รีวิว The Waterfront น่านน้ำสีเทา (Netflix) บทเชยๆ แบบอเมริกันโซปโอเปร่าผสมอาชญากรรมที่ไม่คมนัก

The Waterfront
Summary
ซีรีส์ดราม่าอาชญากรรมแนว “อเมริกันโซปโอเปร่า” ที่เน้นเรื่องราวดราม่าปัญหาชีวิตครอบครัวเป็นหลัก อาชญากรรมเป็นรอง โดยบทกับโครงเรื่องก็มาแนวน้ำเน่าอเมริกันเชยๆ ส่วนของอาชญากรรมส่งยาผ่านเรือประมงก็ไม่ได้ลึกเข้มข้นลงลึกละเอียดอะไรมาก ไม่เหมือน Ozark หรือ Breaking Bad เรื่องนี้เน้นดวงดีมากกว่าบทฉลาดคมๆ แล้วก็ไม่ได้ไต่เส้นเรื่องยกระดับให้ครอบครัวนี้ไปเป็นอาชญากรตัวพ่อ แต่ตรงข้ามพวกเขามีเนื้อแท้ที่ยังพยายามเป็นคนดีที่แค่ต้องการหาเงินมาใช้หนี้รักษาธุรกิจครอบครัวเท่านั้น แต่ถึงเรื่องจะไม่ได้ลึกซึ้งหรือแปลกใหม่มาก ซีรีส์ก็มีจุดดีตรงยังพอเล่าเรื่องได้สนุกน่าติดตามไปกับชีวิตของตัวละครพวกนี้ที่น่าเอาใจช่วยเพราะทุกคนเต็มไปด้วยบาดแผลทางใจ ซึ่งมันก็ไม่แย่นักกับส่วนผสมครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ครับ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- แนวอเมริกันโซปโอเปร่าผสมอาชญากรรม
- การเล่าเรื่องบาดแผลทางใจของตัวละครทำได้ดี
- มีพากย์ไทย
Cons
- บทเชยๆ น้ำเน่า
- ฉากอาชญากรรมเน้นดวงมากกว่าบทคมๆ
ADBRO
The Waterfront น่านน้ำสีเทา ซีรีส์ดราม่าอาชญากรรม Original Netflix 8 ตอนจบซีซั่นแรก สร้างโดย Kevin Williamson (ผู้สร้าง Dawson’s Creek และ The Vampire Diaries) เรื่องราวของตระกูล Buckley ในเมืองชายฝั่ง Havenport รัฐนอร์ทแคโรไลนา ครอบครัวนี้มีอาณาจักรประมงใหญ่โต แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยความรุนแรง การหักหลัง และการค้ายาเสพติดเพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤตการเงิน
รีวิว The Waterfront น่านน้ำสีเทา (ไม่สปอยล์)
ซีรีส์ดราม่าแบบ “อเมริกันโซปโอเปร่า” ที่เล่าเรื่องราวชีวิตครอบครัวผสมผสานอาชญากรรม โดยเป็นครอบครัวที่มีปู่เป็นอาชญากรขนยาเสพติด แต่ทรยศจนถูกแก๊งค้ายาฆ่าตาย ทำให้รุ่นลูกหลานไม่คิดหวนกลับไปทำเส้นทางนั้นอีก แต่เมื่อธุรกิจประมงอาณาจักรของครอบครัวประสบภาวะหนี้มหาศาลที่พ่อแม่ปิดบังไว้ ลูกชายที่กำลังมารับช่วงต่อก็พยายามหาเงินมาใช้หนี้กู้วิกฤตจึงตัดสินใจใช้เส้นทางสีเทานั้นอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเขาได้พาครอบครัวทั้งหมดเข้าสู่วังวนของหายนะอีกครั้ง
ด้วยความที่เป็นแนวอเมริกันโซปโอเปร่า ตัวละครในเรื่องนี้จึงไม่ใช่ตระกูลแบบพวกมาเฟียโดยตรง แต่เป็นตัวละครในแบบที่จริงๆ แล้วก็เป็นคนทำมาหากินดีๆ แต่จำใจต้องมาทำอาชญากรรมเพื่อความอยู่รอด ซึ่งแนวเรื่องมันก็ค่อนข้างน้ำเน่า เมื่อทุกคนต่างก็มีปมบาดแผลในใจจากการตายของปู่ ส่งผลให้คนทั้งบ้านนี้มีปัญหาในชีวิตต่อมาไม่ดีสักคน พ่อแม่แตกแยกกัน ต่างคนต่างมีคู่นอนของตัวเอง โดยที่ยังอยู่กินกันอยู่เหมือนเดิมเพื่อรักษาธุรกิจไว้ ลูกชายเองก็พยายามดำเนินกิจการในแนวของตัวเองที่ไม่ใช้ความรุนแรง แต่พ่อที่เคยทำงานกับปู่มาก่อนก็พยายามบังคับสอนลูกชายให้ทำแบบคนหัวเก่าที่ต้องข่มขู่คนอื่นถ้าจะเข้ามาทำธุรกิจส่งยาแบบนี้ แต่ก็กลายเป็นปัญหาระหว่าง Gen ที่พ่อไม่เข้าใจลูก ลูกก็ผิดหวังในตัวพ่อที่พยายามทำให้เขากลายเป็นพ่อแบบที่เขาไม่เคยชอบมาตลอด ตัวลูกชายเองก็มีปัญหากับภรรยาที่ไม่ได้รัก