รีวิว An Honest Life (Netflix) แนววิพากย์สังคมอนาธิปไตยที่มาได้แค่ครึ่งทางแล้วจบแค่นั้น

An Honest Life
Summary
หนังเริ่มต้นลงลึกเรื่องชนชั้นและอุดมการณ์แนวอนาธิปไตยในสังคมยุคใหม่ จากเด็กหนุ่มซื่อๆ บ้านนอกที่เข้าเมืองใหญ่มาเรียนกฏหมายแล้วต้องพบกับแนวคิดสังคมที่แตกต่างจากที่ตัวเองเคยตั้งเป้าไว้ ซึ่งมันก็ทำให้หนังดูน่าสนใจในการติดตามการเติบโตทางความคิดของตัวละครที่มันขัดแย้งกันดี แต่มันก็มาได้แค่ครึ่งทางเพราะช่วงหลังเรื่องกลายเป็นแนวอาชญากรรมที่ตัวเอกโดนหลอกให้รักแล้วหลอกใช้กันแบบทื่อๆ ตรงๆ โดยแทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแนวคิดในครึ่งแรกเลย โดยในแนวอาชญากรรมหนังก็ไม่ได้ทำให้มีฉากตื่นเต้นอะไร แนวการเติบโตตัวละครก็ดูทื่อๆ ซึ่งหนังก็ไม่ได้ตอบโจทย์แนววิพากย์สังคม อาชญากรรม หรือความรักเลย สิ่งเดียวที่ยังดีหน่อยคือหนังก็ไม่ได้ถึงกับเล่าเรื่องได้น่าเบื่อ ยังพอน่าติดตามได้เรื่อยๆ จนจบ แต่ถ้าจะคาดหวังแนวคิดมุมมองเชิงลึกนี่เรื่องนี้ทำไม่ได้เลยครับ
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- แนวอนาธิปไตยในสังคมยุคใหม่
- มีพากย์ไทย
Cons
- เรื่องไม่ลงลึกพอสักด้าน
- ฝ่ายอนาธิปไตยขาดมิติ
- นางเอกไม่น่าดึงดูด
ADBRO
An Honest Life ชีวิตซื่อ ภาพยนตร์ Original netflix แนว ดราม่าทริลเลอร์ จากสวีเดน เรื่องราวของซิมอน นักศึกษากฎหมายที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียน แต่กลับตกอยู่ในเส้นทางที่ผิด หลังจากได้พบกับแมกซ์ หญิงสาวแนวอนาธิปไตยที่ดึงดูดเขาเข้าสู่วงจรของการหลอกลวงและความรุนแรง
รีวิว An Honest Life
หนังสวีเดนที่วิพากษ์สังคมเรื่องชนชั้นและความขัดแย้งระหว่างวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน โดยได้แรงบันดาลใจจากนวนิยายชื่อเดียวกัน เล่าเรื่องราวของหนุ่มซื่อๆ จากชนบทที่ก้าวเข้ามาสังคมเมืองใหญ่ หวังเรียนกฏหมายเพื่อไต่เต้าขึ้นไปให้มีชีวิตดีกว่าเดิม โดยที่ตัวเขาเองก็ตั้งใจเลือกคลุกคลีกับสังคมเพื่อนนักศึกษาชั้นสูง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีเงินเท่าเขา ก่อนที่จะไปเจอกับสาวหัวขบถที่พาเขาออกนอกกรอบชีวิตที่เขาพยายามทำอยู่ นั่นทำให้เขารู้สึกว่าเส้นทางชีวิตที่วางไว้ด้านกฏหมายมันเริ่มไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ
ตัวหนังในตอนแรกมาในแนวโครงเรื่องที่เหมือนวิพากย์สังคมชนชั้นรวยจน โดยให้ตัวเอกซิมอนรู้สึกว่าสังคมที่เขาพยายามอยู่มันไม่ใช่แบบที่เขาต้องการเลย หลังจากเห็นพวกเพื่อนเมาเหล้าปาร์ตี้เละเทะในบ้านพักหรูที่อยู่ ซึ่งเขาก็กลายเป็นเหมือนเด็กจัดงานให้เพื่อนพวกนี้ทั้งๆ ที่ไม่มีความรู้ก็ต้องพยายามทำให้เข้ากับพวกเขาได้ ก่อนที่จะมาพบกับโลกของพวกหัวขบถนอกรอบสังคมที่แตกต่างไปอีกแบบ แล้วรู้สึกว่าใช่กว่าจนหลงไหลก้าวเข้าเต็มตัว ซึ่งในช่วงนี้หนังก็ดูรักษาเส้นเรื่องในแนวทางนี้ได้อยู่ มีความน่าสนใจจะว่าจะเดินเรื่องแนวชนชั้นนี้ออกไปแบบไหน การเติบโตตัวละครจะเป็นไปยังไงในเมื่อชีวิตที่ตัวเอกวางไว้ตรงข้ามกันชัดเจนกับกลุ่มนี้ และจะสร้างแนวอนาธิปไตยแบบไหนให้น่าดึงดูดว่าพวกเขามีอุดมการณ์กันจริงๆ ในยุคที่ม็อบเฟื่องฟูในยุโรปด้วย (ตอนเปิดเรื่องมาตัวเอกซิมอนเจอม็อบกับตำรวจไล่ทำร้ายจนเป็นเหมือนแผลใจด้วย)
แต่พอเจอกับ “แม็ก” หญิงสาวที่เป็นคนชวนเขาเข้าสู่โลกอีกด้านนี้ หนังก็พาผู้ชมออกไปในแนวอาชญากรรมความคลั่งไคล้ในรักครั้งแรกกันแบบตรงๆ โดยที่ละทิ้งแนวอนาธิปไตยไปเกือบหมด เหลือเพียงแค่การพ่นสีบทกวีหลังก่ออาชญากรรมทิ้งไว้ หนังไม่มีบทพูดการวิพากย์เรื่องความเชื่อใดๆ ให้เห็น ตัวละครในเรื่องก็กลายเป็นพวกแก๊งเด็กวัยรุ่นที่พยายามปล้นขโมยฆาตกรรมกันง่ายๆ โดยไม่มีการไล่เรียงให้เห็นว่าทำไมพวกนี้ถึงเป็นแบบนี้ หนังแทบยัดเยียดบทให้พวกนี้เป็นตัวร้ายแบบเลวโดยสันดาน ไม่เกี่ยวกับแนวคิดอนาธิปไตยที่เรื่องปูมาตอนแรกเลย ตัวเอกซิมอนก็ถูกโยนเข้าในกลุ่มนี้แบบเด็กหนุ่มใจแตกที่หลงรักหญิงสาวครั้งแรกก็เลยยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ ซึ่งหนังก็แทบไม่เหลืออะไรอีกเลยนอกจากการเล่นเรื่องความรักว่าซิมอนยังจะเชื่อแม็กได้อีกแค่ไหน หลังเธอหลอกเขาหลายรอบ หนังดูตื้นเขินมากแบบรักใสๆ กับหญิงสาวจอมมารยา ก่อนที่จะพยายามหาทางออกให้เรื่องปิดจบแบบเป็นแนวดราม่าความรักครั้งแรกที่ต้องผิดหวัง ซึ่งมันไม่ตอบโจทย์เลยทั้งในแง่การวิพากย์สังคมที่ปูมาในตอนแรกหรือเรื่องรักก็ไม่ได้ทำให้อินอะไรเพราะสุดท้ายหนังก็ไม่ได้เฉลยว่าแม็กเป็นแบบนี้เพราะอะไรกันแน่ แม้จะจบเหมือนค้างคาปลายเปิดก็ตาม
สรุป
หนังเริ่มต้นลงลึกเรื่องชนชั้นและอุดมการณ์แนวอนาธิปไตยในสังคมยุคใหม่ จากเด็กหนุ่มซื่อๆ บ้านนอกที่เข้าเมืองใหญ่มาเรียนกฏหมายแล้วต้องพบกับแนวคิดสังคมที่แตกต่างจากที่ตัวเองเคยตั้งเป้าไว้ ซึ่งมันก็ทำให้หนังดูน่าสนใจในการติดตามการเติบโตทางความคิดของตัวละครที่มันขัดแย้งกันดี แต่มันก็มาได้แค่ครึ่งทางเพราะช่วงหลังเรื่องกลายเป็นแนวอาชญากรรมที่ตัวเอกโดนหลอกให้รักแล้วหลอกใช้กันแบบทื่อๆ ตรงๆ โดยแทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแนวคิดในครึ่งแรกเลย โดยในแนวอาชญากรรมหนังก็ไม่ได้ทำให้มีฉากตื่นเต้นอะไร แนวการเติบโตตัวละครก็ดูทื่อๆ ซึ่งหนังก็ไม่ได้ตอบโจทย์แนววิพากย์สังคม อาชญากรรม หรือความรักเลย สิ่งเดียวที่ยังดีหน่อยคือหนังก็ไม่ได้ถึงกับเล่าเรื่องได้น่าเบื่อ ยังพอน่าติดตามได้เรื่อยๆ จนจบ แต่ถ้าจะคาดหวังแนวคิดมุมมองเชิงลึกนี่เรื่องนี้ทำไม่ได้เลยครับ