playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Marriage Story หนังรักผ่านช่วงเวลาการหย่าร้างที่เรียลสตอรี่มากๆ (ไม่สปอยล์)

สรุป

นี่เป็นหนังรักในช่วงเวลาของการหย่าร้างที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ก็งดงามในหลายความรู้สึกไปพร้อมกัน หนังเก็บมาทุกแง่มุมที่เป็นจริงของการหย่าร้าง แล้วนำมาร้อยเรียงกันได้อย่างสวยงาม ผ่านการแสดงที่เป็นธรรมชาติ ของ 2 ดารานำ สกาเล็ต โจแอนสัน กับ อดัม ไดรเวอร์ เชียร์ให้ดูกันไม่ใช่แค่ว่าเป็นหนังดี แต่เป็นหนังที่ใกล้ตัวเรามาก ไม่ไกลเกินไปที่จะดูเรื่องรักในแง่มุมที่เจ็บปวด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ในชีวิตของเรา

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
5 (2 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • ลงลึกถึงรายละเอียดการหย่าร้างทุกแง่มุม
  • อบอุ่น เจ็บปวด ตลก หลากหลายอารมณ์ไปพร้อมกัน
  • การแสดงของอดัม ไดรเวอร์ ที่อินเข้าถึงบทบาทมากๆ

 

Cons

  • ช่วงแรกอาจจะงงๆ บ้างว่าหนังจะเล่นเรื่องราวไปทางไหน
  • หนังไม่ได้มีบทภาพยนตร์ที่เขียนให้มีพล็อตดราม่าเร้าอารมณ์ตามแบบทั่วไปถ้าคนชอบอะไรแบบนั้น (เพราะเน้นเก็บรายละเอียดความจริงมากกว่า)
  • บทของสกาเล็ตดูไม่ลงลึกหรือเทน้ำหนักไปหาเธอมากเท่าอดัม

 

Marriage Story แมริเอจ สตอรี่ อีกหนึ่งหนังเต็งหวังชิงออสการ์จาก Netflix ต่อจากไอริชแมน ว่าด้วยเรื่องราวของการหย่าร้างที่เรียลสตอรี่มากๆ โดยมีจุดขายอยู่ที่ 2 ดารานำ สกาเล็ต โจแอนสัน กับ อดัม ไดรเวอร์ ซึ่งสองคนนี้คนดูคงรู้จักกันดี ยิ่งอดัมนี่กำลังมีสตาร์วอร์ภาค 9 จ่อคิวฉายในเดือนนี้ครับ นี่จึงเป็นเหมือนหนังดูนำร่องในอีกบทบาทหนึ่งของการแสดงที่เรียกได้ว่าสุดยอดมากๆ ครับ

คะแนนหนัง Marriage Story ของเว็บไซต์ Rotten Tomatome

คะแนน Marriage Story
คะแนนของ แมริเอจ สตอรี่ ทึ่สูงมากจากนักวิจารณ์เทใจให้ จนกลายเป็นอีกหนึ่งหนังเต็งชิงออสการ์จาก Netflix

ถึงแม้ว่าหน้าหนัง แมริเอจ สตอรี่ จะเป็นสายรางวัล รวมถึงภาพที่ออกมาดูอาร์ตๆ เหมือนหนังดูเข้าถึงยาก เนือยๆ อืดๆ อะไรแบบนั้น แต่บอกเลยว่าเนื้อในหนังเล่าเรื่องราวได้ลื่นไหลไม่น่าเบื่ออย่างหนังสายรางวัลอื่นๆ ทั่วไป แอบมีตลกปนอยู่นิดๆ ด้วย คืออาจจะมีฉากทิ้งช่วงนิ่งๆ อยู่บ้าง แต่ก็เพราะว่านี่เป็นหนังที่ “เรียลสตอรี่มากๆ”  จากมุมหนึ่งของช่วงเวลาของความรักระหว่างการหย่าร้าง หนังหยิบจับมุมที่เจ็บปวดของช่วงเวลานี้มาเล่นอย่างจริงจังในทุกแง่มุมของความสัมพันธ์ที่ง่อนแง่นเปราะบางนี้ โดยมีความรักเจือจางปนอยู่ พร้อมทั้งการทรยศนอกใจ มุมของการเข้าข้างตัวเองของทั้งสองฝั่ง รวมถึงลูกที่เป็นโซ่ทองคล้องใจ แม้แต่เมืองที่เลือกอยู่อาศัยก็กลายเป็นปัญหาใหญ่โตเกินกว่าที่คาดคิด

