playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Was It Love? พล็อตโรแมนติกน้ำเน่า พล็อตน้ำเน่า 4 หนุ่มรุมรักแม่หม้ายลูกติด (อัพเดทจบ 16 EP)

Contents ซ่อน
Was It Love?

สรุป

ซีรีส์เกาหลีที่พล็อตดูตลกโรแมนติกน้ำเน่าสุดๆ แต่กลับแฝงเนื้อหาสาระของชีวิตการทำงานในวงการภาพยนตร์ และชีวิตคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไปพร้อมกัน ตัวพระเอกทั้ง 4 คนมีบทบาทที่วางไว้เกี่ยวพันซับซ้อนกันกับอดีตที่ผุดขึ้นมาแบบทำให้เรื่องเหงาเศร้า มากกว่าจะเป็นแค่แนวโรแมนติกตลกๆ อย่างที่คิดในตอนแรก

แต่ปัญหาของเรื่องนี้คือการผูกปมลากยาวเรื่องความลับในอดีตของนางเอกมากไปจนดูน่าเบื่อไปเหมือนกัน แถมพอช่วงกลางเรื่องช่วงกลางเรื่องบทเทมาทางตัวละครหนึ่งมากไปจนที่ปูไว้พระเอก 4 คนแทบไม่มีความหมายสักเท่าไหร่ และพอเฉลยยังพยายามสร้างปมซ้อนขึ้นมาแบบไม่สมเหตุผล กลายเป็นนางเอกดูน่ารำคาญยิ่งขึ้นไปอีก

นอกจากนี้อารมณ์ของครึ่งหลังไปจนจบเล่นดราม่าหนักจนไม่เหลืออารมณ์ความสนุกครบรสแบบช่วงแรก เรื่องดูเครียดแบบไม่ควรจะเป็น และปมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนางเอก พอเฉลยออกมาก็ดูเบามากไม่สมกับที่พยายามปิดไว้เยอะแยะในตอนแรก จนทำให้เรื่องราวของนางเอกดูขาดเหตุผลจนน่ารำคาญ ผิดกันกับปมของนางรอง “จูอาริน” กลับดูมีมิติมากกว่า และยังดูน่าสงสารเอาใจช่วยมากกว่านางเอกของเรื่องเสียด้วยซ้ำ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (3 votes)

Pros

  • พระเอกหนุ่มหล่อ 4 แบบที่กลับมาพบรักกับนางเอกอีกครั้ง และมีความเกี่ยวพันซับซ้อนกันมาก่อน
  • บทนางเอกโก๊ะๆ ตลกโอเวอร์แอ็กติ้ง แต่ก็มีดราม่าชีวิตอาภัพที่น่าเศร้ารวมอยู่ด้วย
  • เจาะลึกเรื่องราวการเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์
  • ลูกสาวของนางเอกที่มีเด่นน่ารักไม่แพ้แม่
  • ปมอดีตอันเป็นความลับของนางเอกที่ว่าใครเป็นพ่อของลูกเธอ
  • นางรองบทมีมิติลึกซึ้งกว่านางเอก

Cons

  • พล็อตน้ำเน่าที่ตอนแรกปูมาดี แต่สุดท้ายกลับไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่
  • ช่วงกลางเรื่องบทเทมาทางตัวละครหนึ่งมากไปจนที่ปูไว้พระเอก 4 คนแทบไม่มีความหมายสักเท่าไหร่
  • บทของนางเอกช่วงหลังมีปัญหากับตัวเองจนน่ารำคาญ

 

Was It Love? เราเคยรักกันใช่ไหม (Netflix) เมื่อผู้ชายสี่คนที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงเข้ามาในชีวิต คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่ได้กุ๊กกิ๊กกับใครมาหลายปีก็เริ่มค้นหาความหมายของความรักและตัวตนของเธออีกครั้ง

