playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Catching Killers SS1-2 (Netflix) สารคดีล่าฆาตกรต่อเนื่องโหดวิปริตจิตสุดๆ ของอเมริกา

Catching Killers

สรุป

สารคดีเล่าเรื่องฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดแบบจบในตอนสั้นๆ 30-40 นาที ที่มีความโหดวิปริตไม่ซ้ำกัน การเดินเรื่องเร็ว สนุก ลุ้นระทึกน่าติดตาม เหมาะกับผู้ชมที่ชอบสายอาชญากรรมคดีโหดโดยเฉพาะ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • รวมเคสฆาตกรต่อเนื่องที่เข้าขั้นโหดและแปลกมากทุกคดี (แต่จะไม่ใช่คดีดังแบบที่เห็นกันมาก่อน)
  • เล่าเรื่องไวกระชับจบในตอนแค่ 30-40 นาที
  • จำนวนตอนน้อยแค่ 4 ตอนต่อซีซั่น
  • โปรดักชั่นการถ่ายทำดีมาก
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ตอนจบบางเคสห้วนๆ ไปหน่อยไม่มีรายละเอียดอะไรมาก
  • ซับไตเติลเน็ตฟลิกซ์ไทยแปลสรรพนามผู้หญิงผิดทั้งหมด

Catching Killers ล่าฆาตกรโฉด ซีรีส์สารคดีอาชญากรรมของ Netflix ที่เน้นเล่าเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดของอเมริกาในแบบต่างๆ กัน ตอนนี้มี 2 ซีซั่น รวม 8 ตอน เป็นเรื่องราวจบในตอนทุกคดี
 Catching Killers (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Catching Killers SS1-2

สารคดีแนวอาชญากรรมฆาตกรต่อเนื่องในเน็ตฟลิกซ์มีมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งโดยทั่วไปก็มักจะเป็นการเล่าเรื่องราวฆาตกรดังกระฉ่อนมากๆ หน่อยเป็นคนๆ ไป แต่สำหรับซีรีส์เรื่องนี้เป็นการเล่าถึงฆาตกรที่อาจจะไม่ได้ยินชื่อเสียงกันมาก่อนสักเท่าไหร่ ถึงบางคนอาจจะดังมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่มีในสารคดี Netflix มาก่อน ซึ่งจุดเด่นของสารคดีชุดนี้ทั้ง 2 ซีซั่นคือ การเล่าเรื่องฆาตกรต่อเนื่องที่โหดอำมหิตในแบบฉบับสั้นๆ ตอนละ 30-40 นาทีจบในตอนเลย (ยกเว้นบางคดีมี 2 พาร์ท) โดยที่แต่ละเคสก็มีความวิปริตจิตผิดปกติไม่เหมือนกัน ซึ่งตัวสารคดีจะมีรูปแบบการเล่าแบบเดียวกันหมด ด้วยการเริ่มต้นที่เชิญตำรวจที่ทำคดีนี้โดยตรงมานั่งเล่าจุดเริ่มต้นของเรื่อง ก่อนตัดไปที่ภาพฟุตเทจจริงกับเรื่องเล่าผ่านนักแสดงสมมุติตามเหตุการณ์ ซึ่งในซีซั่นแรกคดีจะย้อนไปในอดีตไกลสักหน่อยตั้งแต่ช่วงปี 1970 ซึ่งเป็นการสืบสวนในช่วงที่ยังไม่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่างมาช่วย อย่างการพิสูจน์ DNA  จึงทำให้คดีในอดีตเหล่านี้มักมีความรุนแรงกว่าในปัจจุบันหลายเท่า เนื่องจากการตามรอยฆาตกรในสมัยก่อนลำบากมาก เป็นการสืบคดีแบบยุคเก่า ในซีซั่นแรกคดีเปิดเรื่องจึงยืดเยื้อมาถึง 20 ปีกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าใครคือฆาตกร ซึ่งบางเคสในซีรีส์นี้จะเป็นทำนองเดียวกัน คือเป็นคดีเก่าที่ตามจับฆาตกรไม่ได้ หรือไม่ก็หาข้อพิสูจน์ในตอนนั้นไม่ได้ จนต้องข้ามมายังยุคที่มีการตรวจสอบ DNA แล้วถึงปิดคดีลงได้ ซึ่งอย่างในคดีแรก ฆาตกรกรีนริเวอร์ ก็ฆ่าคนไปแล้วกว่า 50 คน ส่วนซีซั่น 2 จะเป็นเรื่องราวในช่วงที่มีการพิสูจน์ DNA มาเกี่ยวข้องแล้ว ลักษณะของการตามตัวฆาตกรก็จะเป็นอีกแบบทันสมัยกว่า เป็นการตามหาหลักฐานทาง DNA กับการตามรอยทางคอมพิวเตอร์เพื่อพิสูจน์ตัวตนกับล้วงเอาหลักฐานจากคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องสงสัย ซึ่งในเรื่องจะเผยให้เห็นการทำงานเบื้องหลังของตำรวจหลักๆ เกือบทั้งหมดว่าปิดคดีด้วยการหาหลักฐานมาได้แบบไหน รวมถึงความกดดันจากสังคมหลังฆาตกรลอยนวลอยู่นานมากกว่าจะปิดคดีพวกนี้ลงได้ ส่วนใหญ่คือหลายปีขึ้นแทบทั้งนั้น บางคดีก็มีการจับผิดตัวจากเรื่องราวที่ไม่คาดคิดทำให้ฆาตกรตัวจริงฆ่าคนต่อเนื่องสบายๆ ไปหลายปีกว่าจะจับตัวจริงได้ก็มี รวมถึงหลายคดีฆาตกรก็มักเล่นเกมกับตำรวจโดยทิ้งคำใบ้ไว้ หรือส่งให้สื่อเพื่อสร้างฉายาของตัวเอง ซึ่งแทบจะเป็นแบบนี้ทั้งนั้นกับฆาตกรต่อเนื่องในอเมริกา

ด้วยความที่ตัวเรื่องเล่าแบบสั้นๆ จึงทำให้การรับชมในแต่ละตอนลุ้นระทึกไปกับความวิปริตของตัวฆาตกรแต่ละแบบไม่เหมือนกันทุกตอน ซึ่งตัวสารคดีจะมีซีซั่นละ 4 ตอน แบ่งเป็นตอน 1-2 เป็นเคสเดี่ยวจบในตอน ส่วนตอน 3-4 จะเป็นคดีที่ลากยาว 2 พาร์ทจบ ที่มีเรื่องราวซับซ้อนกว่าพวกคดีจบในตอน ซึ่งทุกคดีมีความน่าติดตามในแบบที่ต่างกัน จะดูตอนไหนก่อนก็ได้ครับ เรื่องนี้มีเสียงพากย์ไทยมาด้วยทั้ง 2 ซีซั่น แนะนำให้ดูพากย์ไทยดีกว่าเพราะซับไตเติลแปลสรรพนามผู้หญิงผิดทุกเคสอย่างน่าเกลียดมาก…

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!