playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวซีรีส์ Vampires (Netflix) ความจำเจกับการเล่าเรื่องเดิม ๆ

สรุป

ซีรีย์แวมไพร์เนื้อเรื่องไม่แปลกใหม่ ดูได้เรื่อย ๆ ไม่มีความน่าตื่นเต้น เล่าเรื่องราวของเด็กสาวลูกครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์กับความขัดแย้งในกลุ่มคอมมิวนิตี้ ใครที่ชอบหนังแนวแวมไพร์ก็สามารถดูได้ไม่ยาก เหมาะสำหรับการดูแบบผ่าน ๆ ไม่คิดอะไร

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • เล่าเรื่องดี ไม่ช้าหรือเร็วจนเกินไป
  • ใครที่ชื่นชอบหนังแนวแวมไพร์สามารถดูได้เรื่อย ๆ ไม่ยาก

Cons

  • เนื้อเรื่องไม่น่าตื่นเต้น มีความซ้ำซากจำเจ แบบหนังแวมไพร์ทั่วๆไป
  • ดูพยายามสร้างซีนให้เรารู้สึกเอาใจช่วย ลุ้นระทึกต่าง ๆ แต่ก็ไม่ได้น่าติดตามขนาดนั้น

ซีรีส์ Vampires (Netflix)  อีกครั้งกับการดึงเรื่องราวของแวมไพร์มาใช้ ในครั้งนี้เป็นแวมไพร์ “เวอร์ชั่นฝรั่งเศส” เล่าถึงเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นลูกผสมระหว่างมนุษย์และแวมไพร์อาศัยอยู่กับครอบครัวที่แยกตัวออกจากกลุ่มคอมมิวนิตี้ของแวมไพร์ โดยตัวเธอถูกเพ่งเล็งจากกลุ่มคอมมิวนิตี้ เกิดเรื่องราวสับสน วุ่นวายมากมายรอบ ๆ ตัวเธอ

คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่างซีรีส์ Vampires (Netflix)

 

เรื่องราวโดยย่อ

Vampires (Netflix) เริ่มต้นเรื่องราวด้วยการเกริ่นนำเรื่องราวของแวมไพร์ว่าด้วย แวมไพร์มีอยู่จริง หลบซ่อนอยู่ในสังคมเราแบบลับ ๆ อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มคอมมิวนิตี้หนึ่ง โดยมีกฏว่า จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของคอมมิวนิตี้เท่านั้น ทุกคนอยู่ในคำสั่งใต้คำบรรชาทั้งหมดยกเว้น ครอบครัวราเดสกุ ซึ่งก็คือกลุ่มครอบครัวตัวละครหลักของเรา

 

โดยรวมซีรีย์ดำเนินเนื้อเรื่องได้ดี เล่าเรื่องได้เรื่อย ๆ ไม่เนือยหรือน่าเบื่อจนเกินไป ตัวซีรีย์เล่าเรื่องได้เร็ว แต่จะไม่บอกเรื่องราวทั้งหมดออกมาเลย จะค่อย ๆ เผยปมอย่างช้า ๆ ให้เราได้ติดตามกัน แต่ข้อเสียหลัก ๆ ของซีรีย์นี้คือมัน cliche ซ้ำซากจำเจ ไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไรเนื้อเรื่องแบบนี้เราเคยเห็นมาแล้วมากมาย ตามภาพยนต์และซีรีย์ทั่ว ๆ ไป ถ้าดูแบบไม่คาดหวังอะไร ก็ดูได้เรื่อย ๆ บทไม่ได้แย่ถึงขั้นเราต้องปิดหนีแต่ก็ไม่ได้ดีจนถึงขั้นเราต้องเชิดชู