 Was It Love (2020) on IMDb

ตัวอย่าง Was It Love? เราเคยรักกันใช่ไหม

ซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ที่มาแทน Mystic Pop-Up Bar บาร์ลับแล ที่พึ่งจบไป แล้วก็เป็นพล็อตแนวโรแมนติกดราม่าคอมเมดี้สูตรสำเร็จที่ได้กลิ่นน้ำเน่าโชยหึ่งมาตั้งแต่อ่านเรื่องย่อเลย ว่าด้วยเรื่องราวของ “โนแอจอง” (รับบทโดย Song Ji-Hyo) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่โชคชะตาอาภัพ เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ต้องมาทำงานพาร์ทไทม์หาเงินเลี้ยงตัวเองและลูก โดยมีแม่ช่วยเลี้ยงหลานอีกคน จนเมื่อลูกเริ่มเข้าโรงเรียนได้แล้วจึงมาสมัครทำงานในบริษัทภาพยนตร์ตามความฝันอยากเป็น “โปรดิวเซอร์” และสุดท้ายหลังทำงานในนั้นมา 8 ปีก็ได้ตำแหน่งนี้มาเชยชม แต่กลายเป็นว่าบริษัทติดหนี้พันล้านวอนจ่อล้มละลาย มีมาเฟียมาตามทวงหนี้ แต่โชคชะตากลับเล่นตลกไปกว่านั้นอีกเมื่อให้เธอต้องสร้างหนังรักเรื่องหนึ่งให้สำเร็จ และก็ได้มาพบกับทั้งนักเขียนบท ดาราชื่อดัง และรุ่นน้อง ที่ทุกคนรู้จักเธอในอดีตมาก่อน และไม่เคยลืมความสัมพันธ์ที่ทิ้งค้างกันไว้ในสมัยนั้นเลย

ถึงแม้ว่าเรื่องจะดูน้ำเน่าเอามากๆ แต่เมื่อดูไปกลับพบว่าตัวเรื่องมีรายละเอียดบทที่น่าสนใจลึกกว่าที่คิด อย่างเรื่อง คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเป็นทั้งพ่อกับแม่ในคนเดียวกัน การไม่ทิ้งความฝันในขณะที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ตัวเรื่องโฟกัสไปที่การทำงานตามฝันของนางเอกในเรื่องการพิสูจน์ตัวเองจากฝ่ายธุรการมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้คนอื่นยอมรับ ซึ่งตัวเรื่องใส่รายละเอียดขั้นตอนการทำงานในมุมของโปรดิวเซอร์มาอย่างน่าสนใจ ตั้งแต่เรื่องซีเรียสสุดอย่างการทุนสร้างมาให้ได้ การดีลกับคนที่ต้องการให้มาร่วมทำงาน ซีรีส์เจาะลึกเข้าไปในวงการภาพยนตร์เกาหลี มีการอ้างอิงถึงผู้กำกับดัง หนังดัง เบื้องหลังของวงการดารามาเกี่ยวข้องตลอด

ถึงตัวเรื่องนางเอกจะดูอาภัพ แต่อารมณ์ของเรื่องก็ไม่ได้หดหู่ตามไปมากนัก ตัวเรื่องมีหลากอารมณ์ทั้งโรแมนติก ตลก เศร้า และออกแนวโอเวอร์แอ็กติ้งกับอารมณ์เดือดจัดของนางเอก ที่ถูกนำเสนอแบบตั้งใจให้ขำได้ทุกครั้งที่ปรี๊ดแตก (อัพเดทแต่ช่วงกลาง-หลังของเรื่องอารมณ์ส่วนนี้หายไปหมด กลายเป็นดราม่าหนักๆ เหลืออยู่เท่านั้น)

ตัวเรื่องยังมีบทที่สำคัญคู่กันกับนางเอกคือตัวลูกสาว “โนแฮนี” (รับบทโดย Um Chae-Young) ที่พึ่งเข้า ม.1 ตัวเรื่องวางบุคลิกนิสัยให้เธอเป็นห้าวแกร่งไม่ยอมใคร และสู้เพื่อความยุติธรรมในโรงเรียน แม้จะฝ่าฝืนคำสั่งของแม่ที่ห้ามก่อเรื่องเพราะโดนย้ายโรงเรียนมาตลอด และก็น้อยใจที่แม่ไม่ยอมเข้าใจสิ่งที่เธอทำลงไปโดยไม่ได้คิดว่าเป็นความผิด ตัวเรื่องวางบทของเธอให้มีปมด้อยไม่มีพ่อที่กระเทือนจิตใจอยู่เสมอ แม้ปากจะบอกว่าไม่สนใจ และตัวนางเอกเองเมื่อมีหนุ่มหล่อ 4 คนกลับเข้ามาในชีวิต แฮนีที่เป็นลูกสาวจะคิดอย่างไรกับผู้ชายที่อนาคตอาจจะได้มาเป็นพ่อของเธอ นี่คือสิ่งที่ตัวเรื่องวางไว้ผูกพันร่วมกับชีวิตรักของนางเอกต่อไปจากนี้ และยังมีปริศนาที่ว่าพ่อของเธอจริงๆ แล้วคือใคร

Was It Love?
Was It Love?

