playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Our Father สารคดีหมอสูตินารีโรคจิตที่วิปริตบิดเบี้ยวเชื่อมโยงกับศาสนา

Our Father

Summary

หนังสารคดีหมอก่ออาชญากรรมที่วิปริตที่สุดที่เคยรับรู้มาเลย โดยมีทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเหยื่อมากมายหลายแบบเกินคาดคิด ทั้งยังมีที่มาสุดวิปริตมากกว่าแค่เรื่องผสมเทียมอีก และใช้นักแสดงร่วมเล่นกับเหยื่อตัวจริงทำให้เหมือนหนังในหลายๆ ฉาก ตัวเรื่องนำเสนอเรื่องราวย้อนกลับไป 30 ปีก่อนจนมาถึงปัจจุบันด้วยการเล่าเรื่องกระชับรวดเร็ว เข้าใจเทคนิคทางการแพทย์ด้านผสมเทียมง่ายๆ แล้วก็ยังทำให้เห็นปัญหาของกระบวนการยุติธรรมในอเมริกาที่คนมีเงินมีหน้าตาอยู่เหนือกฎหมาย จนท้ายที่สุดแล้ว Netflix กลับเป็นทางออกของการหยุดยั้งอาชญากรรมแบบนี้ที่ยังเกิดขึ้นอีกมากมายในอเมริกา

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
4 (1 vote)

Pros

  • ความวิปริตแบบเกินคาดกว่าแค่เรื่องผสมเทียม
  • เป็นสารคดีทวงความยุติธรรมให้เหยื่อที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้
  • มีตัวเลขจำนวนผู้เสียหายพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ให้คนดูคาดเดาว่าจะถึงไหน
  • ใช้นักแสดงแทนตัวหมอร่วมกับเหยื่อตัวจริงทำให้เหมือนหนัง
  • ความยาวชั่วโมงครึ่งทำให้เรื่องกระชับ

Cons

  • ช่วงการขุดคุ้ยของนักข่าวไม่ค่อยเห็นอะไรมาก

Our Father พ่อของเรา หนังสารคดี Netflix ตามติดคดีสุดวิปริตที่เกิดเมื่อ 30 ปีก่อนจากการผสมเทียมของหมอสูตินารีโรคจิตที่ฉีดน้ำเชื้อตัวเองเข้าไปยังสาวที่อยากมีลูกมากมายนับไม่ถ้วน จนเป็นเหตุให้เด็กที่เกิดมาในตอนหลังต้องมาตามสืบสวนเอาผิดพ่อเทียมของตัวเอง
 Our Father (2022) on IMDb

ตัวอย่าง Our Father

สารคดีหมอโรคจิตที่วิปริตแบบเดียวกับตัวร้ายตาบอดของหนังเรื่อง Don’t Breathe ซึ่งก็คือการเอาน้ำเชื้ออสุจิของตัวเองไปใส่ช่องคลอดผู้หญิง โดยอาศัยความเป็นหมอเฉพาะทางสูตินารี รับรักษาอาการมีบุตรยาก แล้วก็แนะนำวิธีฉีดน้ำเชื้อผสมเทียมเข้าไป ซึ่งปกติจะใช้จากธนาคารอสุจิที่มีผู้บริจาคเข้ามา แต่สำหรับเคสนี้กลับกลายเป็นหมอเองที่ลักไก่เอาน้ำเชื้อตัวเองใส่เข้าไปแทนโดยหลอกทั้งครอบครัวคนไข้ว่าเป็นน้ำเชื้อที่บริจาคมา ซึ่งกว่าเรื่องจะแดงก็ผ่านไปหลายสิบปีจนเด็กเหล่านั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และเริ่มตามหาพ่อน้ำเชื้อของตนเอง จนกลายมาเป็นเรื่องราวการสืบสวนจากกลุ่มผู้เสียหายที่สืบไปสืบมาเจอเรื่องวิปริตของหมอคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องนี้เป็นหนังสารคดีสั้นๆ แค่ชั่วโมงครึ่ง ทำให้เรื่องเดินหน้าแบบรวดเร็วไม่มีอะไรน่าเบื่อเลย แล้วก็ใช้การจำลองฉากต่างๆ เหมือนจริงร่วมกับนักแสดงและเหยื่อตัวจริง (หมอในเรื่องจะเป็นนักแสดง) ทำให้เหมือนหนังหลายๆ ฉาก โดยเริ่มจากการอธิบายขั้นตอนการผสมเทียมที่เริ่มบูมในปี 1985 แล้วก็ยังไม่ได้มีเว็บไซต์ทันสมัยหาผู้บริจาคเชื้อได้แบบตอนนี้ ซึ่งตัวสารคดีใช้เวลาอธิบายขั้นตอนการผสมเทียมในอดีตสั้นๆ ไม่ยาวก่อนเข้าเรื่องด้วยการแนะนำตัวหญิงสาวตัวเอกของเรื่องนี้ที่เป็นหัวหอกคนเดียวที่สืบคดีนี้มาตั้งแต่ต้น จากความสงสัยแค่ว่าพ่อของเธอเป็นใคร แล้วก็มาตรวจ DNA หาญาติที่ปกติการผสมเทียมจะมีได้ไม่เกิน 3 คน แต่เธอกลับพบถึง 8 คน ซึ่งนั่นทำให้เกิดกลุ่มผู้เสียหายชุดแรกที่ร่วมกันสืบหาหลักฐานมาเอาผิดหมอ แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปแบบนั้นง่ายๆ แม้มี DNA มัดตัวได้ก็จริง เรื่องราวกลับเสนอให้เห็นปัญหาของกระบวนการยุติธรรมที่พอเกิดกับคนรวยมีอาชีพอย่างหมอ ความยุติธรรมกลับมาไม่ถึง ซึ่งตัวผู้เสียหายส่งเรื่องไปทุกช่องทางแม้แต่สื่อมากมายก็ไม่มีใครสนใจตอบรับ ซึ่งก็ถือว่าเป็นความผิดปกติที่เรื่องราวแบบนี้ถูกมองข้ามไปได้ยังไง จนในที่สุดก็มีสื่อหนึ่งที่ตกสำรวจพร้อมเข้ามาทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ซึ่งนี่เป็นจุดพลิกผันของเรื่องให้มีการขุดคุ้ยเบื้องหลังของหมอมากกว่าความผิดที่เห็น ที่เชื่อมโยงไปถึงอาการทางจิตและความเชื่อศาสนาแบบบิดเบี้ยวหนักโคตรๆ แบบพระบิดาของไทยก็ไม่ปาน จนทำให้เกิดแรงจูงใจที่มาของการกระทำความผิดในคดีนี้ในที่สุด