แมริเอจ สตอรี่ Netflix

หนังเริ่มมาด้วยการเล่าถึงข้อดีของทั้งสองฝั่งในแบบที่ร่ายยาวให้เห็นเลยว่า สองคนนี้เหมือนเป็นคนรักที่สมบูรณ์พร้อมไม่น่ามีปัญหา แต่กลายเป็นว่าพอร่ายยาวถึงข้อดีของทั้งสองฝั่งจบ หนังตัดสลับมาที่ความจริงว่าเป็นช่วงกระบวนการแยกกันอยู่ แล้วก็มีนักจิตวิทยาช่วยเหลือในกระบวนการนี้โดยให้ทั้งสองคนหวนทบทวนความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่เรื่องราวไม่ง่ายแบบนั้นเมื่อถึงคราวต้องเลิก แสดงว่ามันมีปัญหาอะไรที่ลึกไปกว่านั้นอีก หนังจึงพาเราไปดิ่งลงไปทีละขั้นๆ สำรวจไปทีละเปลาะจนกลายเป็น “นรกของการหย่าร้าง” ที่ยิ่งดูยิ่งน่าสงสารทั้งสองฝั่งขึ้นเรื่อยๆ และพาเราจมดิ่งซึมลึกไปกับเรื่องราวได้อย่างหดหู่สมจริง

ชีวิตที่อยู่กับคุณมันไร้ความสุข คุณทำฉันตกนรกทั้งเป็น

หนังเจาะทุกซอกทุกมุมที่คนหย่าร้างกันต้องเจอ ในแง่ของจิตใจก็คือ ความบอบช้ำสะเทือนใจของความจริงของคนที่เคยรัก ซึ่งต้องเอาความจริงที่เคยปกปิดไว้มาพูดถกเถียงกันว่า ทำไมเธอถึงเกลียดฉัน ทำไมเธอถึงไม่เคยเข้าใจฉัน ซึ่ง ณ เวลานั้นมักเลยจุดของการปรับความเข้าใจกันได้แล้ว การขุดมาพูดก็เหมือนไปขุดระเบิดที่เก็บกดเหยียบไว้ในใจทั้งสองฝ่ายมากกว่า แม้ว่าตอนรักกันจะหยวนๆ ยอมให้กันได้ไม่ว่ากันทุกอย่าง แต่พอหย่าร้างเรื่องราวพวกนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคมมีดกรีดทิ่มแทงใจแบบสุดแสนเจ็บปวด ซึ่งถ้าใครเคยอกหักหรือแยกทางกับแฟนก็คงเข้าใจพอได้ระดับหนึ่งว่าเป็นยังไง แต่นั่นแค่เลเวลของเจ็บปวดระดับหนึ่งที่ใช้เวลาเยียวยาได้ แต่ถ้าลองจินตนาการว่าเคยใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนเป็นสิบปีทุกวี่วัน แล้วกลับต้องมาเจอแบบนี้ มันยิ่งต้องเจ็บเจ็บปวดกว่าหลายสิบเท่า  เหมือนช่วงเวลาดีๆ ที่เคยมีอยู่กลายเป็นเรื่องโกหกใส่กันมาตลอดชีวิต ซึ่งหนังจะพาคุณดิ่งลงเรื่อยๆ แบบที่ถึงขีดสุดที่ทั้งเห็นใจและหดหู่ใจไปพร้อมๆ กัน

ทนายคดีอาญามองคนเลวในมุมที่ดีที่สุด ทนายหย่าร้างมองคนดีในมุมที่เลวร้ายที่สุด

ในอีกแง่มุมหนึ่งที่ แมริเอจ สตอรี่ หยิบจับมาเล่นหนักคือ แง่มุมของกฎหมาย การหย่าร้างไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนแบ่งของหรือตกลงกัน เพราะสุดท้ายนั่นเป็นสถานะการพูดปากเปล่าไม่มีผลทางกฎหมาย สุดท้ายแล้วก็ต้องให้ทนายเข้ามาเกี่ยวไม่ว่าคุณจะไม่อยากให้มายุ่มย่ามยังไงก็ตาม หนังพาไปให้เห็นว่าจุดเริ่มเรื่องของการที่ต้องมีทนายเข้ามาเพราะอะไร เพื่ออะไร แล้วกระบวนการทำงานเป็นยังไง ค่าแรงเท่าไหร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครไม่เคยหย่าร้างต้องไม่เคยเจอมาก่อน และก็ไม่คาดคิดว่าจะมีดีเทลรายละเอียดมากมายจนคนปกติไม่สามารถจัดการให้เรียบร้อยได้แน่นอน