ส่วนไฮไลท์ของเรื่องหนุ่มหล่อทั้ง 4 คนที่ประจวบเหมาะกลับเข้ามาในชีวิตนางเอก ในตอนแรกจะเปิดตัวมาครบ 4 คนทันที ก่อนจะค่อยลงลึกถึงอดีตของแต่ละคนว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเธอแค่ไหนอย่างไร (มีพระเอกมาเฟียคนเดียวที่ไม่ได้รู้จักกับนางเอกมาก่อน)  ตัวบทค่อนข้างเฉลี่ยให้ทั้ง 4 คนมีความสำคัญไม่แพ้กัน ก็ต้องดูว่าคนดูจะเลือกเชียร์คนให้เข้าวินได้ในตอนท้ายสุดครับ (แต่ช่วงกลางเรื่องไปบทจะเทมาทางตัวละครหนึ่งจนทำให้กลายเป็นพระเอกไปค่อนข้างแน่นอน)

บุคลิกตัวตนของพระเอกทั้ง 4 คน (ไม่สปอยล์)

มาเฟียมาดขรึม คูพาโด (Koo Pa-Do รับบทโดย Kim Min-Jun)

มาเฟียเจ้าของบริษัทปล่อยเงินกู้ที่นางเอกต้องมารับใช้หนี้แทน ดูเหมือนเป็นคนเคร่งขรึมโหดนิ่มๆ แต่ที่จริงคือแอบสนใจในตัวนางเอกตั้งแต่แรกเจอ และมองเห็นความตั้งใจของนางเอก จึงยอมทำสัญญาจะร่วมลงทุนถ้านางเอกหาดารากับนักเขียนบทมาร่วมได้ตามข้อตกลงของเขา นอกจากนี้ลูกชายของเขายังเป็นเพื่อนสนิทคนแรกกับลูกสาวนางเอกในโรงเรียน

รุ่นน้อง ยอนอู (Oh Yeon-Woo รับบทโดย Koo Ja-Sung)

รุ่นน้องสมัยเรียนของนางเอกที่มีความรักฝังใจไม่ลืม ได้กลายมาเป็นครูประจำชั้นของฮานีลูกสาวของเธอ และก็เป็นคุณครูหนุ่มสุดป๊อบนิสัยสดใสร่าเริงตลอดเวลาของโรงเรียน แถมฐานะทางบ้านยังรวยมหาศาล แต่เขากลับไม่สนใจกจการของทางบ้านมาตั้งแต่เด็ก หลังได้พบกับนางเอกซึ่งเป็นคนมาเปลี่ยนชีวิตเขาตั้งแต่นั้นมา

ดาราชื่อดัง รยูจิน (Ryu Jin รับบทโดย Song Jong-Ho)

ดาราดังที่กำลังไปเล่นหนังฮอลลีวู๊ด และเป็นตัวดาราในข้อตกลงเงื่อนไขร่วมทุนที่ Koo Pa-Do กำหนดไว้ให้เป็นพระเอก (เพราะเป็นแฟนผลงาน) เขารู้จักกับเธอในฐานะรุ่นพี่มหาลัย และมีความหลังกับนางเอกแบบมีใจให้แต่ไม่เคยได้สานต่อให้สำเร็จ ภายนอกรยูจินต้องสร้างภาพดูดีในสายตาแฟนๆ ตลอด แต่ที่จริงเขาก็มีนิสัยสบายๆ แบบคนปกติทั่วไปเวลาอยู่คนเดียว ซึ่งซีรีส์เอามาทำเป็นมุกตลกจิกกัดพวกคลั่งดาราได้อย่างฮา (อย่างดาราขี้ไม่เป็น)

นักเขียนบท ชอนอ็อกมัน (ชื่อจริง Oh Dae-O รับบทโดย Son Ho-Jun)

ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในเงื่อนไขสัญญาร่วมทุนของ Koo Pa-Do เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยที่บอกรักนางเอกตั้งแต่สมัยเรียน สนิทกับรยูจิน มีนิสัยหยิ่งทะนงตน ตอนเรียนทั้งคู่คบแล้วเลิกกัน (โดนนางเอกบอกเลิก) ทำให้เจ็บจนฝังใจ เขาตัดสินใจหาทางประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยการเขียนนิยายหวังให้เธอกลับมา และเมื่อถึงวันที่เขาทำสำเร็จ นางเอกกลับมาหาเขาตามเงื่อนขไการสร้างหนังที่โดนบังคับมา เขากลับตั้งแง่เล่นเกมแก้แค้นเธอคืน

จุดเด่นสุดคือความสัมพันธ์ที่เกี่ยวพันซับซ้อนกันทั้งในอดีตและปัจจุบัน (มีสปอยล์)

ตัวเรื่องเริ่มมาเหมือนจะเป็นความบังเอิญที่พระเอกทั้ง 4 คนมาเจอกับนางเอก แต่พอเรื่องเดินหน้าไปกลับกลายเป็นว่า 3 ใน 4 คนนั้นมีความสัมพันธ์โยงใยซับซ้อนเป็นปริศนาของเรื่อง และก็มีอดีตผุดขึ้นมาเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ชอนอ็อกมันนักเขียนบทที่เป็นแฟนเก่านางเอก และเก็บความเจ็บช้ำใจว่าถูกเธอทิ้งไปแบบไม่รู้เหตุผล แต่กลายเป็นว่าเรื่องจริงอาจจะไม่ใช่แบบนั้น และตัวเขาเองยังพยายามขัดขวางความรักของรุ่นพี่รยูจินกับนางเอกมาก่อน ซึ่งตัวรยูจินเองก็มีความรู้สึกดีๆ กับนางเอกมาตั้งแต่สมัยเรียนและร่วมกันทำภาพยนตร์ในสาขาวิชาเดียวกัน จนมาถึงปัจจุบันเขาก็ยังไม่เคยลืม ในขณะที่ยอนอูรุ่นน้องที่เป็นครูประจำชั้นของลูกสาวนางเอก ดูเผินๆ เหมือนแค่แอบรักทำดีให้ แต่กลับพบว่ามีความสัมพันธ์มากกว่านั้นกับครอบครัวของนางเอก ซึ่งเป็นความลับที่แม่ของนางเอกก็พยายามปกปิดไว้

ส่วนพระเอกมาเฟียเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รู้จักกับนางเอก แต่เขาคือคนเริ่มสัญญาให้นางเอกตามไปพบกับรยูจินกับชอนอ็อกมัน และก็กลายมาเป็นคนที่ห่วงใยนางเอกมากกว่าที่คิด หลังเห็นเธอทุ่มเททุกอย่างพยายามทำตามสัญญาที่ให้ไว้ให้ได้ แถมลูกชายคนเดียวของเขายังเป็นเพื่อนคนแรกของแฮนีลูกสาวนางเอกในโรงเรียนใหม่ ที่แฮนีเข้าไปช่วยไว้จากการกลั่นแกล้งของหัวโจกในห้อง และดูเหมือนว่าทั้งพ่อและลูกคู่นี้จะมีปัญหาเข้ากันไม่ได้ ซึ่งนางเอกน่าจะกลายมาเป็นกาวใจช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในภายหลัง แถมพระเอกคนนี้ก็เป็นพ่อหม้ายเมียเสียชีวิตไปแล้วด้วย

ความเข้าใจผิดแบบอลเวง (มีสปอยล์)

นอกจากความสัมพันธ์ที่ทับซ้อนกันแล้ว ตัวเรื่องยังผูกปมความเข้าใจผิดว่า ใครเป็นอะไรกับนางเอกทั้งในอดีตกับปัจจุบัน ใครเป็นพ่อของลูกสาวนางเอก ไว้แบบวุ่นวายมาก แม้เราจะรู้ว่าโอแดโอ (ชอนอ็อกมัน) คือ อดีตแฟนนางเอก แต่ว่าใครคือพ่อของลูกสาวเธอ ซึ่งตัวเรื่องจะลากยาวเรื่องนี้มาถึง 10 ตอนก่อนเฉลย ระหว่างทางก็ลากเอารยูจินกับฮานีให้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย

