playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Don’t Fuck With Cats นักสืบโซเชียลไล่ล่า ฆาตกรฆ่าแมวต่อเนื่องระดับโลก!

สรุป

หนังสารคดีที่อาจจะทำร้ายจิตใจจากเรื่องราว แต่ก็ไม่ได้มีฉากโหดจากของจริงใส่มาให้น่ากลัว แถมเรื่องราวยังเดินไปแบบสนุกมากๆ ในวิธีการสืบของโลกออนไลน์ นำเสนอแบบเดียวกับหนังดังเรื่อง Searching เสิร์ชหา….สูญหาย!?  และที่เซอร์ไพรส์มากๆ คือคาดไม่ถึงว่าจะใหญ่โตระดับโลกจากความ วิปริตของคนร้ายในเรื่องได้ขนาดนี้

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
4.33 (3 votes)

Pros

  • เรื่องราวเดินไปแบบสนุกคาดไม่ถึง
  • มีมุมที่ละเอียดสองฝั่งไม่นำเสนอด้านเดียว
  • เปิดประเด็นความ Wanna be ของทั้งสองฝั่ง (นักสืบโซเชียล vs ผู้ร้าย)
  • แรงจูงใจการวางแผนของคนร้ายที่เหลือเชื่อมากๆ จนต้องอึ้ง
  • หนังตามไปถ่ายทำหลายประเทศจากเรื่องจริง

Cons

  • พยานเปิดเรื่องผู้หญิงดูดราม่าจงใจจนรู้สึกเฟคในเรื่องอารมณ์
  • หนังปิดฉากโหดไว้ทั้งหมด แต่เรื่องราวที่บอกเล่าการทำร้ายแมวก็สะเทือนใจมากอยู่ดี ไม่เหมาะกับคนที่จิตตกหดหู่ง่าย

Don’t Fuck With Cats: Hunting An Internet Killer แมว**ห้ามใครแตะ: ล่าฆาตกรอินเตอร์เน็ต หนังสารคดีของ Netflix ที่บอกเล่าเรื่องราวจริงของคดีตามล่าฆาตกรฆ่าแมวต่อเนื่อง (Serial Cats Killer) ที่ถูกตามล่าจากคนทั่วโลกเมื่อปี 2010 ก่อนเรื่องราวจะถูกยกระดับใหญ่โตขึ้นจนไม่คาดคิด

 Don't F**k with Cats: Hunting an Internet Killer (2019) on IMDb
คะแนนจากเว็บ IMDB

ในรีวิวนี้จะไม่มีสปอยล์มาเกี่ยวข้องเพราะมีส่วนสำคัญกับการดูมากๆ แต่ถ้าใครอยากอ่านสปอยล์มีปิดไว้ตอนท้ายครับ

ตัวอย่าง Don’t Fuck With Cats แมว**ห้ามใครแตะ Netflix (ดูได้ไม่มีสปอยล์)

นี่เป็นหนังสารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวแบบสารคดีจริงๆ ที่เอาคนที่เกี่ยวข้องมานั่งให้สัมภาษณ์ มีซีนแช่อารมณ์ ซีนน้ำตาแตกตอนเล่าเรื่องสะเทือนใจ ผ่านการตัดสลับภาพการใช้อินเตอร์เน็ตโซเชียลที่นักสืบโซเชียลในเรื่องใช้ไขคดี ผสมกับพวกฟุตเตจจำลองเหตุการณ์บางอย่างร่วมกับฟุตเทจเสียงจริง ภาพจริงที่มีบันทึกมาเล่าเรื่องราวทั้งหมด โดยหนังแบ่งเป็น 3 ตอน ตอนละชั่วโมงนิดๆ เป็นเรื่องราวการตามล่ายาวนานเกือบ 3 ปี ซึ่งยืนยันได้ว่าเรื่องราวในหนังเรื่องนี้เป็นของจริงมากที่สุดของคดีนี้แบบที่ไม่ถูกแต่งเติมใส่ไข่เสริมเรื่องราวให้โลดโผนเกินจริง แบบที่ว่าถ้าคุณดูจบไปค้นหาอ่านจะเป็นเรื่องราวเกือบคนละม้วนกับสารคดีชุดนี้ ซึ่งแน่นอนว่าสารคดีนี้เป็นเรื่องราวจริงที่สุดแล้วแน่นอน เพราะมีการลงทุนเดินทางไปหลายประเทศพบกับพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดครับ

