย ทั้งการใช้ชีวิตของตัวพีซเมคเกอร์เองที่ขยันเจอเรื่องซวยๆ ให้คนได้ฮา ภารกิจผีเสื้อในเรื่องก็ไม่ได้เป็นสเกลเล็กๆ ด้วย เรียกว่าเป็นซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำออกมาได้ดีเกินความคาดหวังจากหน้าตาที่เห็นบ๊องๆ มาก แถมตอนจบแอบมีเซอร์ไพรส์สำหรับแฟน DCEU ด้วย

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ความฮาแบบกวนๆ สไตล์เจมส์ กันน์
  • ลงลึกเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจของพีซเมคเกอร์ที่มากกว่าแค่คนบ๊องๆ
  • มีตัวร้ายออกมาต่อเนื่องทุกตอน
  • ฉากเปิดอินโทรที่เก๋ไก๋แบบกวนๆ ชวนดูมาก
  • เรื่องราวต่อจาก The Suicide Squad โดยตรง
  • ภารกิจหลักในเรื่องไม่ใช่สเกลเล็ก

Cons

  • มุกตลกแนวเจมส์ กันน์ที่เน้นตลกทื่อๆ จากคำพูด อาจจะไม่ตรงจริตคนดูอยู่บ้าง
  • ไม่ได้มีโปรดักชั่นงานสร้างอลังอะไรมาก

Peacemaker ซีรีส์ HBO สปินออฟต่อจากหนัง The Suicide Squad 2021 ฉบับผู้กำกับ เจมส์ กันน์ เรื่องราวต่อมาของฮีโร่ผู้รักสันติภาพสุดขีด ที่ต้องมารับงานให้รัฐบาลต่อเพื่อแลกกับการไม่ติดคุก และภารกิจนี้ทำให้เขาได้ทบทวนจุดยืนของตัวเองอย่างจริงจัง

 Peacemaker (2022) on IMDb

ตัวอย่าง Peacemaker

ก่อนดูซีรีส์เรื่องนี้ผู้ชมควรต้องดู The Suicide Squad ภาคล่าสุดก่อนถึงจะเข้าใจว่าเรื่องราวในซีรีส์นี้กำลังบอกเล่าตัวตนที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปจากในภาพยนตร์ ซึ่งถ้าใครยังไม่ได้ดูก็สามารถดูได้เลยใน HBO แล้วถึงค่อยมาดูเรื่องนี้เพราะนี่เป็นภาคแยกที่เล่าเรื่องราวต่อจากตอนจบของหนังตรงๆ โดยให้เห็นเรื่องราวชีวิตของพีซเมคเกอร์ทั้งก่อนและหลังจากเหตุการณ์ในหนัง ทำให้ผู้ชมได้รับรู้เรื่องราวของเขามากขึ้น ที่มีทั้งความฮา ห่าม บ้าดีเดือด ปัญญาอ่อน อยู่รวมกันในคนๆ เดียว แบบที่น่าสนใจมากและไม่เหมือนฮีโร่ตัวไหนๆ มาก่อนทั้งใน DC หรือมาร์เวลเองก็ตาม

เรื่องย่อ

หลังจากจัดการโปรเจ็กต์สตาร์ฟิชได้ พีชเมคเกอร์ก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระปลอมๆ เพราะสุดท้ายนี่คือการวางแผนของอแมนด้าที่คุมทีม Suicide Squad ให้เขามารับงานฆ่าคนที่รัฐบาลต้องการต่อแบบปฏิเสธไม่ได้ เพราะมีทั้งโทษจำคุกที่เหลืออยู่อีก 26 ปีกับระเบิดที่ถูกฝังในสมองพร้อมระบบติดตามตัวป้องกันการหลบหนี ซึ่งคราวนี้เขามีทีมผู้ช่วยจากอแมนด้ามาโดยตรง ไม่ใช่พวกนักโทษจากคุกเบลรีฟแบบเดิม โดยภารกิจนี้มีชื่อโค๊ดเนมว่า “ผีเสื้อ” ที่ดูเหมือนคนปกติทั่วไป จนพีชเมคเกอร์เองก็ยังลังเลไม่แน่ใจว่างานฆ่าคนครั้งนี้เขาถูกรัฐบาลหลอกใช้หรือไม่

 

