playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวสารคดี House of Secrets: The Burari Deaths เรียลฟุตเทจเจาะคดีปริศนาแขวนคอ 11 ศพในอินเดีย

House of Secrets: The Burari Deaths

สรุป

ถือเป็นสารคดีที่มีจุดขายจากคดีดัง 11 ศพที่น่าสนใจมาก แล้วยังได้เห็นบรรยากาศแบบเรียลฟุตเทจดิบๆ จากเหตุการณ์ที่สร้างอารมณ์ร่วมได้เป็นอย่างมาก รวมถึงตัวคนถูกสัมภาษณ์ที่เล่าเรื่องแบบสไตล์บ้านๆ คนอินเดียกันเองๆ ไม่เป็นทางการ ก็ทำให้สารคดีดูแตกต่างออกไปจากชาติตะวันตกที่ได้ดูกันมาก่อน ตัวสารคดีไม่ได้ออกแนวโหด แค่หดหู่กับเรื่องราว ความน่าสนใจหลักๆ จะอยู่ที่ 2 ตอนแรกมากกว่าตอน 3 ที่เป็นแค่ส่วนเสริมที่ดูไม่น่าสนใจและยังเล่าเรื่องแบบเนือยๆ ไม่สนุกเท่าไหร่ครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • รายละเอียดเชิงลึกกับคดีดัง 11 ศพของอินเดียที่มีปริศนามากมาย
  • บรรยากาศสารคดีอินเดียที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อย
  • ใช้เรียลฟุตเทจจริงประกอบเป็นจำนวนมาก
  • มีเรื่องราวความเชื่อผีสางแบบเดียวกับไทยมาเกี่ยวข้องเยอะ
  • งานโปรดักชั่นถ่ายทำตัดต่อดี

 

Cons

  • เรื่องราวตอน 3 ไม่น่าสนใจเท่า 2 ตอนแรก
  • เรื่องราวในคดีไม่ได้ซับซ้อนเพราะมีหลักฐานบันทึกเฉลยไว้หมด
  • ไม่ได้มีฉากโหดหรือเรื่องราวโหดๆ อะไรมาก ถ้าใครหวังแบบนี้คงตอบโจทย์ไม่ได้

House of Secrets: The Burari Deaths เจาะคดีปริศนา การตายหมู่ที่บูรารี สารคดี Netflix 3 ตอนจบ สร้างจากคดีดังที่เกิดเหตุครอบครัวหนึ่งในอินเดียตายแขวนคอตาย 11 ศพ และกลายเป็นปริศนาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 House of Secrets: The Burari Deaths (2021) on IMDb

ตัวอย่าง House of Secrets: The Burari Deaths เจาะคดีปริศนา การตายหมู่ที่บูรารี

สารคดีจากอินเดียที่เราไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักใน Netflix ความน่าสนใจของเรื่องนี้ก็คงเป็นตัวเลขคนในครอบครัวเดียวกันตายพร้อมกัน 11 ศพ ซึ่งดูจากจำนวนศพอาจจะคิดว่าเป็นแนวฆาตกรรมโหดลึกลับซับซ้อน แต่ที่จริงไม่ใช่แบบนั้น สารคดีเรื่องนี้เป็นเรื่องการเจาะลึกการตายของครอบครัวอินเดียในบ้านเดียวกันที่เกิดจากความเชื่อหลงผิด ซึ่งมีหลักฐานทั้งจากกล้องวงจรปิดและบันทึกที่เขียนไว้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์นี้ ตัวสารคดีจึงเป็นแนวการถ่ายทอดเรื่องราวมากกว่าสืบสวนหรือระทึกขวัญแบบคดีอาชญากรรมอื่นๆ  โดยทั้ง 3 ตอนถูกแบ่งออกเป็นเรื่องราว 3 แบบต่อเนื่องกัน

ในตอนแรกจะมาในแนวเรียลฟุตเทจจากช่วงเวลาเกิดเหตุจริงที่มีอินเดียมุงมากมายในที่เกิดเหตุ ซึ่งปีที่เกิดเรื่องคือ 2018 ในกรุงเดลี คนอินเดียในเมืองกรุงมีมือถือกันแทบทั้งนั้น แล้วก็ยังชอบ Live สดผ่านโซเชียลด้วย ทำให้มีฟุตเทจเรื่องราวการบันทึกเหตุการณ์ในวงนอกไว้มากมาย ซึ่งคดีมันดังขึ้นได้ในทันทีจนมีอินเดียมุงขนาดนั้นก็เพราะนักข่าวลงในทวิตเตอร์จนคนแห่มาดูที่เกิดเหตุ ก่อนที่ตัวสารคดีจะบรรยายถึงเรื่องราวเหตุการณ์นี้จากวงนอกว่าฝูงชนบ้าคลั่งขนาดไหน ซึ่งตอนแรกนี่ตัวสารคดีทำออกมาได้สนุกน่าสนใจเหมือนเราร่วมไปมุงดูเหตุการณ์ในตอนนั้นด้วยเลย โดยที่มีความน่าสนใจตรงบรรยากาศแบบอินเดียมุงคล้ายๆ กับไทยมุงบ้านเราเลย ซึ่งอะไรแบบนี้ในสารคดีฝรั่งจะไม่ได้เห็นแน่นอน