Don't Fuck With Cats: Hunting An Internet Killer
หนังเล่าเรื่องราวโดยใช้ฉากการค้นหาในเฟซบุ๊ค ยูทูป เว็บไซต์ออนไลน์ต่างๆ เป็นหลัก

ปกติถ้าบอกว่าหนังสารคดีคงมองว่าน่าเบื่อ ซึ่งสารคดีปกติก็มีส่วนน่าเบื่อจริงๆ นั่นแหละครับ แต่กับเรื่องนี้ถ้าใครเคยได้ดูหนังดังเรื่อง Searching เสิร์ชหา….สูญหาย!? ที่ว่าด้วยเรื่องพ่อตามหาลูกผ่านอินเตอร์เน็ต เรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้นเลยครับ แล้วก็ทำออกมาได้สนุกไม่แพ้กัน โดยที่อิงกับเรื่องจริงของคดีอยู่ทั้งหมดว่า นักสืบโซเชียลที่เป็นกลุ่มคนรักสัตว์เหล่านี้ฟอร์มทีมออนไลน์ ตามล่าคนร้ายฆ่าแมวลงยูทูบในครั้งนี้ยังไง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เราอาจจะเคยเห็นกันในปัจจุบันว่ามีบ่อยๆ พวกทรมานสัตว์ หรือเอาลงดาร์คเว็บไปขาย แต่กับเรื่องราวในเรื่องนี้เป็นอะไรที่เกินกว่าปกติไปมากๆ เพราะตัวคนร้ายมีการวางแผนและแรงจูงใจแบบที่พอคุณดูจบรับรองว่าต้องไปหาอ่านต่อ แถมยังสะอึกกับคำพูดในตอนจบของพยานที่ว่า เราทุกคนอาจจะตกเป็นหมากของอาชญากรรายนี้อยู่ก็ได้ รวมถึงคนทำหนังสารคดีเรื่องนี้ด้วย ซึ่งก็ต้องเตือนใจกันเลยว่ากำลังส่งเสริมทางอ้อมให้เกิดอาชญากรรมแบบนี้ขึ้นมาอีกหรือเปล่า?

“ถ้าคุณไม่ชอบภาพสะท้อน ก็อย่ามองไปที่กระจก ผมไม่แคร์”

ประโยคปริศนาสำคัญท่อนนึงในเรื่องที่คนร้ายเขียนทิ้งไว้ แล้วกลายเป็นภาพสะท้อนกลับมาหาคนดูสารคดีนี้ชุดนี้เช่นเดียวกัน เป็นอะไรที่น่าคิดมากๆ ว่าอินเตอร์เน็ตเปิดอิสระเสรีให้ใครทำอะไรก็ได้ แม้อาจจะมีความผิดตามมาแต่แล้วไง ในมุมคนร้ายถ้าคุณไม่ชอบก็อย่าดูก็แค่นั้น และคนที่เอาเรื่องเลวร้ายพวกนี้มาลงไว้ในเน็ตเขาก็ไม่ได้แคร์ใครอยู่แล้ว ส่วนมากแค่สนองความวิปริตปั่นหัวคนเล่นเท่านั้น ซึ่งในเรื่องการล่าออนไลน์ครั้งนี้ในตอนแรกเป็นแค่คนกลุ่มเล็กๆ ที่เปิดกลุ่มเฟซบุ๊ครวมกันวิเคราะห์ตามรอยจากหลักฐานคลิปโดยไม่ใช้อารมณ์นำ โดยที่อีกฝั่งคนร้ายก็สนุกด้วยเหมือนเกมแมวจับหนู โดยมีหนังเรื่อง Catch Me If You Can (จับให้ได้ถ้านายแน่จริง) ที่สร้างจากเรื่องจริงของ Frank Abagnale อาชญากรต้มตุ๋นอัจฉริยะที่หนีการตามล่าจาก FBI มาตลอดชีวิต (เล่นโดย ลีโอนาโดกับทอมแฮงค์) มาเป็นแรงจูงใจสำคัญจากคนร้ายที่ท้าทายตามแบบเรื่องราวในหนังดังเรื่องนี้