รีวิว Peacemaker 

งานสร้าง เขียนบท กำกับ ของเรื่องนี้มาจาก เจมส์ กันน์ โดยตรง ซึ่งทำให้งานซีรีส์ได้ลายเซ็นต์ความบ้าบอ+ดราม่า มาเต็มๆ ซึ่งก็ตรงกับคาแรกเตอร์ตัวละครพีซเมคเกอร์ตรงๆ ที่เจ้าหมอนี่มันเป็นแบบนี้ในตัวอยู่แล้ว ซึ่งมักจะเอากับตันอเมริกสของมาร์เวลมาเทียบว่าเป็นเวอร์ชั่นตลก แต่ความจริงไม่ได้เหมือนหรือใกล้เคียงกันเลย เพราะเขาแค่บ้าสันติภาพ สร้างพละกำลังมาได้ด้วยตัวเอง ไม่ได้ถูกฉีดเซรุ่มพิเศษ แล้วก็มีสกิลพิเศษคือใช้อาวุธทุกอย่างในโลกได้อย่างเชี่ยวชาญ ชุดเครื่องแต่งตัวก็มีจุดเด่นตรงหมวกตลกๆ ที่เหมือนเอากระโถนมาครอบหัว ซึ่งใน Suicide ไม่ได้มีการอธิบายอะไรไว้ แต่ในซีรีส์เรื่องนี้จะแสดงให้เห็นว่าหมวกนี้ไม่ใช่เครื่องแต่งตัวตลก แต่เป็นหมวกที่มีสกิลฟังก์ชั่นหลากหลายแบบ เป็นอาวุธโจมตีที่ทรงพลังมาก ซึ่งตัวเรื่องจะโชว์ให้ตั้งแต่ช่วงแรกเลย พร้อมกับที่มาที่ไปของหมวกที่มาจากพ่อของเขา เป็นการขยายเรื่องราวของพ่อพีซเมคเกอร์ว่าไม่ธรรมดา ทั้งการที่มีห้องเก็บอาวุธชุดพีซเมคเกอร์สุดไฮเทค และการที่เป็นตัวละครลึกลับที่คนในคุกนับถือในอีกชื่อเรียกหนึ่ง ซึ่งจะเป็นตัวละครสำคัญไปยาวๆ ในชีวิตของพีซเมคเกอร์ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงซีซั่น 2 ด้วย

แต่ประเด็นหลักที่ซีรีส์นำเสนอคือ พัฒนาการทางด้านความคิดของพีซเมคเกอร์หลังจากที่เขาลงมือฆ่าริคแฟล็คไปเพื่ออุดมการณ์เรื่องสันติภาพ แต่กลายเป็นเขาเริ่มทบทวนตัวเองว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นถูกต้องแล้วจริงหรือ ซึ่งภารกิจผีเสื้อที่เป็นความลับในซีรีส์นี้ยิ่งกลายเป็นบททดสอบว่าประโยคที่เขาเอ่ยว่าฆ่าได้แม้แต่เด็กกับคนแก่เพื่อเสรีภาพนั้นเขาลงมือทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งบทในซีรีส์เราจะได้เห็นตัวตนในทุกแง่มุมของเขา ซึ่งมีทั้งด้านที่อ่อนไหว ปากไม่ตรงกับใจ ความสัมพันธ์กับพ่อ และกับคนในทีมที่อยู่ตอนนี้ ที่ดูเหมือนเขาเองก็ซ่อนความรู้สึกดีใจลึกๆ ที่ได้รับการยอมรับ แม้จะแสดงออกมาแบบปากร้ายชอบแขวะคนในทีมอยู่ตลอดเวลา แต่ก็มีแอบไปร้องไห้เสียใจที่พูดแบบนั้นไป ซึ่งทำให้ผู้ชมเข้าใจตัวละครนี้มากขึ้น นอกจากความบ้าบอด้านเดียวที่ตัวละครนี้แสดงให้เห็นอยู่ตลอด

นอกจากนี้บทยังให้ความสำคัญกับตัวละครในทีมทุกคนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งประกอบไปด้วยหัวหน้าทีม เคลมสัน เมิร์น (รับบทโดย Chukwudi Iwuji) ลูกน้องสายตรงจากอแมนด้าที่เป็นคนผิวดำเหมือนถอดแบบกันมาเลย แต่เขาก็บอกว่าไม่ใช่คนใจร้ายขนาดวางแผนได้ขนาดนั้น ซึ่งจริงไม่จริงไม่รู้ คนต่อมาก็คือ เอมิเลีย ฮาร์ครอท (รับบทโดย Jennifer Holland) สายลับสาวที่ถอดแบบแบล็ควิโดวของมาร์เวลมาเลยทั้งสกิลต่อสู้กับความสวย ไม่รู้ว่าตั้งใจล้อเลียนหรือไม่ แต่เธอก็มีบทเด่นสำคัญๆ คู่กับพีซเมคเกอร์ตลอด เหมือนเป็นนางเอกของซีรีส์เรื่องนี้ เพราะตัวพีซเมคเกอร์เองก็แอบปิ๊งเธออยู่ด้วย อีกคน ลีโอตา อาเดบาโย (รับบทโดย Danielle Brooks) รับบทตัวฮาทำงานจิปาถะทั่วไปของมีม แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นลูกสาวของอแมนด้าที่มาเพื่อเก็บความลับบางอย่างของภารกิจนี้ไว้ ส่วนคนสุดท้ายคือ จอห์น (รับบทโดย Steve Agee ) ผู้ชำนาญไอทีของทีมที่มีบทเด่นตั้งในหนังก่อนนี้แล้ว ก็ยังเป็นคาแรกเตอร์หนุ่มอ้วนเนิร์ดๆ ไอทีเช่นเดิม แต่เพิ่มการเป็นคู่กัดกับพีซเมคเกอร์ขึ้นมา แต่ใจจริงพีซเมคเกอร์เองอยากเป็นเพื่อนกับเขา แต่แสดงออกไม่เป็นเลยต้องปากร้ายใส่ตลอด นอกจากนี้ยังมี “อีกลี่” นกอินทรีคู่หูของพีซที่มีบทน่ารักๆ แทรกเข้ามาขโมยซีนอยู่เรื่อยๆ