แค่นั้นยังไม่พอ ตัวเรื่องรุ่นลูกเพื่อนของฮานีก็ยังผูกปมให้เข้าใจผิดว่าแม่ของฮานีคือแม่ของเขาเช่นกัน เพราะหน้าเหมือนกัน (นางเอกเล่น 2 คาแรกเตอร์) และก็มีปมความสัมพันธ์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพระะเอกมาเฟียที่ปกป้องคนรักของเขาไว้ไม่ได้ ทำให้เมื่อเจอนางเอกที่หน้าเหมือนภรรยาที่ตายไป ก็เลยกลายเป็นความผูกพันกันขึ้นอีกครั้ง

ความฝันอันแสนไกลถึงฮอลลีวู๊ด

เนื่องจากตัวเรื่องนี้เกี่ยวกับการทำภาพยนตร์โดยตรง ตัวละครหลักทั้ง 3 คน นางเอก รยูจิน ชอนอ็อกมัน จึงมีแบ็คกราวด์เป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยฮันกุ๊ก (Hankuk University of Foreign Studies) มหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในกรุงโซล ที่มีชื่อเสียงด้านนี้โดยเฉพาะ และก็มีความฝันตั้งแต่สมัยเรียนไปไกลถึงฮอลลีวู๊ด ซึ่งในเรื่องจะมีพูดถึงตลอดตั้งแต่บทของชอนอ็อกมันที่เข้าตาฮอลลีวู๊ดและทำสำเร็จไปแล้วตั้งแต่แรก รยูจินดาราอนาคตไกลที่ใครๆ ก็คิดว่าเขาจะได้ไปฮอลลีวู๊ด แต่กลับต้องพบแรงกดดันจากความฝันในเรื่องนี้มาตลอด ตัวนางเอกเองก็เคยมีฝันนี้ร่วมกับทั้งสองคนเช่นกัน แต่ปัจจุบันฝันของเธอคือการก้าวเข้ามาทำภาพยนตร์ให้สำเร็จ หลังจากที่เธอเป็นคนเดียวที่ไม่จบมหาลัยฮันกุ๊กได้ตามที่หวังไว้เพราะต้องมาคลอดลูกเลี้ยงฮานีตั้งแต่ 14 ปีก่อน ซึ่งตัวเรื่องแม้จะโฟกัสมาที่ภาพยนตร์ในเกาหลี แต่ตัวเรื่องก็ยังมีฮอลลีวู๊ดเป็นหลักไมล์ความฝันอยู่ในเรื่องเช่นกัน

ปมพ่อของลูกสาวนางเอกที่สับขาหลอกกันทุกตอน

นี่เป็นส่วนสำคัญที่น่าติดตามของเรื่องนี้เลยก็ได้ ตัวเรื่องเปิดมาว่านางเอกต้องลำบากเป็นซิงเกิลมัมมาตลอด 14 ปี และปิดบังว่าพ่อของลูกคือใคร ซึ่งพอเรื่องเดินหน้าไปเรื่อยๆ ก็จะมีพระเอก 3 คนที่รู้จักกับนางเอกมาก่อน (ยกเว้นมาเฟีย) ตัวบทจะใส่ปมปริศนาให้คลับคล้ายคลับคลาว่าแต่ละคนอาจจะเป็นพ่อของฮานีที่นางเอกปิดบังไว้ ตัวเรื่องเหมือนจะเดาได้ แต่ที่จริงกลับเดายากมากหลังจำนวนตอนผ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งตัวนางเอกเองก็ไม่ได้มีบทให้มีปฏิกิริยาอะไรมากมายกับตัวละครทั้ง 3 คนในปัจจุบัน จนดูเผินๆ เหมือนอาจจะไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งในนี้เลยก็ยังได้ แม้บทจะชวนให้คิดว่าตัวพระเอกนักเขียนชอนอ็อกมันอาจจะมีแววมากที่สุด แต่ก็ยังฟันธงไม่ได้อยู่ดี

ตัวละครเพิ่ม “จูอาริน” ดาราสาวตัวท็อปของวงการ (มีสปอยล์)

