playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Three Days of Christmas คืนบาปคริสต์มาสในความทรงจำ

สรุป

เป็นหนังคริสต์มาสที่มีบทที่ฉลาด ไม่ได้เล่นอะไรง่ายๆ มีท่ายากด้วยการเปลี่ยนผ่านวัยที่เปลี่ยนแปลงเรื่องราวไปมากในแต่ละตอน ทำให้ดูเหมือนหนัง 3 ตอนที่แทบจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ข้อเสียจังๆ คือหนังลดระดับความรุนแรงจากตอนแรกที่สูงสุดลงมาต่ำสุดง่ายไป แม้จะมีเหตุผลรองรับให้เชื่อได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่าตั้งใจให้เป็นฟีลกู๊ดคริสต์มาสดีเกินไปสักหน่อยกับเรื่องราวที่รุนแรงในตอนแรก ที่ถือว่าดาร์คกดดันมากพอตัวเลยครับ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • บทหนังผูกปมความลับซับซ้อนมาเกี่ยวกันได้ดี
  • ตัวละครทุกช่วงวัยเล่นต่อเนื่องกันได้แทบไม่ขัดตา (แม้นิสัยจะเปลี่ยนไป)
  • พ่อผู้เงียบๆ ที่สุดในเรื่อง แต่กลับมีอิมแพ็คมากที่สุดกับตอนจบ

Cons

  • หนังเริ่มมาดาร์คมาก แต่เบาบางในตอนจบ
  • ตัวละครในตอน 3 มีการเปลี่ยนจากตอน 2 มากจนงงได้เหมือนกัน
  • ช่วงเปลี่ยนตอนมีการทิ้งตัวละครบางตัวที่โดดเด่นไปอย่างง่ายๆ ไม่มีสานต่อให้เห็นอีกเลย

Three Days of Christmas คริสต์มาสในความทรงจำ หนังมินิซีรีส์คริสต์มาสอีกเรื่องจาก Netflix ของประเทศสเปน เรื่องราวการกลับบ้านรวมญาติของ 3 สาวพี่น้อง แต่คริสต์มาสนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะความลับผลกรรมในอดีตกำลังตามไล่ล่ามาถึงครอบครัวแสนสุขของพวกเธอแล้ว

 Three Days of Christmas (2019) on IMDb
คะแนนเว็บ IMDB

ตัวอย่าง Three Days of Christmas คริสต์มาสในความทรงจำ Netflix

ก่อนหน้านี้ไม่ถึงสองอาทิตย์ Netflix ก็พึ่งมีมินิซีรีส์เรื่องราวคริสต์มาสแบบทริลเลอร์ลึกลับดาร์คๆ หน่อยมาฉาย ในชื่อ Holiday Secrets เทศกาลแห่งความลับ มินิซีรีส์ Original Netflix จากประเทศเยอรมัน 3 ตอนจบ ซึ่งถือเป็นหนังที่ทำได้ดีมากเลยทีเดียว (คลิกอ่านรีวิวได้ที่นี่)  ดังนั้นการมาของหนังแนวเดียวกัน แถมยังเป็นมินิซีรีส์ 3 ตอนจบสูตรเดียวกันอีก (ไม่รู้เพราะกำหนด 3 ตามวันหยุดต่อเนื่องหรือเปล่า) ทำให้ถ้าคนไล่ดูหนังคริสต์มาสของ Netflix ต้องมีการ้ปรียบเทียบแน่นอนครับ

ซึ่ง Three Days of Christmas ก็เริ่มเรื่องด้วยการกลับมาบ้านของ 3 สาวพี่น้องคล้ายกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่าเรื่อง Holiday Secrets จบลงในช่วงปีวันหยุดเลย แต่ Three Days จบเป็นช่วงเวลา 3 ยุคสมัย วัยรุ่น วัยกลางคน วัยชรา ซึ่งหนังเล่าเรื่องคนละแบบ ตัวแสดงเปลี่ยนชุดใหม่หมด แตกต่างกันตามประสบการณ์ที่เติบโตขึ้นกับการเก็บเหตุการณ์ในวัยเด็กที่เป็นความลับเดียวกันจนจบ ทำให้สองเรื่องนี้มีความแตกต่างกันเยอะอยู่ แล้วก็ได้อารมร์คนละแบบ แต่ทั้งสองเรื่องนี้มีจุดร่วมเหมือนกันคือเป็นแนว “กึ่งๆ ดาร์คคริสต์มาส” แต่ก็ไม่ได้ขนาดดูแล้วดิ่งอะไรเพราะยังไงหนังในเทศกาลนี้ก็ต้องมีความสุขที่ได้รับชม แต่ก็ต้องยอมรับว่าปมความลับของเรื่องทั้งคู่ชวนดาร์คอยู่ไม่น้อย ซึ่งในรีวิวนี้จะไม่มีสปอยล์ในการอ่าน แต่ถ้าอยากรู้ปมของเรื่องบางส่วนพร้อมรีวิวจุดนั้นก็อ่านได้ที่ท้ายรีวิวได้ครับ

