รีวิว Pieces of a Woman เศษเสี้ยวหัวใจหญิง (ไม่มีสปอยล์ส่วนสำคัญ)
รีวิว Pieces of a Woman
สรุป
ภาพยนตร์ดราม่าสะเทือนอารมณ์ที่มาพร้อมการแสดงดี ดนตรีเด่น และงานภาพที่ชวนอึดอัดตั้งแต่ต้นจนจบ
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- การแสดงสุดทรงพลังของนักแสดงนำ
- งานถ่ายทำที่ถ่ายออกมาได้สวยและมีหลายมุมให้เห็นตามบรรยากาศของตัวละคร
- ดนตรีประกอบที่ส่งอารมณ์ตัวละคร
- สะท้อนชีวิตของผู้หญิงที่ต้องแบกรับปัญหาที่ไม่คาดคิด แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เห็นมุมมองของคนรอบตัวที่ต่างมีปัญหาด้วยเช่นกัน
- ประเด็นหนังสอนให้เราได้รู้จักเดินหน้าต่อไปเช่นเดียวกับตัวละครในเรื่อง ไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์ก็ตาม
Cons
- หนังยาวประมาณ 2 ชม. อาจทำให้มีส่วนที่น่าเบื่อในบางช่วงจนอาจหลับได้
- พล็อตเรื่องมันก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไร เหมาะกับคนดูหนังสายการแสดงกับรางวัลมากกว่า ตามลักษณะเด่นของหนังดราม่า
Pieces of a Woman เศษเสี้ยวหัวใจหญิง ภาพยนตร์แนวดราม่าสะเทือนอารมณ์ กำกับโดย กอร์เนล มุนดรักโซ (จาก White God) จากบทภาพยนตร์ของ Kata Wéber นำแสดงโดย วาเนสซ่า เคอร์บี้, ไชอา เลอบัฟ,เอลเลน เบอร์สตีน, มอลลี่ พาร์กเกอร์ และซาร่า สนุค ดัดแปลงจากละครเวทีที่ทั้งคู่เคยร่วมกันเขียนในชื่อเดียวกัน โดยได้ มาร์ติน สกอร์เซซี เจ้าพ่อภาพยนตร์รางวัลมากมายนั่งแท่นเป็น ผู้อำนวยการสร้าง และได้ฮาวเวิร์ด ชอร์ มือประพันธ์เพลงประกอบชั้นเยี่ยมมาทำดนตรีบรรเลงให้ ซึ่งหลังจากเปิดตัวฉายที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสประจำปีครั้งที่ 77 ในเดือนกันยาปีก่อน และฉายในโรงภาพยนตร์ที่จำกัดฉายเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม เน็ตฟลิกซ์ได้ทำการซื้อมาลง เรียกได้ว่าผมที่ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ข่าวออกปีก่อน ดีใจมาก ๆ ที่จะได้เห็นหนังขายการแสดงเต็มรูปแบบอีกครั้ง
สิ่งที่น่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้คือผู้กำกับคนนี้คือผู้กำกับสายรางวัลที่พาหนังหลายเรื่องของตัวเองไปเวทีเทศกาลภาพยนตร์มาแล้ว เราจะได้เห็นบทบาทการแสดงของ วาเนสซ่า เคอร์บี้ นักแสดงสาวเจ้าบทบาทที่ผ่านงานมามากมาย ตั้งแต่ เดอะ คราวน์ ซีรีส์เรื่องฉาวคนชั้นสูง ภาพยนตร์แนวสายลับจารกรรมอย่างเร็ว…แรงทะลุนรก ฮ็อบส์ & ชอว์ และมิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ฟอลล์เอาท์ มาคราวนี้เธอต้องสวมบทเป็นแม่คนที่ต้องพบเจอกับมรสุมชีวิตทั้งจากภายนอกและคนในครอบครัวที่ถาโถมใส่เธอ มาพร้อมด้วย ไชอา เลอบัฟ นักแสดงเจ้าบทบาทที่เล่นบทไหนเป็นได้ดิ่งไปกับบทตลอด ได้มาประชันบทของหัวหน้าครอบครัวผู้ต้องการเศษเสี้ยวของความรักที่หลงเหลืออยู่ พร้อมด้วยนักแสดงสายรางวัลที่ขนกันมาอย่างขับคั่ง ภาพยนตร์ได้รับกระแสคำวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลามในแง่ของบทบาทการแสดงของทั้งคู่ ทำให้เคอร์บี้คว้ารางวัล Volpi Cup for Best Actress นักแสดงหญิงดีเด่นของเทศกาลเวนิซมาได้ในที่สุด จนนักวิจารณ์กล้าบอกได้ว่าเธออาจจะได้เข้าชิงในออสการ์ในปีหน้าเลยทีเดียว แต่มันจะขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ แต่เอาเข้าจริง ๆ ปีก่อนก็แทบไม่มีหนังอะไร เพราะอย่างที่รู้ว่าหนังเลื่อนฉายไปหลายเรื่องเลย เพราะฉะนั้นการที่หนังได้มาฉายในปีนี้ อาจทำให้เราได้เห็นบทพิสูจน์ของเธอตามที่นักวิจารณ์บอกไว้ก็ได้
“เมื่อคู่รักแห่งเมืองบอสตันอย่าง มาร์ธากับฌอน ปรารถนาที่จะมีลูกเพื่อให้ได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่แล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในวันที่นางผดุงครรภ์มาทำคลอดให้เธอ ตั้งแต่นั้นรอยร้าวคำว่าครอบครัวก็เริ่มแตกปริเมื่อมาร์ธ่าเริ่มตีตัวห่างจากครอบครัว ทั้งกับสามีและแม่ของเธอ อลิซาเบธ ที่พยายามบงการชีวิต และอารมณ์ของเธอที่ผันแปรจากใจที่แตกสลายจากการทำคดีร่วมกับทนายความหญิงอย่าง ซูซาน ในการเผชิญหน้ากับปัญหาของความสัมพันธ์ มาร์ธ่ายังค้นพบว่าเธอต้องใจแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่คนเป็นผู้หญิงจะต้องเจอ การประคับประคองชีวิตคู่ที่ยากขึ้นทุกที”
ปวดใจตามสิ่งที่ตัวละครเจอ
หนังเล่าเรื่องเพียงแค่ 10 นาทีที่ชีวิตทุกคนดูปกติที่สุดราวกับเป็นเรื่องปกติ ไม่มีปัญหาอะไรให้กังวล แต่เราทุกคนรู้ว่าหนังจะพาเราไปถึงจุดที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงยังไง หากเราเป็นตัวละครในเรื่องเราไม่มีวันรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เช่นกันที่หนังค่อย ๆ ปูเรื่องความธรรมดาให้ดูน่าสงสัย ทุกคนพากันยินดีที่เธอจะมีลูก ใคร ๆ ต่างก็พากันคาดหวังว่าพวกเขาจะเป็นครอบครัวที่ดี ปมที่ค่อย ๆ ปูเข้ามาจากตัวละคร ที่ยังไม่ได้ปรากฏในเรื่อง ก่อนที่จะตู้มใส่แบบไม่มียั้งอย่างน่าอึดอัด โดยเฉพาะฉากสำคัญของเรื่องนั่นคือ ฉากการคลอดลูกที่มีการถ่ายแบบไม่มีข้ามขั้นตอน เราได้เห็นสีหน้าของตัวละครในสถานการณ์ที่กำลังจะเปี่ยมไปด้วยความหวัง แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลาย ก่อนจะตัดข้ามมาที่เหตุการณ์หลังจากนั้นหนังก็พาเราไปสำรวจชีวิตของผู้หญิงคนนี้ที่ต้องแบกรับ เราได้เห็นอารมณ์ที่เหวี่ยงไปมา ตั้งแต่เฉยชา เสียใจ เกรี้ยวกราด ไปจนถึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับเป็นเรื่องตลกร้าย ของคนเป็นแม่ ที่สับสนและวกวนกับความสูญเสียที่ตัวเองได้พบเจออย่างไม่ได้เตรียมใจไว้ มันไม่แปลกเลยที่เธอจะทำตัวน่ารำคาญ โทษโน่นโทษนี่ไปหมด เพราะเราไม่ได้เห็นว่าเธอเจอกับอะไรอยู่ภายในจิตใจของตัวเอง การสูญเสียลูก มันเจ็บปวดมากจริง ๆ สำหรับผู้หญิง
