playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Batman แบทแมนสไตล์ฟิล์มนัวร์ที่มืดหม่นจริงจัง แต่ไม่แมสให้ความบันเทิงแบบที่ผ่านมา (ไม่สปอยล์)

สรุป

แบทแมนเวอร์ชั่นที่ดาร์คที่สุด มืดหม่นที่สุด จริงจังเรื่องความสมจริงที่สุด ด้วยความเป็นหนังฟิล์มนัวร์อาชญากรรมโดยตรง ที่มาพร้อมงานคุณภาพสูงในทุกด้าน องค์ประกอบทุกอย่างคือเข้มข้นดีมากในแนวทางนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเหมาะกับผู้ชมกลุ่มแฟนแบทแมนแท้ๆ โดยตรงมากกว่าผู้ชมกลุ่มแมสโดยทั่วไปที่อาจจะไม่ว้าวอะไรกับหนังแบทแมนที่ไม่ได้เน้นฉากแอ็กชั่นอัดความบันเทิงแบบที่ผ่านมา

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แบทแมนในสไตล์สืบสวนแบบฟิล์มนัวร์ที่เข้มข้นมาก
  • ความสมจริงของตัวแบทแมนกับอุปกรณ์สืบสวน
  • ความสัมพันธ์ของแบทแมนกับแคทวูแมนที่มีเสน่ห์ลงตัวมาก
  • การแสดงของริดเลอร์ที่จิตสุดๆ
  • เพนกวินในแบบสมจริงกับเรื่องราว
  • ดนตรีประกอบที่ส่งอารมณ์เข้ากับฟิล์มนัวร์ของเรื่องมาก

Cons

  • ฉากแอ็กชั่นแทบทั้งหมดมีแค่ชกต่อยปกติ และไม่ได้มีมากด้วย
  • ฉากใหญ่ปิดท้ายดูไม่เข้ากับธีมสืบสวนในเรื่องที่ผ่านมา
  • หนังยาวมากจนเกินจำเป็นไปพอสมควร

The Batman ผลงานรีเมคทำใหม่อีกครั้งโดย ผู้กำกับ แมตต์ รีฟส์ ที่พาคนดูไปพบกับแบทแมนแบบหนังฟิล์มนัวร์อาชญากรรมที่กับความสมจริงของเรื่องราวต่างออกไปจากแบทแมนเวอร์ชั่นที่ผ่านมาทั้งหมด

ตัวอย่าง The Batman

รีวิว  The Batman

แบทแมนเวอร์ชั่นผู้กำกับ แมตต์ รีฟส์ ที่มาในแนวสืบสวนอาชญากรรมฟิล์มนัวร์แตกต่างออกไปจากเวอร์ชั่นที่เคยทำมาทั้งหมด ซึ่งการเปลี่ยนแนวทางแบบนี้เป็นเรื่องปกติของแบทแมนที่มีรีเมคออกมาเรื่อยๆ ตามวิสัยทัศน์ของผู้กำกับแต่ละคน แน่นอนว่าเวอร์ชั่นที่โด่งดังขนถึงขั้นขึ้นหิ้งที่สุดก็เป็นของผู้กำกับโนแลน ซึ่งผลงานที่ออกมากลายเป็นงานมาตรฐานสูงมาก จนทำให้แบทแมนหลังจากนั้นยิ่งถูกเปรียบเทียบและทำยากขึ้นมาก อย่างของแบทแมนเบนในจัสติกลีกอาจจะไม่นับรวมเพราะไม่ได้มีเรื่องราวของตัวเอง แต่สำหรับเวอร์ชั่นนี้เป็นเรื่องราวเดี่ยวของแบทแมน แน่นอนว่าต้องถูกตั้งความคาดหวังไว้สูงมาก จนกลายเป็นหนังที่คนในเว็บ imdb รอคอยมากอันดับ 2 ของปีนี้ ซึ่งผู้เขียนเองก็เป็นแฟนแบทแมนมาตลอด และก็ตั้งตารอคอยภาคนี้อยู่เช่นกัน