นอกจากคนในทีมแล้วยังมีตัวละครเสริมทีมอีกคนที่มาใหม่ Vigilante เป็นอดีตคู่หูตัวแสบทำงานกับพีซเมคเกอร์ เชี่ยวชาญการใช้อาวุธเหมือนกัน ซึ่งหมอนี่แม้จะดูเพี้ยนๆ ติ๊งต๊องเหมือนเด็กๆ แต่กลับมีความโหดใจเด็ดกว่าพีซเมคเกอร์ซะอีก ซึ่งในเรื่องหมอนี่เป็นตัวขโมยซีนทุกฉากที่เด่นพอๆ กับพีซเมคเกอร์เลยก็ว่าได้

ภารกิจผีเสื้อ (มีสปอยล์บางส่วน)

เรื่องราวหลักของเรื่องนี้คือดำเนินไปผ่านภารกิจที่เรียกว่าโปรเจ็กต์ผีเสื้อ  ซึ่งก็เป็นเอเลี่ยนที่มีรูปร่างผีเสื้อเข้าควบคุมมนุษย์เป้าหมายไว้ เนื้อเรื่องจะเป็นสเกลไม่ใหญ่มาก แต่ร้ายกาจกว่าที่คิดมาก เพราะเป็นภารกิจที่ตัดสินชะตากรรมโลกได้เลย ซึ่งตัวพีซเมคเกอร์กับทีมจะค่อยๆ สืบเรื่องราวไปทีละตอนว่าพวกนี้กำลังพยายามทำอะไร และจะหยุดยั้งพวกมันได้อย่างไร โดยมีตัวร้ายรองอย่างยูโดมาสเตอร์ในชุดเขียวไปร่วมมือกับพวกนี้ด้วย ซึ่งความลับของผีเสื้อนั้นมีหลายอย่างมาก ซีรีส์จะค่อยๆ เผยออกมา โดยมีหักมุมเรื่องราวอยู่หลายครั้ง และภารกิจสุดท้ายตัวพีซเมคเกอร์เองก็จะได้ตัดสินใจครั้งใหญ่กับแนวทางชีวิตของตัวเองเรื่องการรักษาสันติภาพว่าจะยังคงไว้หรือทิ้งมันไปซะ ซึ่งเนื้อเรื่องผูกความสัมพันธ์ของเขากับทีมมาเพื่อตอนจบของเรื่องนี้โดยเฉพาะ เป็นการจบซีซั่นแบบลงตัวสมบูรณ์ และก็มีเซอร์ไพรส์จากภาพยนตร์ DC มาเป็นแฟนเซอร์วิสให้ผู้ชมได้ว่าวเล็กๆ อีกด้วย

ยูโดมาสเตอร์
ยูโดมาสเตอร์

สรุป Peacemaker สนุกและดีไหม?

อาจจะไม่ใช่ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ลงทุนสูง แต่เรื่องก็เดินไปแบบสนุกน่าติดตามตั้งแต่แรกๆ เลย ทั้งการใช้ชีวิตของตัวพีซเมคเกอร์เองที่ขยันเจอเรื่องซวยๆ ให้คนได้ฮา ภารกิจผีเสื้อในเรื่องก็ไม่ได้เป็นสเกลเล็กๆ ด้วย เรียกว่าเป็นซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำออกมาได้ดีเกินความคาดหวังจากหน้าตาที่เห็นบ๊องๆ มาก

 

Peacemaker SS2 มาตอนไหน

ทาง HBO MAX ไฟเขียวให้เจมส์กันทำต่อแล้ว ซึ่งเขาก็เขียนบทกำกับเองทุกตอนเหมือนเดิม ตามเวลาการถ่ายทำก็คงประมาณ 1 ปี SS2 น่าจะมาช่วงต้นปีหน้า 2023 เช่นเดิม

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ HBO เรื่องอื่นเพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!