ครอบครัว คือ พื้นที่ปลอดภัย หรือ พื้นที่อึดอัดใจ
ชีวิตทุกคนในเรื่องแตกระแหงกันไปหมด ยิ่งดูยิ่งเห็นใจตัวละคร โดยเฉพาะ ตัวละครที่แบกรับทุกอย่างอย่างมาร์ธ่าที่ต้องเจอเรื่องที่ทำให้ตัวเองไม่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ในขณะที่คนอื่นก็ให้ความหวังดี แต่มันก็ทำให้เธออึดอัดจนแทบไม่อยากรับมันเอาไว้ ผสานด้วยอารมณ์ที่หนักอึ้ง ไม่มีฉากไหนที่เรารู้สึกเห็นเศษเสี้ยวแม้แต่ความสุขเลยจนกระทั่งจบลง ราวกับว่ามันหายไปพร้อมกับฉากสำคัญในเรื่อง และมันก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บไม่แพ้กับมาร์ธ่าที่สูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตผู้หญิงคนนึงเลย เธอต้องนึกถึงเหตุการณ์แย่ ๆ และถูกบังคับให้ต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่ฌอนเมื่อเจอความเปลี่ยนแปลงของภรรยาเขาก็เริ่มทำสิ่งที่ค่อย ๆ แยกพวกเขาออกจากกัน เพราะความใจสลายที่สูญเสียไป หรือแม่ของเธอก็อยากให้เธอเข้มแข็งแม้เธอไม่ต้องการ กลายเป็นว่าเธอผลักไสทุกคนออกไป ครอบครัวจึงไม่ใช่พื้นที่ที่เธอสามารถอยู่กับมันได้ในตอนที่ตัวเองกำลังมีจิตใจสั่นไหว ทุกคนรอบตัวต่างมีปมเป็นของตัวเองและมันได้เข้ามาทั้งกระทบ ผลักดัน และดึงเธอกลับมาสู่การเป็นผู้หญิงที่ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แค่สามารถใช้ชีวิตได้ก็พอ
เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง
ถึงหนังจะมีอารมณ์ที่ดราม่าแต่มันก็ไม่ได้ใส่ความฟูมฟายหรือใส่ฉากซาบซึ้ง แค่คนคุยกันมันก็สื่อออกมาได้แล้วว่าความตึงเครียดของคนมันมาจากเรื่องที่เข้าใจและไม่อาจจะเข้าใจได้ในเวลาเดียวกัน ให้นึกถึงการเดินทางของชีวิตในช่วงเวลาหนึ่งปีมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างของตัวละครในเรื่อง และเวลาที่ผ่านไปมันให้อะไรกับตัวละครบ้าง ความรัก ความสุข ความเศร้า ความเกลียดชัง การเดินหน้า หรือการถอยหลัง เราจะได้เห็นอะไรแบบนี้ตลอดผ่านบทสนทนา ซึ่งหนังก็เล่าเรื่องไปอย่างเรียบง่ายไม่ได้ซับซ้อนอะไร มีดนตรีบรรเลงอยู่ในบางฉากที่ต้องใช้การบรรยาย ในขณะที่ฉากสำคัญจะเงียบลง ราวกับมันคือช่วงเวลานั้นจริง ๆ ที่ตัวละครกำลังกระทำให้เราเห็น เวลาจึงเป็นคำตอบของเรื่อง ให้ช่วงตัวอย่าง ในช่วงที่เธอพูดต่อหน้าศาลเรื่องหญิงผดุงครรภ์ที่มาร์ธาได้ระบายความรู้สึกจริง ๆ พร้อมน้ำตา และรอยยิ้มที่เธอได้พูดต่อหน้าแม่ของเธอ หลังปลดเปลื้องความทุกข์ใจของเธอไปจนหมด มันทำให้ผมรู้สึกว่า บางอย่างก็ต้องให้เวลากับมันเยียวยาทุกสิ่ง