The Batman
The Batman 2022

แบทแมนเวอร์ชั่นนี้มีธีมชัดเจนว่าต้องการเล่าเรื่องราวสืบสวนแท้ๆ แบบในคอมมิคดั้งเดิม ซึ่งก็กลายมาเป็นแนวฟิล์มนัวร์อาชญากรรมที่มีองค์ประกอบทุกอย่างแบบที่แนวนี้ทำกันมาก่อน อย่างภาพสีเหลืองส้ม ฉากเมืองที่มีฝนตกอยู่แทบจะตลอดเวลา ตัวละครข้าราชการเต็มไปด้วยการทุจริต ไม่ก็สีเทาๆ กันแทบทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวเอกอย่างแบทแมนก็นับรวมอยู่ด้วย ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้มันช่วยผลักดันให้เรื่องราวดูดาร์คเคร่งเครียดเพิ่มขึ้นมากกว่าเวอร์ชั่นที่ผ่านมาๆ ที่ปกติแบทแมนเองก็ค่อนข้างดาร์คอยู่แล้ว แต่เวอร์ชั่นนี้น่าจะถือว่าไปจนสุดทางของแนวดาร์คแบบที่แบทแมนดั้งเดิมเป็นแล้ว และก็ยังอยู่ในขอบเขตเรต PG13 เด็กดูได้ คือถ้าจะดาร์คกว่านี้ก็ต้องหลุดจากเรตนี้ไป แต่จากที่รับชมคิดว่านี่ก็เหมาะสมดีอยู่แล้ว ถ้าขนาดเห็นเลือดหรือฉากแหวะคงไม่ใช่ แบทแมนยังไงก็ยังอยู่ในกรอบไม่ฆ่าคน และเวอร์ชั่นนี้ก็ยังคงรักษาจุดนี้ไว้อยู่เช่นเดิม (ยกเว้นแบทเบนที่นอกกรอบไป)

เวอร์ชั่นนี้โฟกัสเรื่องราวว่าแบทแมนคือฮีโร่ศาลเตี้ยที่ใช้ความแค้นจัดการอาชญากรให้เกิดความกลัว โดยสปอร์ตไลท์แบทแมนปกติจะเป็นการเรียกตัว แต่ภาคนี้มีส่วนขยายความเพิ่มว่านี่คือสัญลักษณ์ที่ส่งขึ้นบนฟ้าให้อาชญากรที่เห็นเกรงกลัวแบทแมน และไม่ใช่แค่อาชญากรที่เกรงกลัว แต่ผู้คนในก็อตแธมก็ไม่ได้ปลื้มกับตัวประหลาดแบบแบทแมน เพราะมันแสดงให้เห็นว่าตำรวจทำหน้าที่หย่อนยานแค่ไหนถึงมีไอ้บ้าใส่ชุดค้างคาวแบบนี้มาเป็นศาลเตี้ย ซึ่งตำรวจเองก็ไม่ได้รู้สึกเป็นมิตรกับแบทแมนอะไรด้วย แต่ภาคนี้แบทแมนเองต้องทำงานควบคู่กับตำรวจ โดยมีสารวัตรกอร์ดอนเพียงคนเดียวที่คอยปกป้องเขา และให้มาดูหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุได้ ซึ่งจะต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆ ไปเลย ดังนั้นเราจะได้เห็นแบทแมนทำงานแบบนักสืบแท้ๆ มีการวิเคราะห์หลักฐานโดยละเอียด แต่ที่ต่างออกไปคือแบทแมนมีอุปกรณ์ไฮเทคมาช่วยด้วยแค่นั้น แต่ด้วยความที่ธีมเรื่องคือสมจริง อุปกรณ์ไฮเทคของภาคนี้ก็เลยไม่ดูล้ำอะไรมากนัก ซึ่งจุดนี้ถือเป็นข้อดีที่ทำให้เรื่องราวยังอยู่ในกรอบความเป็นจริงไม่เวอร์เกินไป และทำให้ตัวร้ายหลักริดเลอร์ดูสมน้ำสมเนื้อกับแบทแมนเวอร์ชั่นนี้เป็นอย่างมาก

สำหรับตัวร้ายในภาคนี้มี 2 ตัวคือริดเลอร์กับเพนกวิน โดยริดเลอร์จะเป็นตัวเมนหลักของเรื่องที่ก่อคดีฆาตกรรมกับข้าราชการระดับสูงของเมือง และทิ้งจดหมายไว้ให้แบทแมนตามสืบ ซึ่งริดเลอร์ในเรื่องนี้ไม่ได้มีบทเผยตัวออกมาตรงๆ เพราะหนังต้องการเล่นแนวสืบหาฆาตกรต่อเนื่อง เราจึงเห็นริดเลอร์แค่ฉากเตรียมฆ่าเหยื่อสั้นๆ แล้วก็ผ่านวิดีโอโฟนหรือ Live สด แทบทั้งเรื่อง ซึ่งรูปแบบอาชญากรรมของริดเลอร์ทำได้น่าติดตาม ทั้งปริศนาคำใบ้กับวิธีฆ่าเหยื่อด้วยอุปกรณ์พิสดาร แต่หลังเผยตัวแล้วนักแสดงในบทนี้เล่นได้อย่างเข้าถึง ดูจิตผิดปกติมากๆ แม้จะเป็นฉากสั้นๆ ในการสนทนากับแบทแมนเท่านั้น (ให้ความรู้สึกเหมือนโจ๊กเกอร์ในอีกเวอร์ชั่นที่หน้าตาไม่ได้ประหลาด แต่หมกหมุ่นกับแบทแมนเช่นกัน)