*สปอยโดยย่อของเนื้อเรื่อง*

ซีรีย์เริ่มเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวโดอิน่า ในช่วงตอนต้นตัวเธอมีผื่นขึ้นรอบ ๆ ข้อพับของเธอ ร่างกายดูเหนื่อยล้า อ่อนแอ พี่ชายคนรองจึงแนะนำให้เธอหยุดกินยา เพราะพี่ชายเธอเองก็หยุดกินยาเช่นกัน มันก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อตัวพี่ชาย และนั้นคือสาเหตุที่เธอเริ่มหยุดกินยา ทำให้ผืนรอบตัวเธอก็ได้หายไปแล้วแต่การเลิกยาของเธอส่งผลต่อตัวเธอต่างกับพี่ชาย โดยเธอเริ่มมีพละกำลังต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น และในที่สุดด้านที่เป็นแวมไพร์ของเธอก็ตื่นขึ้นมา เธอไม่สนใจอาหารมนุษย์ เธอเริ่มสนใจในเลือด แต่สิ่งที่ทำให้เธอต่างจากแวมไพร์ทั่วไปคือเธอสามารถโดนแสงแดดได้
เรื่องราววุ่นวายมากขึ้นเมื่อเธอเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอได้ไปกัดเพื่อนจากโรงเรียนของเธอ ซึ่งเธอเอสก็แอบชอบคนๆนั้น ตัวซีรีย์ทำให้เราเห็นว่าพวกเธอทั้งคู่ต่างสนใจกันและกันอยู่ แต่ในขณะเดียวกันตัวโดอิน่า ก็ได้รับความสนใจจากเลดิสลัส ชายแปลกหน้าที่ปรากฏตัวพร้อมยื่นจดหมายจากคอมมิวนิตี้มาให้ โดยชายคนนั้นคือลูกของตระกูลแวมไพร์ตระกูลหนึ่งที่เป็นศัตรูกับครอบครัวของเธอ

นอกจากเรื่องราวเหล่านี้แล้ว ยังมีความวุ่นวายต่าง ๆ ภายในเรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องกลุ่มคอมมิวนิตี้แวมไพร์เหล่านี้ ความพิเศษของเลือดนางเอกที่สามารถรักษาและช่วยเหลือแวมไพร์ได้ ประวัติพ่อของโดอิน่าเรื่องการวิจัยเซลล์ความเป็นอมตะที่มีการโผล่เข้ามาในตอนท้าย แต่ถึงจะมีประเด็นต่าง ๆ เข้ามาเพิ่มในเรื่องมากมาย เนื้อเรื่องก็ไม่ได้ทำให้เราสนใจที่จะติดตามเนื้อเรื่องต่อสักเท่าไหร่ เพราะอย่างที่บอกมันไม่ได้แปลกใหม่

การตีความแวมไพร์ในเรื่องนี้ก็ไม่ได้ต่างจากการตีความเชื้อไวรัสของเหล่าซอมบี้เสียทีเดียว ในซีรีย์เล่าว่าแวมไพร์กำเนิดมาจากการระบาดของโรคชนิดหนึ่งที่ทำให้คนที่ติดเชื้อ โดนแสงแดดและกินได้แต่เลือด  คอมมิวนิตี้นี้จะมีผู้อาวุโสเป็นแวมไพร์ที่อายุมากสุดในกลุ่มเป็นหัวหน้าของกลุ่มแวมไพร์นี้ โดยในเรื่องเล่าว่าตัวผู้อาวุโสเธอเองก็สามารถถูกแสงแดดได้เช่นกัน เธอตั้งใจว่าจะว่าส่งต่ออำนาจการดูแลเหล่าแวมไพร์ในนางเอกแต่ถูกขัดขวางจากแวมไพร์คนหนึ่งที่เป็นศัตรูกับครอบครัวนางเอก และในตอนท้ายพวกศัตรูนั้นก็ถูกเผาทั้งเป็น และกลุ่มคอมมิวนิตี้นี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทุกคนกระจายตัวออกไป

รีวิวโดยรวม *มีการดึงเนื้อเรื่องมาบางส่วน

ซีรีย์เริ่มมาเล่าถึง โดอิน่า ราเดสกุ เด็กสาวอายุ 17 ปีเรียนอยู่ในโรงเรียนไฮสคูลทั่วไป แต่ครอบครัวเธอมีความลับซ่อนอยู่คือครอบครัวเธอเป็นแวมไพร์ จะเริ่มเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงจากมนุษย์เปลี่ยนไปเป็นแวมไพร์ของเธอ เนื้อหาในซีรีย์ถูกเล่าผ่านตัวละครครอบครัวของเธอเป็นหลัก

การตีความแวมไพร์ในเรื่องนี้ก็ไม่ได้ต่างจากการตีความเชื้อไวรัสของเหล่าซอมบี้เสียทีเดียว ในซีรีย์เล่าว่าแวมไพร์กำเนิดมาจากการระบาดของโรคชนิดหนึ่งที่ทำให้คนที่ติดเชื้อ โดนแสงแดดไม่ได้และดื่มได้แต่เพียงเลือดเท่านั้น กลุ่มติดเชื้อเหล่านี้จึงรวมตัวกันเป็น คอมมิวนิตี้

