รีวิว Troll 2 (Netflix) นี่ไม่ใช่ก็อดซิลล่า vs. คิงคอง ยังคงธีมตำนานโบราณแบบเดิม

Troll 2 ภาพยนตร์ Original Netflix แนวแอ็กชั่น โทรลล์ตัวใหม่ตื่นขึ้นแล้ว แต่คราวนี้มีถึง 2 ตัว ศาสตราจารย์นูร่า อันเดรียส และกัปตันคริส จึงถูกตามกลับเข้ามาในภารกิจสุดอันตรายอีกครั้ง

รีวิวภาคแรก https://www.playinone.com/folkplay/troll-review-netflix-2022/

รีวิว Troll 2 (ไม่สปอยล์)

หนังสัตว์ประหลาดยักษ์จากนอร์เวย์กลับมาแล้ว หลังจากภาคแรกสร้างชื่อเสียงได้อย่างงดงามจนถูกเปรียบเทียบกับคิงคองของฮอลลีวูด ซึ่งตอนจบก็ทิ้งเชื้อไว้ชัดเจนว่าต้องมีภาคต่อแน่นอน นี่คือความตั้งใจของผู้สร้างที่จะปั้นจักรวาลสัตว์ประหลาดของตัวเองขึ้นมาใหม่ โดยหยิบเอาตำนานโบราณของประเทศมาดัดแปลงให้ร่วมสมัยได้อย่างน่าทึ่ง

แม้ภาค 2 จะได้ทุนมากขึ้นกว่าเดิม เห็นได้จากการมีโทรลล์ถึง 2 ตัว แต่หนังก็ยังคงรักษาสเกลให้พอเหมาะกับงานสตรีมมิ่ง ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป งาน CG ก็ยังคงคุณภาพดีเหมือนภาคแรก อย่างไรก็ตาม ใครที่คาดหวังว่าจะได้เห็นแนวก็อดซิลล่า vs. คิงคอง มาสู้กันถล่มทลาย บอกเลยว่าไม่ใช่ ฉากต่อสู้ของโทรลล์ทั้งสองในเรื่องนี้สั้นมากจนแทบเรียกว่าสู้กันไม่ได้ ไม่มีแอ็กชั่นอลังการหรือท่าไม้ตายมาดวลกันแบบหนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ ซึ่งก็เข้าใจได้ เพราะนี่คือหนังทุนสตรีมมิ่งที่คงทำแบบนั้นไม่ได้ แต่ในอีกมุมหนึ่ง การจำกัดสเกลแบบนี้กลับทำให้ธีมตำนานเรื่องเล่าที่หนังต้องการนำเสนอยังคงอยู่และทำงานได้ดี

เนื้อเรื่องยังคงดำเนินไปโดยมีมนุษย์เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเสาะหาวิธีปราบโทรลล์ หนังจึงรีบจัดการกับวิธีใช้แสง UV จากภาคแรกให้เห็นตั้งแต่ต้นว่ามันใช้ไม่ได้อีกแล้ว ก่อนจะพาเรื่องราวย้อนกลับไปสู่ประวัติศาสตร์และตำนานโบราณคดีของนอร์เวย์อีกครั้ง เปิดทางให้เรื่องราวเดินต่อในธีมเดิมที่เชื่อมโยงกับโทรลล์ตัวก่อนโดยตรง สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้สร้างวางโครงจักรวาลไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ใช่ภาคต่อแบบดังแล้วเขียนบทต่อกันไปเรื่อย หนังมีการแอบล้อเลียนตัวเองนิดหน่อย พร้อมกับโครงเรื่องที่ย้อนกลับไปยังอดีตเพื่อเล่าว่ามนุษย์เคยปราบโทรลล์ได้อย่างไร แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับอาวุธทางทหารยุคใหม่ โดยมีโทรลล์ตัวดีมาช่วยเสริมกำลังต่อสู้กับตัวร้ายที่คราวนี้ไล่จับคนกินจนไม่น่าสงสารแบบตัวในตอนจบภาคแรกอีกแล้ว หนังวางน้ำหนักระหว่างการพัฒนาตัวละครมนุษย์กับโทรลล์ตัวใหม่ได้ลงตัว ปิดท้ายด้วยตอนจบแนวฮีโร่ที่ซึ้งนิดๆ ติดกลิ่นฮอลลีวูดหน่อย แต่ก็ถือว่าโอเคเลย