การแสดงอันทรงพลัง ฟาดกันแบบไม่ยั้ง
ต้องชื่นชม วาเนสซ่า เคอร์บี้ที่ทำให้เราได้เห็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมและเป็นธรรมชาติ ของผู้หญิงที่กำลังจะเป็นแม่คน เธอใช้ทุกอารมณ์ในการแสดงและมันทำให้เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่พยายามดิ้นรนต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ฉากที่เธอแววตานิ่งแต่น้ำตาไหลออกมาทุกครั้งคือเราเห็นความโศกเศร้าและอาดูรของเธอ ฉากที่สุดคือฉากที่เธอต้องแสดงเป็นคนคลอดลูกแบบสมจริง เล่นเอาใครหลายคนคงรู้สึกกระอั่กกระอ่วนแน่ ๆ ถ้าได้ดู เพราะเธอแสดงได้สมบทบาทมากมีการไล่อารมณ์ความตื่นเต้น ความเจ็บปวด จนถึงสภาวะเสียใจ ในขณะที่ไชอา เลอบัฟ บทของเขาอาจจะไม่ค่อยได้แสดงอะไรมาก แต่ก็ได้ระเบิดอารมณ์ของคนเป็นสามีที่สูญเสียลูกและความรัก ความตื่นเต้นจากภรรยา มีทั้งร้องไห้ แสดงออกอย่างเกลียดชัง แต่อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ เอลเลน เบอร์สตีน ไม่เสียแรงที่ได้รางวัลออสการ์ เอมมี่ และโทนี่อวอร์ด เล่นน้อยแต่มากจริง ๆ ในบท อลิซาเบธ แม่ของมาร์ธาที่ฉากตอนกลางเรื่อง เธอระบายความอัดอั้นในใจของตัวเองให้มาร์ธา ฉากที่เธอพยายามจะปลอบลูกทั้งน้ำตาคือสุดยอด ทำให้ผมอินได้พอสมควร ร้องไห้นิดนึง 555
ควรชมหรือข้าม?
Pieces of a Woman หนังสายรางวัลที่มาให้สาวกเน็ตฟลิกซ์ได้ดูการแสดงตั้งแต่ต้นปีเรื่องนี้ ถ้าใครเป็นสายดูหนังผมแนะนำอย่างยิ่ง ถ้าถามว่าภาพรวมของเรื่องมันออกมาดีเยี่ยมมั้ย ก็คงบอกได้ว่า มันดี แต่ไม่ได้เยี่ยม เพราะแม้หนังจะรู้ดีว่ามันเป็นหนังดราม่า แต่มันก็มีจุดที่เรื่องราวไม่ได้ใหม่น่าสนใจเท่าไหร่ เพราะบทมาจากละครเวทีเก่า ดราม่าเชิงปริมาณปมตัวละครใจสลายนี้ ก็ปกติทั่วไปของภาพยนตร์สายรางวัลที่ฉายมาตลอด ถ้าถามว่าส่วนที่ดีเยี่ยมเลยคงจะเป็นการแสดงของนักแสดง และการถ่ายทำ ดนตรีประกอบที่เอาอยู่ในด้านการสร้างบรรยากาศและค่อย ๆ พาเราไปเดินทางไปพร้อมตัวละคร แต่ถ้าไม่ใช่ชอบสายดราม่าก็แนะนำให้ข้ามไปเถอะ เพราะคุณอาจจะรู้สึกเบื่อหรือหลับก็ได้ เพราะหนังยาวประมาณ 2 ชม. เอาเป็นว่าสายนักวิจารณ์หรือสายดูหนัง เชิญได้เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน
ตัวอย่างล่าสุด Pieces of a Woman เศษเสี้ยวหัวใจหญิง
สามารถชมได้แล้วที่ NETFLIX ไม่ควรพลาดครับ
- ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
- ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่