แต่หนังก็ไม่ได้ทำเรื่องช่วงนี้ให้เป็นอะไรที่ดูน่าเบื่อเลย กลับกันนี่คือช่วงที่เรียกว่าสนุกน่าติดตาม รวมถึงทึ่งอึ้งที่สุดของหนังแล้ว ในเมื่อทนายที่ทั้งคู่ใช้เริ่มจากทนายทั่วไปจนถึงตัวท็อปที่ค่าจ้างแพงแบบขูดเลือดเนื้อกันชัดๆ หย่าร้างจบได้หมดเนื้อหมดตัวไปตามๆ กัน แต่คือถ้าไม่อยากแพ้ก็ต้องจ้าง เพราะนี่เป็นเกมเล่นแง่มุมทางกฎหมายที่เรียกว่า “สู้กันแบบนักเลงข้างถนน” โดยการขุดเอาเรื่องไม่ดีของอีกฝั่งมาโจมตีจากพ่อหรือแม่ที่อาจจะดูปกติดี กลายเป็นเลวร้ายได้พอๆ กันในทันที เรียกว่าต้องแข่งกันทำให้อีกฝ่ายเลวร้ายมากขึนเรื่อยๆ เพื่อให้ศาลชั่งน้ำหนักว่าใครเหมาะสมจะได้ทั้งลูกและทรัพย์สินมากกว่ากันทั้งในปัจจุบันและอนาคต กลายเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ทนายทั้งสองฝ่ายต่างเอามาห้ำหั่นขูดรีดทรัพย์กันแบบถูกต้องตามกฎหมาย ที่ดูแล้วอึ้งกันไปเลยกับการหากินบนความทุกข์ของผู้อื่นในช่วงเวลาแบบนี้

แมริเอจ สตอรี่
แมริเอจ สตอรี่ Netflix

หนังมีส่วนของการเปรียบเทียบสองเมืองใหญ่ที่กลายมาเป็นชนวนขัดแย้งได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในเมื่อฝ่ายของพ่อชาร์ลีก็ต้องการให้ลูกอยู่นิวยอร์คที่อยู่กันมานาน แต่ฝ่ายแม่นิโคลกลับพาลูกไป LA. กลับไปหาครอบครัวฝั่งของตัวเองซึ่งมีความพร้อมทางบ้านกว่า และก็กลายมาเป็นชนวนให้แตกแยกแย่งลูกกัน ลามไปกระทบถึงหน้าที่การงานไปหมด เพราะถ้าศาลเห็นว่าฝ่ายไหนไม่ได้อยู่ใกล้ลูก นั่นคือขาดความรับผิดชอบไปโดยปริยาย กลายเป็นภาระให้ชาร์ลีต้องทุ่มสุดตัวสร้างภาพไว้ที่ LA. เมืองที่ตัวเขาเองไม่ชอบเอามาก เนื่องจากหลายๆ อย่างซึ่งหนังใบ้ๆ มาจากบทสนทนาว่าชาร์ลีคิดว่า LA. ไม่ปลอดภัย ขนาดที่ว่าจอดรถยังต้องหอบหิ้วข้าวของไว้ที่ตัวหมดกันของหาย (แอบตลกด้วยฉากนี้) ถ้ามองลึกๆ คือเขาโตมาจากครอบครัวที่มีความรุนแรง จนเขาไม่คิดหวนกลับไปหาพ่อแม่อีก นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าลูกตัวเองจะมาโตที่ LA. ไม่ได้ ซึ่งนิวยอร์คเป็นเมืองที่ปลอดภัยอบอุ่นกว่า แต่จริงๆ แล้วเป็นมุมมองจากตัวเขาเองทีมีนิสัยรักสงบอยู่กับสิ่งที่รักที่ชอบเดิมๆ ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนไปไหน จนกลายมาเป็นรอยร้าวให้นิโคลตัดสินใจแยกทางกันเพราะความแตกต่างทางความคิดที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ของนิโคล ที่ต้องการอะไรใหม่ๆ แต่กลับถูกชาร์ลีปิดกั้นไว้โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำผิดมหันต์จนยากที่ย้อนกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว

แต่ไม่ใช่ว่าทั้งเรื่องจะมีแต่เรื่องเลวร้ายไปซะหมด และหนังก็ไม่ได้จงใจใส่มาแต่แง่มุมร้ายๆ ให้เราได้เห็น แต่หนังเดินเรื่องในแบบเลิฟสตอรี่ที่เรียลมากๆ ซึ่งในช่วงเวลานี้ในฐานะคนที่เคยรักกัน ก็ยังมีเรื่องราวความรู้สึกเรื่องราวดีๆ กลับมาได้เสมอ แม้จะมีฉากที่แบบทำร้ายจิตใจกันด้วยคำพูดเลวร้ายจนถึงขีดสุด แต่สุดท้ายก็ยังมีความรู้สึกลึกๆ จากใจที่ทั้งสองคนเคยเป็นคนรักกันหวนวนกลับมา หนังใส่แง่มุมดีๆ ที่ทำทั้งคู่มีส่วนช่วยเหลือกันในแบบสามีภรรยากลับมาในช่วงของการหย่าร้าง ทำให้เราได้เห็นมุมมองของเหตุผลที่ว่า แม้จะเคยรักหรือยังมีเยื่อใยต่อกันแค่ไหน แต่ความจริงก็ไม่อาจหวนกลับมา…

ฉันจะไม่มีวันเลิกรักเขาเลย แม้จะมันจะดูไม่สมเหตุผลแล้วก็ตาม

Marriage Story ไม่ใช่แค่หนังที่มีบททีดีแบบเรียลสตอรี่เก็บรายละเอียดมาหมดเท่านั้น แต่นักแสดงทั้งคู่ก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมมากจริงๆ สำหรับสกาเล็ต โจแอนสัน อาจจะรู้สึกถึงความประทับใจได้น้อยกว่า เพราะบทของเธอคือคนบอกเลิก ซึ่งไม่ได้ส่งให้เธอเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำน่าเห็นใจเท่ากับบทของอดัม ที่ไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองต้องมาเป็นทุกข์จากปัญหาครอบครัวที่ซ้ำเติมมาเรื่อยๆ ไม่พอ ยังอาจจะสูญเสียทุกอย่างแม้แต่งานที่เขารักที่สุดในชีวิตไปด้วย ซึ่งมีซีนที่อดัมต้องระเบิดอารมณ์จากต่ำสุดจนถึงขีดสุดแทบบ้า รวมถึงฉากที่น้ำเสียงและหัวใจสั่นระริกไปกับความรู้สึกดีๆ ที่ภรรยาเขามีอยู่ในช่วงเวลาของการหย่าร้าง ซึ่งเป็นซีนที่อดัมแสดงได้อย่างสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ดูแล้วแอบเชียร์ให้อดัมได้รางวัลออสการ์ไปครองจากบทนี้จริงๆ ครับ

อดัม ไดรเวอร์
แมริเอจ สตอรี่ Netflix

นี่เป็นหนังรักในช่วงเวลาของการหย่าร้างที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ก็งดงามในหลายความรู้สึกที่แทรกอยู่ภายในเรื่องราวเช่นกัน หนังเก็บมาทุกแง่มุมทุกเรื่องราวที่เป็นจริง และเป็นไปได้ของการหย่าร้าง แล้วนำมาร้อยเรียงกันได้อย่างสวยงาม ผ่านการแสดงที่เป็นธรรมชาติ แบบที่เรารู้สึกสัมผัสได้จากใจ เชียร์ให้ดูกันไม่ใช่แค่ว่าเป็นหนังดี แต่เป็นหนังที่ใกล้ตัวเรามาก แม้ว่า ณ เวลานี้อาจจะยังไม่มีคนที่รัก แต่ก็ไม่ไกลเกินไปที่จะดูเรื่องรักในแง่มุมที่เจ็บปวด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ในชีวิตของเรา ซึ่งแม้ความรักจะสวยงาม แต่มันก็มีช่วงเวลาของความเจ็บปวดอยู่ด้วยเสมอครับ

ตัวอย่างหนัง Marriage Story แมริเอจ สตอรี่ Netflix

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!