นอกจากนี้ หนังยังเน้นปูความสัมพันธ์ของตัวละครให้มากขึ้น อันเดรียสแต่งงานกับทหารหญิงจากภาคแรกที่แอบปิ๊งกันเพราะเคมีเนิร์ดๆ ตรงกัน อย่างมุกสัญญาณมือจากสตาร์เทรค ส่วนนูร่ากับกัปตันคริสก็มีมือที่สามแทรกเข้ามาเป็นศาสตราจารย์คนใหม่ที่มีมุมมองตรงข้ามจนกลายเป็นคู่กัดกันตลอดเรื่อง แต่หนังก็ไม่ได้ทำให้เรื่องราวความรักพวกนี้ดูสวีทจนเกินไป เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเล็กๆ ประกอบเรื่องราวเท่านั้น

หนังมีความลื่นไหลในการเล่าเรื่องที่ดี แต่กลับกลายเป็นจุดด้อยเมื่อตัวบทเร่งสปีดเร็วเกินไปจนทำให้หลายเหตุการณ์ในเรื่องดูไม่สมเหตุผล มีหลายฉากที่ทำให้รู้สึกว่า “อีหยังวะ” ตั้งแต่ฉากแรกที่นางเอกจู่ๆ ก็ไปปล่อยโทรลล์ตัวร้ายออกมาด้วยเหตุผลง่ายๆ แค่ว่าเขาถูกทรมาน ซึ่งจริงๆ ตัวเรื่องคงไม่มีเวลามาปูทางให้สมเหตุผลมากกว่านี้ หรือฉากการไปพบความลับของกษัตริย์มนุษย์ในอดีตก็ใช้ความบังเอิญเจอกันง่ายดาย ทั้งๆ ที่บอกว่าหากันมาเป็นร้อยปีแล้วไม่เจอ บทลักษณะนี้มีค่อนข้างเยอะในภาคนี้ ต่างจากภาคแรกที่ค่อยๆ ปูให้ทุกอย่างดูสมเหตุผลกว่า

หนังมีฉากหลังเอนด์เครดิตที่ปูทางไปภาคต่อ แสดงให้เห็นว่าผู้สร้างตั้งใจจะสานต่อจักรวาลนี้กันยาวๆ แน่นอน

สรุป

หนังสัตว์ประหลาดยักษ์จากนอร์เวย์ที่ยังคงเอกลักษณ์ทุกอย่างจากภาคแรกไว้ได้ดี ตั้งแต่งาน CG ที่เนี๊ยบมากในระดับหนังสตรีมมิ่ง มีการเพิ่มโทรลล์เป็น 2 ตัว ทั้งดีและร้าย แต่นี่ไม่ใช่คิงคอง vs. ก็อดซิลล่าที่จะมีฉากบู๊ถล่มเมือง เป็นเพียงฉากสู้กันสั้นๆ แบบจุ๋มจิ๋มเท่านั้น การเดินเรื่องยังคงเน้นการตามหาตำนานโบราณมาปราบมากกว่าจะใช้อาวุธถล่มกันตรงๆ ซึ่งเรื่องเชื่อมต่อตำนานจากภาคแรกมาสู่ภาคสองได้ค่อนข้างดี ตัวละครชุดเดิมกลับมาครบ พร้อมพัฒนาความสัมพันธ์กันมากขึ้น จุดด้อยคือหนังรีบเล่าเรื่องเร็วเกินไปจนหลายฉากเห็นชัดว่าบทอ่อน ต่างจากภาคแรกที่ลำดับเรื่องได้ดีกว่า แต่ก็ไม่ได้ทำให้หนังดูแย่มาก เรียกว่ายังทำได้น่าพอใจ และฉากหลังเอนด์เครดิตที่ทิ้งท้ายภาคต่อก็ยังคงน่าติดตามเช่นกัน

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่