รีวิว The Sandman SS2 Volume 2 บทสรุปจบดราม่าแฟนซีที่ลึกซึ้งทางอารมณ์ แต่ก็ไม่สมบูรณ์นัก

The Sandman SS2 Volume 2
Summary
บทสรุปจบของซีรีส์ที่เน้นหนักแนวดราม่าล้วนๆ มีความลึกซึ้งทางอารมณ์สูง ให้ความสำคัญกับตัวละคร Dream ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปมีอารมณ์คล้ายมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เป็นช่วงที่เขากำลังเดินทางไปสู่จุดสุดท้ายของชีวิตเทพที่ไม่ได้เป็นอนันต์ ซึ่งซีรีส์เล่าเรื่องราวช่วงสุดท้ายได้ดีในแบบดราม่าซึมลึกเศร้าหมอง แต่ก็เพิ่มช่วงเวลาที่ให้บทเด่นกับ Johanna Constantine และฝันร้าย Corinthian จากซีซั่นแรกที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ให้เป็นตัวดีและมีบทรักกุ๊กกิ๊กกัน ทำให้มีช่วงเวลาที่น่าสนใจแตกต่างไปจากของ Dream ที่ให้อารมณ์หม่นหมองเพียงอย่างเดียว แต่เรื่องก็เดินช้าแบบเนิบนาบมากโดยละทิ้งแอ็กชั่นไปหมดเลย และไม่มีการผจญภัยไปยังดินแดนใหม่ๆ อีกแล้ว ทำให้เป็นบทสรุปที่ซาบซึ้งแต่ไม่สมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่ของซีรีส์นี้ครับ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- บทสรุปจบที่เน้นดราม่าซึมลึก
- พาร์ทความรักของ Johanna Constantine และฝันร้าย Corinthian
Cons
- เดินเรื่องช้ามากๆ โดยไม่มีแอ็กชั่นเลยแม้แต่น้อย
ADBRO
The Sandman SS2 Volume 2 ครึ่งหลังอีก 5 ตอนของซีรีส์ Original netflix จาก Neil Gaiman ที่เป็นบทสรุปสุดท้ายของ Dream เทพนิมิตรแห่งความฝันที่ถึงเวลาต้องสิ้นสุดลงแล้ว
รีวิว The Sandman SS2 Volume 1 https://www.playinone.com/folkplay/the-sandman-ss2-review-netflix
รีวิว The Sandman SS2 Volume 2
เรื่องราวห้าตอนสุดท้ายของซีซั่นจะเน้นไปที่ Dream ที่ต้องเผชิญผลจากการฆ่าลูกชายของเขาเอง Orpheus โดยมีเทพธิดาพยากรณ์สามองค์เป็นผู้ถักทอเหตุการณ์นี้เพื่อให้เขาถึงจุดจบที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ โดย Dream ต้องปกป้องอาณาจักรของตนและเตรียมรับชะตากรรมนี้โดยเปลี่ยนถ่ายให้แดเนียล เด็กน้อยที่เขาหมายตาให้เป็นตัวแทนนิมิตรต่อไปแทนเขา
ในห้าตอนนี้ก็ยังคงเดินเรื่องเหมือนครึ่งแรก โดยไม่มีฉากแอ็กชั่นใดๆ เลยแม้แต่น้อย แม้จะมีเรื่องราวของการที่เทพธิดาพยากรณ์ทั้งสามส่งตัวแทนมาทำลายล้างอนาจักรของ Dream แต่ทั้งหมดก็เป็นไปในรูปแบบดราม่าพูดคุยแล้วก็จบกันเท่านั้น ซึ่งก็น่าผิดหวังที่ซีรีส์ตั้งใจเน้นหนักดราม่าเพียงอย่างเดียวจริงๆ โดยไม่มีพาร์ทอารมณ์แบบอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเลยสักนิด แม้แต่การผจญภัยไปในดินแดนต่างๆ ก็ยังไม่มีด้วย