แมว**ห้ามใครแตะ: ล่าฆาตกรอินเตอร์เน็ต
Hunting An Internet Killer แมว**ห้ามใครแตะ

โดยแต่ละคลิปฆ่าแมวที่ถูกปล่อยออกมาเป็นช่วงๆ จะมีการซ่อนคำใบ้ไว้ให้แกะรอยเดาตามมาได้ตามแผนที่คนร้ายวางไว้ ซึ่งตรงนี้หนังไม่ได้ตัดคลิปจริงเต็มๆ มาให้ดู หรือมีส่วนที่เรียกว่าสะเทือนใจอะไรให้เห็น และก็ไม่ได้ใช้การเซ็นเซอร์บังไว้อะไรแบบนั้น แต่ใช้พยานในเรื่องบอกเล่าว่าในคลิปเกิดอะไรขึ้นเป็นหลัก ถึงหนังอาจจะทารุณจิตใจอยู่บ้างแต่คนรักสัตว์ก็ดูได้ครับ และก็แนะนำว่าควรดูไว้เตือนใจด้วย เพราะเรื่องราวแบบในเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นมาได้เรื่อยๆ ไม่มีทางหมดไปแน่นอน และก็อาจจะมีมากกว่าในอดีตด้วยเพราะคนเสพติดการมีตัวตนในโลกออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่แล้วเรื่องราวกลับเลยเถิดมากขึ้นไปเรื่อยๆ หลังกลุ่มเฟซบุ๊คขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ไปเป็นการตามล่าจากคนกลุ่มใหญ่ที่ถูกปั่นหัวโดยคนร้ายจนเต็มไปด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผลแบบตอนแรก หนังเปิดอีกมุมของคดีที่อาจจะเรียกว่าเป็นความผิดบาปของกลุ่มที่เลยเถิดไปเป็นการล่าแม่มด แบบที่เรามักเห็นกันในปัจจุบันว่ามีการตามล่าหาข้อมูลส่วนตัวของเป้าหมายที่ถูกล็อคว่า “เลว” แล้วคิดว่ากฏหมายคงช่วยอะไรไม่ได้ หรือไม่ก็ไม่ทันใจคนในโซเชียล จึงถูกตีตราไว้ก่อนแล้วว่าผิดแบบแม่มด พร้อมเอาข้อมูลส่วนตัวไปเสียบประจานให้ฝูงคนมารุมทิ้งเป็น “ศาลเตี้ยโซเชียล” โดยไม่ต้องไปฟังความอีกด้านแบบศาลในโลกจริง หนังทำให้เห็นว่าไม่ใช่แค่คนร้ายฆ่าแมวลงโซเชียลแล้วถูกมองว่าเลวร้าย แต่คนปกติทั่วไปก็พร้อมจะกลายเป็นคนเลวร้ายในแบบที่ตัวเองกลับคิดว่าเป็นความยุติธรรมผ่านอินเตอร์เน็ตเช่นเดียวกัน 

ล่าแม่มด
กลุ่มคนรักสัตว์ที่เข้ามาบ้าคลั่งจนทำให้เรื่องราวลุกลามเลยเถิดไปจนถึงการล่าแม่มด