ในขณะที่เขาเองก็แสดงท่าทีโหยหาคนรักเก่าสมัยเรียนออกนอกหน้าเสมอ น้องสาวก็ถูกสามีฟ้องหย่าขาดแย่งลูกชายไป แต่ลูกชายก็มาทำงานในบริษัทประมงเพราะรักแม่มากกว่า แถมน้องสาวก็ยังเกลียดพี่ชายที่ขึ้นให้การว่าเธอเป็นแม่ที่เหมาะสมจริงๆ จนทำให้สิทธิเลี้ยงดูลูกไม่อยู่กับเธอ ยังมีเรื่องราวครอบครัวมากกว่านั้นอีกที่พัวพันอย่างยุ่งเหยิงไปหมด ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำออกมาได้สนุกในสไตล์โซปโอเปร่า ดูการแก้ปัญหาความสัมพันธ์ของตัวละครที่แสนยุ่งเหยิง เอาใจช่วยกับการแก้ปัญหาอาชญากรรมที่มาพัวพันกับปัญหาชีวิตรักที่ต้องแก้อยู่เสมอ ซึ่งเรื่องทำส่วนนี้ได้สนุกอยู่ แต่ก็น้ำเน่ามากๆ กับบทพล็อตเรื่องเดิมๆ สไตล์อเมริกันโซปโอเปร่าจริงๆ (อารมณ์แบบละครคุณธรรม แต่เป็นชู้สาวครอบครัวเตียงหักอเมริกา)
เมื่อเรื่องเดินไปในแนวดราม่าปัญหาครอบครัวเป็นหลัก ช่วงเวลาของฉากอาชญากรรมจึงเป็นแค่ส่วนประกอบทำให้เรื่องดูมีสีสันขึ้นมามากกว่าจะเป็นอาชญากรรมจริงจังอย่าง Ozark หรือ Breaking Bad เรื่องในส่วนนี้มันก็เลยไม่ได้เข้มมาก ปัญหาร้ายแรงหลายอย่างที่เกิดในเรื่องถูกเคลียร์ไปได้ง่ายๆ ด้วยดวงมากกว่าจะเป็นเรื่องราวเชือดเฉือนกันทางธุรกิจอาชญากรรมจริงๆ ขนาดที่ตัวร้ายในเรื่อง Grady ที่เป็นพ่อค้าผลิตยารุ่นใหม่ก็ยังออกแนวเพี้ยนๆ เน้นสร้างสีสันติดตลกทำให้เรื่องดูแล้วไม่เรียลนัก (แต่เขาก็ขโมยซีนได้ดี) ยังดีที่เรื่องก็ไม่ถึงทำให้ส่วนของอาชญากรรมดูอ่อนเกินไป มันยังมีส่วนผสมของความตื่นเต้นทรยศหักหลังกันอยู่ รวมถึงพวกฉากฆ่าที่ค่อนข้างรุนแรงพอสมควรครับ (ไม่เซ็นเซอร์ แต่เน้นตัดฉากไว)
ส่วนของนักแสดงที่ชื่อเสียงอาจจะไม่ได้เด่น แต่การแสดงของทุกคนก็ทำได้ดี น่าเอาใจช่วยชีวิตที่ทุกคนก็มีแต่ปัญหาชีวิตที่รันทด เราจะไม่รู้สึกว่าพวกเขาเป็นอาชญากรจริงจังเลย แม้จะมีฉากฆาตกรรม แต่ก็เป็นไปจากเหตุความผิดพลาดเสมอ ไม่เคยต้องฆ่าใครจริงๆ ซึ่งเรื่องสร้างให้ทุกคนก็ไม่อยากเอาตัวเองไปถึงจุดนั้น แต่ถ้าไม่ทำกิจการครอบครัวที่สืบต่อกันมาก็ล่มสลาย เส้นเรื่องก็ไม่ได้สร้างให้ทุกตัวละครเดินไปในทิศทางเข้าไปแล้วมีอำนาจยิ่งใหญ่ แต่เป็นยิ่งเข้าไปยิ่งรู้สึกผิดอยากออกมา แต่ออกไม่ได้ ถึงตอนจบซีซั่นแรกจะปูทางไปสู่การมีอำนาจ แต่ก็เป็นไปจากการถูกบังคับ ซึ่งก็มีความน่าติดตามดูอยู่ว่าพวกเขาจะออกจากวงการส่งยานี้ได้อย่างไรครับ
สรุป
The Waterfront เป็นซีรีส์ดราม่าอาชญากรรมแนว “อเมริกันโซปโอเปร่า” ที่เน้นเรื่องราวดราม่าปัญหาชีวิตครอบครัวเป็นหลัก อาชญากรรมเป็นรอง โดยบทกับโครงเรื่องก็มาแนวน้ำเน่าอเมริกันเชยๆ ส่วนของอาชญากรรมส่งยาผ่านเรือประมงก็ไม่ได้ลึกเข้มข้นลงลึกละเอียดอะไรมาก ไม่เหมือน Ozark หรือ Breaking Bad เรื่องนี้เน้นดวงดีมากกว่าบทฉลาดคมๆ แล้วก็ไม่ได้ไต่เส้นเรื่องยกระดับให้ครอบครัวนี้ไปเป็นอาชญากรตัวพ่อ แต่ตรงข้ามพวกเขามีเนื้อแท้ที่ยังพยายามเป็นคนดีที่แค่ต้องการหาเงินมาใช้หนี้รักษาธุรกิจครอบครัวเท่านั้น แต่ถึงเรื่องจะไม่ได้ลึกซึ้งหรือแปลกใหม่มาก ซีรีส์ก็มีจุดดีตรงยังพอเล่าเรื่องได้สนุกน่าติดตามไปกับชีวิตของตัวละครพวกนี้ที่น่าเอาใจช่วยเพราะทุกคนเต็มไปด้วยบาดแผลทางใจ ซึ่งมันก็ไม่แย่นักกับส่วนผสมครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ครับ