ตัวเรื่องยังใช้การเล่าแบบเปิดตัวเลขเหยื่อผู้เสียหายมาเป็นจำนวนต่ำกว่า 10 จนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้ชมได้คาดเดาว่าตัวเลขเหยื่อที่เห็นจะพุ่งขึ้นไปถึงไหนกันแน่ ซึ่งบอกเลยว่าสูงเกินคาดมาก แล้วเหยื่อนัมเบอร์ที่ตัวเลขหยุดในสารคดีก็จะออกมาเล่าผลกระทบจากการรับรู้เรื่องนี้ว่าเป็นยังไง ซึ่งคนที่ไม่เจอเรื่องนี้เองก็นึกความเลวร้ายที่ว่าไม่ออก แต่กับเหยื่อนี่คือความเลวร้ายสารพัด อย่างแม่ที่ถูกกระทำสอดใส่น้ำเชื้อนับสิบครั้งก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกข่มขืน ลูกที่เกิดมาก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจากที่เติบโตมาเชื่อว่าพ่อของเธอคือพ่อจริงๆ แต่กลับกลายมาเป็นหมอวิปริตสุดๆ บางคนถึงขั้นกลายเป็นโรคซึมเศร้าคิดฆ่าตัวตายตลอดเวลา ซึ่งสารพัดความเลวร้ายที่เหยื่อเปิดเผยมาแต่ละอย่างนี่ทำให้คนดูอย่างเราจิตตกได้เลยเหมือนกัน เพราะมันเป็นอาชญากรรมที่กระทำในอดีต แล้วก็ผ่านมานับสิบปีเหยื่อพึ่งรู้ตัว แล้วก็ยังไม่มีทางทวงคืนสิ่งเหล่านี้กลับมาได้ด้วยไม่ว่าจะในทางใดก็ตาม

สุดท้ายแล้วเรื่องนี้แม้จะกลายเป็นคดีความขึ้นในศาลจนได้ แต่บทสรุปของเรื่องกลับชวนให้คับแค้นใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเส้นสายอิทธิพลมีพลังเหนือกฎหมาย ซ้ำร้ายคือตัวกฎหมายมีช่องโหว่ที่ไม่รู้จะเอาผิดหมอตรงจุดไหนได้ตรงๆ เพราะกฎหมายการผสมเทียมยังไม่รอบคอบพอ ซึ่งตัวสารคดีก็ชี้ให้เห็นจุดบอดใหญ่ แล้วก็ยังไม่แก้มาจนถึงตอนนี้ นอกจากนั้นแล้วก็ยังเผยให้เห็นว่ามีเหยื่อแบบนี้จากหมอคนอื่นอีกทั่วอเมริกา ซึ่งเป็นอะไรที่น่าตกใจมากว่าทำไมหมอสูตินารีของอเมริกาถึงวิปริตกันเยอะมากขนาดนี้ ซึ่งเน็ตฟลิกซ์เองก็กลายเป็นกระบอกเสียงจากสื่ออีกแบบที่ช่วยทำให้เรื่องราวแบบนี้ถูกเผยแพร่ในวงกว้าง เป็นทางเดียวที่จะช่วยหยุดเรื่องนี้ได้ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ผู้สร้างกับเหยื่อในเรื่องนี้ตั้งใจไว้ครับ

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!