ความ Wanna be สองฝั่งของคนในอินเตอร์เน็ต

Don’t Fuck With Cats เปิดประเด็นความ Wanna be ของทั้งสองฝั่ง เรื่องราวปูให้เห็นว่าคนร้ายอยาก Wanna be เป็นคนดังในทางชื่อเสีย ส่วนทีมนักสืบโซเชียลทั้งหลายก็ Wanna be อยากเป็นนักสืบจริงจนเกินเลยไป หนังมีเรื่องราวอีกด้านของฝั่งแม่ของคนร้ายมาประกอบ และเป็นอะไรที่เรียกว่าพลิกมุมมองใหม่ๆ ให้คนดูในตอนแรกต้องฉุกคิดได้เหมือนกันว่าเรื่องราวจริงๆ อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นในโลกอินเตอร์เน็ตเสมอไป ซึ่งทำให้หนังสารคดีเรื่องนี้ถูกถ่วงดุลย์ของเรื่องราวไว้พอสมควรเลยว่า คุณจะไม่ได้เห็นแล้วฟังเรื่องราวด้านเดียวจนอินคล้อยตามให้จงเกลียดจงชังไปซะทั้งหมด

ในส่วนพยานหลักกลุ่มเฟซบุ๊คที่เป็นผู้หญิงเปิดเรื่องนี่เล่าไปดราม่ามากไปเหมือนกันครับ ดูแล้วเป็นคนเดียวที่ตะหงิดๆ มากสุดในเรื่องเหมือนดูเฟคๆ เรียกน้ำตามากไป แต่นอกนั้นที่เหลือเราก็จะได้เห็นบทพูดกับเรื่องเล่าที่เรียกว่าน่าเชื่อถือได้แทบจะทั้งหมด สังเกตุจากว่าถ้าหนังมีหลักฐานของจริงจะเอามาลงประกอบเรื่องเล่าไว้เลย ส่วนที่ไม่มีจะเป็นแค่เรื่องเล่าด้วยเสียงล้วนๆ เท่านั้น ไม่มีแม้แต่การจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เห็นแบบหนังสารคดีทั่วไปด้วยครับ ซึ่งตรงนี้จะมีผลอย่างมากเพราะเมื่อคุณดูจบเรื่องต้องมีความสนใจอยากค้นหาข่าวเรื่องนี้มาอ่านแน่นอน ซึ่งเราจะได้เห็นว่าเรื่องราวจากพวกแท็บลอยด์กับในเน็ตของฝรั่งที่รวมกันมาเขียนไว้ให้คนอ่าน มีส่วนที่เกินจริงมากมาย ซึ่งยืนยันได้ว่าเรื่องในหนังสารคดีที่ดูเป็นเวอร์ชั่นที่ตรงจริงสุดแล้วแน่นอนครับ เพราะมีเรื่องราวที่ไม่เปิดเผยในสื่อปกติหลายอย่างประกอบด้วย ทำให้ต่อจิ๊กซอว์แรงจูงใจต่างๆ ของคนร้ายได้ครบถ้วนหมด พร้อมกับบทสรุปเรื่องราว แบบที่ต้องอึ้งทึ่งกับแผนวิปริตระดับโลกอันนี้ไปเลยครับ ซึ่ง Don’t Fuck With Cats เรื่องราวไม่ได้อยู่แค่ประเทศเดียว แต่ลามไปหลายประเทศ และทางทีมสร้างหนังสารคดีเรื่องนี้ก็ไปตามเก็บพยานสำคัญมาหมด ทำให้เรื่องราวดูยิ่งใหญ่สมกับเรื่องจริงของคดีนี้อีกด้วยครับ