แต่สำหรับคนที่รับแนวดราม่าล้วนของเรื่องนี้ได้ก็ถือว่าซีรีส์พยายามพัฒนาตัวละคร Dream ให้มีส่วนของอารมณ์เหมือนมนุษย์ได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ตัวเรื่องจะล็อคเส้นทางเรื่องราวไว้ไม่มีช่วงเวลาหักมุมใดๆ เลย ทุกอย่างถูกเน้นย้ำไปในแนวทางที่ยังไง Dream ก็ต้องตายเป็นตามคำทำนายตรงๆ แต่ก็กลายเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เห็นว่าเขาพยายามทำทุกอย่างแล้วในช่วงท้ายให้ดีที่สุด เป็นช่วงเวลาของการเตรียมตัวลาจากทุกคนแบบเศร้าๆ โดยมีปัญหาแทรกเข้ามาอย่างการที่แดเนียลตัวแทนของเขาถูก Loki ลักพาตัวไป ก็ทำให้เห็นว่าเขาพยายามหาทางแก้ไขปัญหานี้ใหม่ โดยให้ Johanna Constantine เข้ามาช่วยสืบหา และสร้าง Corinthian หรือฝันร้ายที่เขาทำลายลงไปในซีซั่นแรก โดยเป็นตัวละครเดิมที่เกิดขึ้นมาใหม่ผ่านตัวเขาที่มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ทำให้ Corinthian ก็เปลี่ยนไปเป็นกลายเป็นตัวดี และยังเพิ่มบทรักกุ๊กกิ๊กกับ Johanna Constantine ในระหว่างที่ช่วยเหลือเธอสืบหาแดเนียล ซึ่งซีรีส์หยอดเรื่องราวของทั้งคู่มาได้ดี ทำให้ซีรีส์มีความหวานในขณะที่เรื่องราวกำลังปูทางไปสู่ความเศร้าของ Dream ที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องตาย ซึ่งแม้เรื่องจะช้าเนิบนาบมาก แต่ก็ทำให้บทสรุปของเรื่องนี้เดินทางแน่วแน่ไปสู่จุดสุดท้ายได้ลงตัวดี ถือว่าเป็นงานดัดแปลงที่สวยงามและซื่อสัตย์ต่อ Neil Gaiman มากๆ
สรุป บทสรุปจบของซีรีส์ที่เน้นหนักแนวดราม่าล้วนๆ มีความลึกซึ้งทางอารมณ์สูง ให้ความสำคัญกับตัวละคร Dream ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปมีอารมณ์คล้ายมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เป็นช่วงที่เขากำลังเดินทางไปสู่จุดสุดท้ายของชีวิตเทพที่ไม่ได้เป็นอนันต์ ซึ่งซีรีส์เล่าเรื่องราวช่วงสุดท้ายได้ดีในแบบดราม่าซึมลึกเศร้าหมอง แต่ก็เพิ่มช่วงเวลาที่ให้บทเด่นกับ Johanna Constantine และฝันร้าย Corinthian จากซีซั่นแรกที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ให้เป็นตัวดีและมีบทรักกุ๊กกิ๊กกัน ทำให้มีช่วงเวลาที่น่าสนใจแตกต่างไปจากของ Dream ที่ให้อารมณ์หม่นหมองเพียงอย่างเดียว แต่เรื่องก็เดินช้าแบบเนิบนาบมากโดยละทิ้งแอ็กชั่นไปหมดเลย และไม่มีการผจญภัยไปยังดินแดนใหม่ๆ อีกแล้ว ทำให้เป็นบทสรุปที่ซาบซึ้งแต่ไม่สมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่ของซีรีส์นี้ครับ
*จะมีตอนพิเศษตอนที่ 12 เพิ่มเติมในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ โดยตอนพิเศษนี้มีชื่อว่า “The Sandman Presents: Death: The High Cost of Living” และจะเน้นเรื่องราวไปที่ตัวละคร Death