ในตอนที่ 1 หนังเริ่มเรื่องในแบบเด็กน้อยสามคนที่มีเจตนาดีช่วยเหลือเด็กสาวคนหนึ่งไว้โดยพากลับมาบ้าน แต่แล้วกลับกลายเป็นเด็กสาวคนนี้เป็นคนนำพาภัยร้ายมาที่ครอบครัวแสนสุข ที่พ่อของพวกเธอพามาอยู่ไกลผู้ไกลคน และก็มีกฎเหล็กว่าห้ามไปที่แม่น้ำโดยไม่บอกเหตุผล สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดจบลงแบบเลวร้ายในวันคริสต์มาสนี้ และก็เป็นจุดเริ่มเรื่องที่ทำให้ครอบครัวนี้ต้องปกปิดความลับนี้มาตลอด โดยที่ต้องแสร้งทำชื่นมื่นทุกคริสต์มาสเหมือนมีความสุขหลอกๆ ปลอมๆ ไม่ยอมพูดความจริงกันสักที

ในตอนที่ 2 หนังเล่นเรื่องผลกรรมที่ตามมาแบบคาดคิด หนังเปลี่ยนวัยใช้ช่วงเวลาคริสต์มาสในแต่ละยุคได้อย่างแตกต่างกันมาก จากเด็กที่เก็บความลับกลายมาเป็นผู้ใหญ่พ่อแม่คนที่ต้องโกหกลูกต่อไปอีก ซึ่งพอโกหกแล้วก็ต้องโกหกต่อกันไปไม่สิ้นสุดเหมือนการทำผิดซ้ำๆๆๆ จนสุดท้ายก็ต้องมีคนแบกรับสิ่งนี้ไม่ไหว อยากเปิดเผย แต่ก็ถูกคัดค้าย จนกลายเป็นเป็นรอยร้าวในครอบครัวที่ส่งผลถึงเรื่องราวในตอน 3 ที่เป็นช่วงวัยชรา มีโรคร้ายรุมเร้า แต่ก็ยังปกปิดความลับต่อไป ก่อนจะพาบทสรุปของเรื่องราวให้จบลงในที่สุด ซึ่งอาจจะเบาบางไปสักนิดถ้าเทียบกับ ตอน 1 ที่เริ่มเรื่องมากดดันดาร์คมากพอตัวเลย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าหนังต้องการเล่นเรื่องช่วงวัยกับการรับรู้ ที่ยิ่งอายุเยอะมากก็ใส่ใจเรื่องราวต่างๆ ได้น้อยลงๆ จนบาปในอดีตกลายเป็นเรื่องเบาลงในที่สุด

แม้หนังจะโฟกัสหลักไปที่พี่น้อง 3 สาวเริ่มเรื่อง แต่ก็แจกบทเข้มข้นให้ตัวละครพ่อแม่ของพวกเธอด้วยการเซอร์ไพรส์กลับมาว่า ไม่ใช่แค่ความลับแบบที่ 3 คนนี้เริ่มเรื่องไว้ แต่กลายเป็นว่าเรื่องทั้งหมดมีความลับเพิ่มและก็เกี่ยวโยงถึงกันไปหมด นอกจากนี้หนังยังทำให้ทุกตัวละครในบ้านนี้ต่างก็มีความลับเก็บแยกเพิ่มไว้กันอีกส่วนตัว ซึ่งก็เป็นปมที่แตกออกมาจากเรื่องราวความลับแรก ทำให้ชีวิตที่เติบโตมาของพวกเธอกลับผิดปกติไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้เลยสักคน

หนังเต็มไปด้วยความลับสีเทาๆ พัวพันกันอีรุงตุงนังไปหมด ซึ่งเอาจริงๆ ก็ถือว่าหนังทำได้สนุกอยู่ในแต่ละรุ่นมีความแตกต่างของเรื่องราวชัดเจน แถมตัวละครก็แตกต่างกันไปเลย มีการเปลี่ยนทั้งรูปร่างหน้าตาจากคนที่สวยสุดกลายเป็นไม่ดูแลตัวเองเลยก็มี ซึ่งอาจจะรู้สึกขัดๆ ในการดูสักหน่อยเพราะหนังจงใจให้คาแรกเตอร์ในรุ่นต่อมาเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าจะคล้ายเดิมในแบบปกติ และก็มีพัฒนาการทางความคิดกับเพศสภาพเปลี่ยนแปลงไปตามยุคด้วย

แม้เรื่องราวทั้งเรื่องอาจจะไม่ได้ฟีลกู๊ดเลยจนก่อนจบ แต่หนังมีส่วนที่ฟ๊ลกู๊ดีสุดทิ้งท้ายไว้กับตัวละครพ่อที่เติบโตมาแล้วค่อนข้างเงียบๆ ไปหลังเกิดในเรื่องตอนแรก เป็นบทที่พูดน้อยมาก แต่กลับมีอิมแพ็คกับเรื่องราวมากที่สุดของหนัง เป็นการวนกลับของเรื่องราวในตอนจบที่พาย้อนวัยกลับไปในความทรงจำสมัยลูกสาวเหล่านี้ยังเด็กๆ ที่พ่อพยายามสร้างบ้านนี้มาเพื่อปกป้องลูกสาวให้ปลอดภัยด้วยเจตนาที่ดี แต่ถูกทอดทิ้งห่างไปจนกลับมารักกันเป็นครอบครัวได้อีกในตอนจบที่ดีมากครับ