ส่วนเพนกวินคือตัวร้ายสมทบที่มาในแนวสมจริงแบบมาเฟียใหญ่ที่คุมสถานบันเทิงไว้ เป็นอาชญากรที่มีหน้าฉากทำงานสุจริตแบทแมนหรือตำรวจก็เอาผิดเขาไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเบื้องหลังหมอนี่มีธุรกิจผิดกฎหมายก็ตาม ซึ่งการเซ็ตไว้แบบนี้ก็ทำให้เพนกวินกลายเป็นตัวละครที่โยงใยกับการทุจริตของเหล่าข้าราชการในเมืองมากมาย เป็นตัวละครสำคัญที่จะผูกเรื่องเข้าไปซ้อนทับกับคดีของริดเลอร์อีกที แต่ถึงแม้จะเป็นอาชญากรที่เอาผิดตรงๆ ไม่ได้ แต่แบทแมนเองก็จะมีฉากบู๊กับเพนกวินอย่างฉากขับรถไล่บี้กันในตัวอย่าง ฉากนี้กลายเป็นฉากที่มันส์ที่สุดของเรื่องไปด้วย และเพนกวินเองก็เป็นตัวร้ายประจำเมืองก็อตแธมที่คงมีบทในภาคต่อๆ ไปอีก โคลิน ฟาร์เรลที่มารับบทเพนกวินนี้ก็แสดงได้อย่างสมบทบาทมาก แม้จะไม่ใช่คนอ้วนตามหุ่นของเพนกวินในเรื่องก็ตาม (ในเรื่องมีฉากนึงที่ทำให้คนดูแอบขำกับเก็ทนิดๆ ถึงการอิงกับชื่อเพนกวินด้วย)

ส่วนฝั่งตัวเอก โรเบิร์ต แพททินสัน ที่มาเล่นเป็นแบทแมทกับบรูซ เวย์น คือดีงามผ่านเลย ทั้งในความเป็นแบทแมนที่ดุดันเกรี้ยวกราด หมกหมุ่นอยู่กับการจัดการอาชญากร และเป็นบรู๊ซ เวย์นที่เวอร์ชั่นนี้ต่างออกไปตรงไม่ได้เห็นเขาทำตัวเจ้าสำราญ แต่เป็นเศรษฐีที่เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ออกไปไหน และหน้าตาอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งตรงนี้เชื่อมโยงถึงการทำงานนักสืบของแบทแมนด้วยที่เขาไม่มีเวลาไปทำอะไรอย่างอื่น แต่หมกหมุ่นอยู่กับการสืบคดีที่มีต่อเนื่องตลอดเวลาไม่หยุดหย่อน ซึ่งดูแล้วสมจริงเหมาะกับเวอร์ชั่นนี้โดยเฉพาะ และเวอร์ชั่นนี้แม้ไม่มีฉากเล่าย้อนไปถึงเรื่องพ่อแม่ถูกฆ่า แต่ในเรื่องก็ยังมีฉากที่สื่อถึงตรงนี้ผ่านสายตาของแบทแมนที่มองเด็กที่พ่อแม่ถูกฆ่า ซึ่งแพททินสันแสดงออกมาได้ดีมาก เป็นฉากที่ทำให้เราเข้าใจถึงความสูญเสียที่เขาได้รับและยังรู้สึกเจ็บปวดกับมันอยู่เสมอ จนทำให้อัลเฟรดในภาคนี้เองก็ไม่ใช่ผู้ช่วยอะไรมากมายให้เขา เพราะแบทแมนเองก็ไม่ได้ยอมรับการชี้นำของอัลเฟรด แต่ในเรื่องก็มีฉากซึ้งๆ ของอัลเฟรดกับบรู๊ซที่ต่างคนต่างมีแค่กันและกันเพียงเท่านั้น แม้ออกมาน้อยฉาก แต่ก็เป็นอัลเฟรดแบบที่มีมิติเลือดเนื้อเหมือนคนจริงๆ

ส่วน โซอี้ คราวิซ์ ที่มารับบทแคทวูแมนหรือเซลิน่า ไคล์ ก็ออกมาเยี่ยมยอด เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เซ็กซี่แบบที่ผู้ชมสัมผัสได้ทันทีที่เธอออกมา ทั้งในฐานะปกติหรือนางแมวก็ดูดีเข้ากับบทมาก และยิ่งความสัมพันธ์กับแบทแมนแบบรักแบบแอบห่วงใยกันและกันคือมันดีมากๆ ทุกฉากที่สองคนนี้อยู่ร่วมกันเป็นฉากที่มีความหมาย มีอะไรน่าสนใจอยู่ตลอดเวลา ชวนให้คนดูลุ้นว่าจะลงเอยกันแบบไหนในจุดที่ทั้งคู่ต่างก็เต็มไปด้วยความแค้นกับปมในอดีต ซึ่งนางแมวเวอร์ชั่นนี้ก็มีปูมหลังที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี และก็เป็นปมความแค้นวัยเด็กไม่ต่างจากแบทแมนสักเท่าไหร่ ทำให้ตัวละครทั้งคู่นี้แทบจะเหมือนกันแค่ต่างเพศเท่านั้น