จากนั้นเรื่องราวถึงเผยฟุตเทจบางส่วนในที่เกิดเหตุจริง ซึ่งเป็นคนถูกแขวนคอเป็นวงกลม 9 ศพ และมีอีก 2 ศพถูกแยกออกไปต่างหาก ซึ่งเราจะได้เห็นฟุตเทจจริงแต่ไม่เห็นช่วงด้านบน เห็นแค่ลำตัวลงมาตัดเป็นช่วงๆ อาจจะดูหดหู่แต่ก็ไม่ถึงกับน่ากลัวอะไร ก่อนที่จะเป็นการไล่ลำดับเหตุการณ์จากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ตำรวจท้องที่ เพื่อนบ้าน นักข่าว นิติเวช  ซึ่งตัวเรื่องพบพวกเขาเหล่านี้มาเล่าย้อนถึงความทรงจำที่เข้าไปเกี่ยวกับคดีปริศนานี้ในแต่ละแง่มุม ซึ่งตัวสารคดีก็เก็บบทสัมภาษณ์มาได้หมดยันถึงนักสิทธิสัตว์ที่มาช่วยหมาของครอบครัวที่โดนผูกไว้ดาดฟ้าและรอดตายมาได้ หรือแม้แต่เรื่องผีสางลึกลับที่นักข่าวปั้นขึ้นมาขาย ซึ่งตัวเรื่องยังอยู่ในช่วงปริศนาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่อย่างน่าติดตาม ก่อนที่จะตัดไปต่อที่ตอน 2

ตอน 2 เป็นเรื่องราวจากสมุดบันทึกหลายเล่มที่เป็นหลักฐานยึดได้จากในบ้าน และก็เผยให้เห็นความจริงในเวลาต่อมาว่าคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อน ไม่ได้เกิดจากภายนอกอย่างที่คนพยายามเชื่อกัน เพราะมีกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานยืนยันว่าไม่มีใครเข้าออกนอกจากตัวคนในครอบครัวเอง ดังนั้นบันทึกนี้จึงเป็นหลักฐานอย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเรื่องราวก็จะเป็นการเล่าตามบันทึกถึงที่มาที่ไปว่าใครเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้ การวางแผนและลงมือได้อย่างไร ซึ่งแม้จะไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก แต่ก็มีความน่าสนใจว่าคนในครอบครัวเองยินยอมให้เกิดเรื่องนี้ได้อย่างไร และจะมองว่าเป็นการฆ่าตัวตายก็ไม่ใช่ ฆาตกรรมก็ไม่เชิง

ตอน 3 เป็นเรื่องราววงนอกหลังจากคดีถูกทำให้กระจ่างแล้ว เป็นการตามสืบค้นถึงที่มาของอาการทางจิตของตัวต้นเหตุของเรื่อง ตัวเรื่องจะเป็นแนวสืบค้นประวัติผ่านคนที่เกี่ยวข้องกับเขาที่บ้านเกิด นักจิตวิทยาที่มาร่วมให้ความเห็น ซึ่งช่วงนี้ความน่าสนใจดรอปลงค่อนข้างมาก เพราะตัวเรื่องถูกคลี่คลายไปในตอนก่อนแล้ว ตรงนี้ก็เลยเหลือแค่ดีเทลปูมหลังเท่านั้น ซึ่งดูยืดยาวมากไปหน่อยกับเรื่องตรงนี้

งานโปรดักชั่นของเรื่องถือว่าทำได้ดีเลย มีภาพมุมสูงลงมายังที่เกิดเหตุหลายครั้ง มีเทคนิคการเล่าเรื่องแบบตัดต่อเอาแผนที่มาแสดงเส้นทางรถไฟเดินทางไปยังที่อื่นๆ พร้อมเสียงรถไฟวิ่งประกอบ ซึ่งเวลาเราคิดถึงภาพการเดินทางในอินเดียก็คิดถึงรถไฟเป็นอันดับแรก ทำให้ดูเข้ากันได้ดีกับเรื่องมาก

ถือเป็นสารคดีที่มีจุดขายจากคดีดัง 11 ศพที่น่าสนใจมาก แล้วยังได้เห็นบรรยากาศแบบเรียลฟุตเทจดิบๆ จากเหตุการณ์ที่ได้อารมณ์ร่วมเป็นอย่างมาก รวมถึงตัวคนถูกสัมภาษณ์ที่เล่าเรื่องแบบสไตล์บ้านๆ คนอินเดียกันเองๆ ไม่เป็นทางการ ก็ทำให้สารคดีดูแตกต่างออกไปจากชาติตะวันตกที่ได้ดูกันมาก่อน ตัวสารคดีไม่ได้ออกแนวโหด แค่หดหู่กับเรื่องราว ความน่าสนใจหลักๆ จะอยู่ที่ 2 ตอนแรกมากกว่าตอน 3 ที่เป็นแค่ส่วนเสริมที่ดูไม่น่าสนใจและยังเล่าเรื่องแบบเนือยๆ ไม่สนุกเท่าไหร่ครับ

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!