ตลอดทั้งซีซั่นการดำเนินเนื้อเรื่องแบบเล่าไปเรื่อย ๆ มีการพยายามเพิ่มความรู้สึกตื่นเต้นให้กับผู้รับชมผ่านการใช้เสียง ใช้ซาวด์ดนตรี มุมกล้องให้มันดูกดดัน น่าตื่นเต้นบ้างในบางจังหวะ แต่เท่าที่ดูแล้วตัวซีรีย์ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอินไปกับเนื้อเรื่องเลย กลับกันยังทำให้ความน่าสนใจในเรื่องราวลดน้อยลงไปอีก

ทางด้านตัวละคร ตัวละครในซีรีย์ ยังพอมีความน่าสนใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้น่าติดตามเหมือนในหนังแวมไพร์เรื่องอื่น ๆ เสียเท่าไหร่ แน่นอนว่าความเป็นแวมไพร์ มันยังคงมีความลุ่มหลง มัวเมา และมืดมน เรื่องนี้เองก็มีเช่นกัน เนื้อเรื่องก็ไม่ได้พยายามสร้างความแตกต่างจากหนังแวมไพร์ที่เคยมีมา ยังคงมีแนวความรักวัยรุ่น การขยายอำนาจ และการคงอยู่ของเหล่าแวมไพร์

การเปลี่ยนแปลงความเป็นมนุษย์กับแวมไพร์ของโดอิน่า เราก็จะเห็นการเปลี่ยนผ่านจากคนไปสู่แวมไพร์ในซีรีย์ ไม่ได้มีการทำใหม่ เล่าใหม่อะไร ระหว่างที่เราดูการดำเนินเรื่องเราก็สามารถเดาเรื่องราวต่อ ๆ ไปได้ไม่ยาก ในมุมมองความรักของซีรีย์เรื่องนี้ก็ไม่ได้หวือหวาโรแมนติกอะไรมาก มันแอบมีความคลุมเครือเสียด้วยซ้ำ การพยายามปกปิดตัวตนของนางเอก กับเพื่อนก็เป็นอะไรที่ดูเฉย ๆ เดาได้ และตัวซีรีย์เองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับในส่วนนี้นัก จะเน้นไปที่เรื่องราวแวมไพร์ของคอมมิวนิตี้ และครอบครัวมากกว่า

ตัวละครบางตัวก็มีเอกลักษณ์ บุคลิกที่แตกต่างกันไปจนเราสามารถจดจำได้ ว่าใครเป็นใคร แต่ในขณะเดียวกัน เราไม่รู้สึกอินหรือเอาใจช่วยตัวละครใดใดในซีรีย์เลย เพราะความไม่แปลกใหม่อีกเช่นกัน นอกจากนี้ความสัมพันธ์ในครอบครัวตัวหลัก ก็มีความเดียวดีเดียวร้ายตลอดเวลา บางตอนก็จะตีกัน ทะเลาะกัน แต่บางตอนก็รักกันจนเราเองก็งง ๆ ว่าจริง ๆ แล้วครอบครัวนี้รักกันจริงรึเปล่า?

เนื้อเรื่องหลัก ๆ โดยรวมทั้งซีซั่น ยังไม่จบดี ยังมีปมปริศนาที่ค้างคาเอาไว้ให้ได้ติดตามกันต่อไปในซีซั่นหน้า โดยรวมเรื่องราวของบท ตัวละคร มันไม่ได้แปลกใหม่หรือมีความน่าสนใจอะไรมากนัก นั้นถือเป็นความน่าเสียดายหลัก ๆ ของซีรีย์เรื่องนี้ ใครที่ไม่ชอบเนื้อเรื่องแนว ๆ แนะนำให้ปล่อยผ่านไปได้เลย แต่ใครที่ชอบในเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์ก็สามารถดูได้ เพราะเนื้อเรื่องมันไม่ได้แย่ขนาดจนต้องปิดจอหนี ยังคงมีความกลาง ๆ อยู่ที่สามารถดูได้แบบผ่าน ๆ

ติดตามรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์คลิกที่นี่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!