ดนตรีประกอบของเรื่องนี้จากฝีมือของ Michael Giacchino ก็ทำหน้าที่ส่งเสริมแนวฟิล์มนัวร์ได้อย่างดี เสียงเริ่มต้นแบบอึมครึมถูกใส่เข้ามาในช่วงที่ได้จังหวะลงตัวกับการปรากฎตัวของแบทแมนที่เหมือนเงาร้ายในสายตาอาชญากร เป็นเมนธีมที่ถูกใช้หลายครั้บในเรื่อง แต่ก็ไม่รู้สึกว่าบ่อยหรือเกร่อเลย

ด้วยความที่องค์ประกอบทุกอย่างของเรื่องนี้คืองานที่ใส่ใจปราณีตมากของ แมตต์ รีฟส์  แบทแมนเวอร์ชั่นนี้จึงเป็นผลงานที่มีคุณภาพสูงและดีมากในแบบที่แฟนๆ แบทแมนต้องการ แต่ก็ต้องบอกว่าการสร้างมาด้วยองค์ประกอบแนวสืบสวนฟิล์มนัวร์เข้มๆ แบบนี้ก็เป็นดาบสองคมเช่นกัน เพราะแนวนี้เองแทบจะหายไปจากโลกภาพยนตร์ไม่ค่อยมีใครทำมาเท่าไหร่ หนังหรือซีรีส์สืบสวนในปัจจุบันก็ไม่ได้ทำออกมาแบบฟิล์มนัวร์นี้แล้ว ไม่ใช่แนวแมสในตลาดคนดู นี่จึงผลงานที่เฉพาะกลุ่มมากพอสมควร ด้วยความที่หนังค่อยเล่าเรื่องสืบสวนไปเรื่อยๆ ผ่านโลกฟิล์มนัวร์ด้วยความยาวเกือบ 3 ชั่วโมงเต็ม หนังจึงดูดำเนินเรื่องช้าไม่ใส่ฉากแอ็กชั่นใหญ่โตอะไรเข้ามาแทรกมาก คือฉากแอ็กชั่นในเรื่องแทบทั้งหมดมีแค่ฉากชกต่อยกับมีฉากขับรถไล่ล่าเพนกวิน 1 ฉากเท่านั้น ถึงฉากสุดท้ายจะพยายามเล่นใหญ่โตตามสูตร แต่มันกลับเป็นอะไรดูลุ้นระทึกใหญ่โตอะไรมากเทียบกับแบทแมนเวอร์ชั่นโนแลนนี่ยิ่งห่างไกล และเอาจริงๆ สำหรับแนวฟิล์มนัวร์หรือสืบสวนตามหาฆาตกรเข้มๆ การมีฉากใหญ่ปิดท้ายเรื่องกลับทำให้ช่วงนี้ดูโดดแปลกแยกออกมากับธีมการเล่าเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด จนดูไม่จำเป็นต้องมีเลยก็ได้ (แต่ก็เหมือนไฟต์บังคับว่าต้องมีอะไรแบบนี้ในหนังบล็อกบัสเตอร์)

สรุป The Batman สนุกและดีไหม

เป็นแบทแมนที่สนุกในแบบเฉพาะตัวเหมาะกับแฟนๆ คอมิคโดยตรง แต่สำหรับแฟนหนังหรือคนดูทั่วไปอาจจะไม่ถึงกับสนุกมากเท่าไหร่ เพราะหนังค่อนข้างอึมครึมอึดอัดไปกับเรื่องราวมากกว่าฉากแอ็กชั่นแบบเวอร์ชั่นก่อนๆ แต่ก็เป็นแบทแมนภาคที่ดีและแตกต่างมากแบบที่ควรจะทดลองดูสักครั้งหนึ่งครับ

 

ก่อนจบริดเลอร์ได้พบกับโจ๊กเกอร์ในคุกอาร์แคมและกลายมาเป็นเพื่อนกัน

เอนเครดิตเป็นฉากตัวอักษรที่ริดเลอร์พิมพ์สั้นๆ กับเว็บในเรื่องเท่านั้น ไม่มีผลอะไรกับเรื่อง

 

ดูรีวิวหนังโรงเรื่องอื่นได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!