หลังตอน 5 ไปตัวเรื่องจะมีตัวละครหลักเพิ่มอีก 1 คนคือ จูอาริน เป็นดาราสาวชื่อดังที่เป็นโจทย์หลักอีกข้อหนึ่งที่ต้องมีเธอมาเล่นด้วยในหนังของนางเอก และตัวอารินเองก็สะท้อนภาพเบื้องหลังดาราจอมปลอม ที่ปลอมหมดทั้งตัว แม้แต่วันเกิด ชื่อเก่า ซึ่งอดีตของอารินเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางเอกและแดโอ ในสถานะผู้หญิงที่หลงชอบแดโอ แต่ถูกนางเอกแย่งไป ทำให้อารินกลายมาเป็นเหมือนนางร้ายที่มีอดีตที่น่าสงสารในเวลาปัจจุบัน (14 ปีต่อมา) ที่ทั้งสองคนจำเธอไม่ได้ และเธอก็กลับเข้ามาพัวพันกับปัญหารักหลายเส้านี้อีกครั้ง


ครึ่งหลังของเรื่องเริ่มมีปัญหาหลังเปิดเผยว่าใครคือพ่อของลูกสาวนางเอก (ไม่สปอยล์)

ตัวเรื่องพยายามเล่นปมปิดบังว่าใครคือพ่อของลูกสาวนางเอกมาตั้งแต่แรก แม้แต่ยายก็ยังไม่รู้ เพราะนางเอกไม่เคยบอกใครเลย ซึ่งจุดนี้ก่อนเฉลยตัวเรื่องก็สนุกตรงความสับสนอลเวงที่เกิดขึ้นจากความเข้าใจผิด แม้คนดูจะเดาได้เพราะว่าตัวเรื่องค่อนข้างเทไปยังตัวเอกคนหนึ่งมาก แต่ว่าพอเฉลยปมปัญหาว่า 14 ปีก่อนเกิดอะไรขึ้น ปมปัญหาที่เกิดในเรื่องจนลุกลามใหญ่โตทำให้นางเอกเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวกลับเบาบาง และก็ไม่สมเหตุผลสักเท่าไหร่ กลายเป็นความเข้าใจผิดล้วนๆ แถมยังสร้างให้ตัวนางเอกดูปากหนักกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ยอมบอกความจริงกับลูกเพื่อให้เกิดปมดราม่าต่อไปอีก ทำให้ตัวเรื่องดูตั้งใจแค่อยากผูกสร้างปมใหม่ๆ แต่ไม่สมเหตุผลเลยสักนิด กลายเป็นนางเอกเป็นตัวละครที่น่ารำคาญไปโดยปริยาย และเนื้อเรื่องเริ่มไม่ไปไหน และยังพยายามเอาปมอดีตของตัวละครอื่นมาผูกกับนางเอกให้ซับซ้อนเข้าไปอีก แต่กลับออกมาแบบทื่อๆ ไม่เป็นธรรมชาติเหมือนแค่พยายามยัดเข้ามาให้ได้

สปอยล์พ่อของลูกสาวนางเอกคือ?

พ่อของลูกสาวนางเอกคือ นักเขียน โอแดโอ หรือชอนอ็อกมัน ซึ่งก็เข้าใจผิดกันเท่านั้นว่าไม่โอแดโดไม่สนใจหลังคบหาเป็นแฟนกัน นางเอกก็เลยทิ้งไป ทั้งๆ ที่เรื่องจริงไม่ใช่แบบนั้น ตัวโอแดโอเองมีปัญหาหนักทางบ้านจนไม่มีเวลาดูแลนางเอกดีอย่างที่ควรจะเป็น และบังเอิญที่นางเอกไปเห็นอารินเข้ามาจูบโอแดโอที่บ้าน ก็เลยเข้าใจผิดว่านอกใจ แต่พอรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ตัวเรื่องกลับยังให้ตัวนางเอกแค้นโอแดโออยู่ดีทำนองว่ายังไงเขาก็ผิดมาก่อน ซึ่งไม่ค่อยเมคเซนส์ในความรู้สึกสักเท่าไหร่ครับ

แถมตัวเรื่องยังมีคนรักของมาเฟียที่หน้าเหมือนกันกับนางเอก แต่เธอตายไปแล้วเข้ามาผูกเป็นปมชนวนศึกระหว่างแก๊ง ซึ่งดูเป็นละครน้ำเน่าไปหน่อยกับการเล่นพล็อตแบบนี้ในตัวเรื่องที่ดูน่าจะจริงจังในตอนแรก

 

อ่านรีวิวซีรีส์เกาหลี Original Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!