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยังคิดว่า Don’t Fuck With Cats แมว**ห้ามใครแตะ หนังสารคดีเรื่องนี้ก็งั้นๆ ไม่เห็นต้องอยากดูตามคำแนะนำคนรีวิวเลย แต่ผู้เขียนก็ยังอยากให้ดูอยู่ดี เลยอยากให้อ่านสปอยล์ต่อจากนี้ ซึ่งเรียกว่ายากที่จะไม่อึ้งกับเรื่องราวจริงๆ ของหนังเรื่องนี้ได้เหมือนกัน แต่ก็ต้องเตือนกันว่าสปอยล์จากนี้จะทำให้อารมณ์การดูหนังสารคดีเรื่องนี้เปลี่ยนไปมากครับ ถ้าอยากได้อารมณ์ตรงตามที่คนสร้างเล่าเรื่องตามลำดับจะพีคกับเรื่องราวมากกว่า 

สปอยล์จุดสำคัญมากในเรื่อง Don’t Fuck With Cats

สปอยล์เบาๆ อ่านจากลิ้งค์นี้ก่อนก็ได้ว่าเรื่องจริงบางส่วนเป็นยังไงครับ (คลิกที่นี่)

สปอยล์เบาๆ ก่อนว่าหนังเล่าเรื่องราวการพัฒนาจากฆ่าแมวไปสู่คนจริงๆ กับคดีฆาตกรรมระดับโลก (ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วอยากดู อย่าอ่านต่อครับต่อจากนี้เป็นสปอยล์ร้ายแรง)/////สปอยล์///// ถึงเรื่องตรงนี้อาจจะไม่ได้เซอร์ไพรซ์อะไรนักเพราะจากตัวอย่างหน้าหนังเรื่องมีแนวโน้มว่าจะต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เปิดเผยต่อมาคือ คนร้ายได้แรงจูงใจมาจากหนัง Basic Instinct ของปี 1992 โดยวางแผนเรื่องราวฆาตกรรมมายาวนาน เพื่อให้มีองค์ประกอบทุกอย่างใกล้เคียงกับฉากฆ่าในหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่วิปริตเหลือเชื่อ และฆาตกรก็ทำได้สำเร็จตามแผนด้วย เรื่องราวของ ลูก้า แม็กนอตต้า (Luka Magnotta) โด่งดังติดอันดับโลกของฆาตกรยุคใหม่ที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คมาเป็นหมากในการเดินแผนให้เรื่องราวของเขาโด่งดังเป็นที่จดจำของผู้คน ซึ่งการฆ่าของเขาไม่ใช่ธรรมดาตั้งแต่แมวแต่ละตัว ไปจนถึงคนจริงๆ รวมถึงการส่งชิ้นส่วนศพไปให้พรรคการเมืองใหญ่ของแคนาดา จนทำให้ผู้นำของแคนาดาต้องออกมาพูดถึงคดีเขย่าขวัญในครั้งนี้ ก่อนที่ ลูก้า แม็กนอตต้า จะหนีไปฝรั่งเศสเพื่อเตรียมก่อคดีต่อไปตามคำใบ้จากหนัง Basic Instinct ที่เขาจงใจทิ้งไว้ในคลิปฆาตกรรม ที่ส่งให้ทีมนักสืบโซเชียลดูก่อนโดยเฉพาะ

นอกจากนี้เขายังเลียนแบบกระทั่งตอนโดนจับได้ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในแผนการที่เขาคิดเตรียมไว้อยู่แล้ว เราจะได้เห็นเทปสืบสวนของจริงที่ ลูก้า แม็กนอตต้า แอบใส่ฉาก “สับขาหลอก” เลียนแบบของตัวเองเข้าไปเหมือนนางเอกใน Basic Instinct (ถ้าใครไม่รู้จักฉากนี้ดูคลิปอธิบายด้านล่างเลยครับ) ซึ่งทั้งหมดก็เป็นการทำหนังจากเรื่องจริง โดยที่เขาเล่นเองกำกับเองทั้งหมด รวมถึงพยายามใช้แผนเตรียมไว้ให้การเพื่อให้ตัวเองรอดจากคดีในครั้งนี้ด้วย

รวมรีวิวหนัง Netflix คลิกที่นี่

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!