 Three Days of Christmas

Three Days of Christmas เป็นหนังคริสต์มาสที่มีบทที่ฉลาด มีการเปลี่ยนผ่านวัยที่เปลี่ยนแปลงเรื่องราวไปมากในแต่ละตอน นำเสนอปมปัญหาครอบครัวผ่านวันคริสต์มาส จากการเติบโตแยกกันไปมีครอบครัว ซึ่งกลายเป็นว่ายิ่งโตยิ่งห่าง แต่หนังผูกทุกตัวละครในเรื่องไว้ด้วยความลับในวัยเด็กให้กลับมาเจอกันจนได้ ซึ่งรวมๆ แล้วเป็นหนังที่ทำออกมาได้ดีเลย แต่ข้อเสียจังๆ คือหนังลดระดับความรุนแรงจากตอนแรกที่สูงสุดลงมาต่ำสุดง่ายไป แม้จะมีเหตุผลรองรับให้เชื่อได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่าเป็นการจบที่ตั้งใจให้ดีเกินไปสักหน่อยกับเรื่องราวที่รุนแรงในตอนเริ่มต้นเรื่องครับ

เนื้อหาต่อจากนี้ไปเป็นรีวิวแบบสปอยล์ที่ต้องเปิดเผยความลับของเรื่องราวบางส่วนในตอนแรกครับ


รีวิวสปอยล์ตัวละครลูกสาวคนที่ 4 ที่เป็นจุดเริ่มเรื่องทั้งหมด

“บาเลนติน่า” คือตัวละครที่เป็นจุดเริ่มเรื่องทำให้ทั้ง 3 พี่น้องในครอบครัวปกติต้องพบกับอันตราย เนื่องมาจากพ่อของเธอถูกตำรวจโฉดไล่ล่ากะฆ่าให้ตาย และก็นำเธอมาฝากฝังไว้ที่เด็กสามทั้ง 3 คนในเรื่อง แต่แล้วกลายเป็นว่าความแตก ทำให้พ่อแม่ของพวกเธอต้องมาช่วยแก้ปัญหานี้ไปด้วย เพื่อทำตามคำสัญญาของพ่อบาเลนติน่า ซึ่งจะกลายมาเป็นตัวละครปริศนาที่กุมความลับในบทต่อๆ ไป
หนังพาเรื่องราวตอนแรกให้กดดันเหมือนช่วงยุคนาซีเยอรมันไล่ล่ายิวอะไรแบบนั้นเลย ซึ่งก็มีส่วนอ้างอิงให้รู้สึกได้เแม้จะไม่ใช่นาซีไล่ล่าจริงๆ พราะรุ่นพ่อรุ่นปู่ของพวกเธอหนีภัยสงครามมาอยู่ที่ห่างไกล และก็กลายเป็นคนแบบที่ไม่คิดจะยอมเอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับใครหรือปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น แต่การที่เขายอมแหกกฎตัวเองกลับกลายเป็นว่าทำให้ตำรวจโฉดตามมาเจอ และก็กลายความรุนแรงที่กดดันที่สุดในเรื่อง ขนาดที่ดูไปยังคิดว่าหนังเริ่มมาหนักขนาดนี้ ต่อไปจะหนักขนาดไหน แต่ในตอน 2 หนังกลับลดทิศทางความแรงลงแบบวูบวาบ เหมือนต้องการปรับโหมดเข้าหนังคริสต์มาสให้ได้ ซึ่งก็น่าเสียดายว่าหนังเริ่มมาดี ดาร์คใช้ได้แล้ว แต่กลับเลือกทำให้ส่วนที่แตกต่างจากหนังคริสต์มาสอื่นๆ หายไปซะงั้น
แต่สิ่งหนึ่งที่หนังเรื่องนี้ฉลาดเลยก็คือการให้ช่วงวัยมีผลกับความผิดบาปที่แตกต่างกันไป ซึ่งหนังใช้ช่วงเวลาใกล้ตายของแม่มาเผยความลับส่วนตัวที่ลูกรู้แล้วต้องอึ้ง และก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย ก่อนที่จะต่อเติมความลับของแม่เข้ากับความลับในตอนแรกอย่างเนียนๆ ในตอนจบตอนที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นการผูกเรื่องราวที่ดีมากๆ ทำให้ปมทุกอย่างเคลียร์หมดในตอน 2 ก่อนที่จะไปเล่นกับเรื่องราวการสารภาพต่อไปในส่วนของรุ่นลูกหลาน ที่ต้องมาเจอความลับของพ่อแม่ในอดีตด้วยเช่นกัน


 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!