playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Alienoid จอมยุทธเกาหลีปะทะเอเลี่ยนที่บทยำมั่วซั่วออกแนวตลกจำอวด (ไม่สปอยล์)

Alienoid

Summary

หนังยำใหญ่แอ็กชั่นไซไฟเอลี่ยนบุกโลกรวมกับจอมยุทธท่องเวลา ที่ออกมาเหมือนของแปลกไม่อร่อยอย่างที่หวังไว้ ตัวบทมีปัญหายืดเยิ่นเย้อเสียเวลาปูอะไรไปมากแล้วไม่จบในภาคเดียว พยายามเล่าเรื่องสลับไปมาสองยุคให้ซับซ้อนเกินจำเป็น และก็สนุกไม่เท่ากัน ยุคโครยอดูน่าเบื่อกับความพยายามตลกจำอวดกับทุกอย่างตลอดเวลา ในขณะที่ยุคปัจจุบันดูสนุกกว่ากับแนวเอเลี่ยนถล่มโซล เหตุผลของเรื่องราวต่างๆ ในเรื่องยัดมาแบบทื่อๆ แล้วก็พยายามใช้มุกตลกกลบมันทั้งเรื่องแบบง่ายๆ ตัวคิมแทรีเองก็ออกน้อยจนน่าผิดหวัง แต่ถ้าใครชอบแนวไซไฟ CG สวยดูดีมีฉากเว่อร์ๆ เยอะ ก็ถือว่าผ่านดูได้เลย เพราะนี่เป็นจุดขายหลักของเรื่องที่ยังทำได้ดีสมราคาหนังฟอร์มยักษ์อยู่ครับ 

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แอ็กชั่นไซไฟเอลี่ยนบุกโลกรวมกับจอมยุทธท่องเวลา
  • CG สวยดูดีมีฉากเว่อร์ๆ เยอะ
  • มีซับไทย

Cons

  • บทเยิ่นเย้อสลับไปมาแบบเกินจำเป็น
  • เน้นตลกจนทำให้เรื่องดูป่วยๆ
  • คิมแทรีออกน้อย
  • ไม่จบในภาคเดียว
  • ไม่มีพากย์ไทย

Alienoid (วายร้ายเอเลี่ยน) หนังฟอร์มยักษ์เกาหลีที่ไม่ได้มาฉายไทย แล้วย้ายมาลง Amazon Prime เรื่องราวของเอเลี่ยนที่เอานักโทษต่างดาวมาขังไว้ในร่างของมนุษย์ แต่เกิดผิดพลาดกลายเป็นหายนะข้ามกาลเวลา

Alienoid (2022) on IMDb

 

รีวิว Alienoid

หน้าหนังดูน่าสนใจเมื่อเกาหลีมัดรวมแนวแอ็กชั่นไซไฟเข้ากับแนวจอมยุทธกำลังภายในโบราณ ที่มีเวทมนตร์กับการท่องเวลาร่วมด้วยอีก เรียกว่าเป็นการยำใหญ่แบบที่คงมีแต่เอเชียเท่านั้นที่ทำได้ เพราะฝรั่งไม่มีพวกแนวจอมยุทธอะไรพวกนี้ และยิ่งได้คิมแทรีนางเอกดังที่ฝากผลงานเน้นฝีมือไว้ทุกเรื่อง ยิ่งทำให้น่าสนใจเข้าไปอีก แต่ตัวหนังกลับไปไม่ถึงสักทาง แถมยังไม่จบในตัวต้องต่อกันอีกภาคด้วย

ตัวหนังมี CG สวยๆ เป็นจุดขาย ซึ่งหนังก็ทำจุดนี้ออกมาได้ดีเลยทีเดียว มีโชว์ฉากยานรบไล่ล่าทำลายเมืองอลังการ ตัวเอเลี่ยนหุ่นยนต์สู้กันก็ทำออกมาเนียน แม้จะดูคล้ายๆ เซนติเนลของ X-Men ก็ตาม ทั้งยังใส่ความเว่อร์ของแนวจอมยุทธให้มีพวกพลังเวทมนต์ ของวิเศษเว่อร์ๆ มาช่วยสู้ถล่มเอเลี่ยนอีกต่างหาก 

แต่ปัญหาของเรื่องนี้จริงๆ คือบทล้วนๆ ด้วยความที่ตัวเรื่องยำสารพัดมัดรวมของแปลกเข้าด้วยกัน การจะทำให้มันเนียนก็คงยากแต่แรก ตัวบทเลยทำเป็นแนวตลกไปเลย หลายๆ อย่างในเรื่องดูจับวางยัดมั่วซั่วไม่มีเหตุผลรองรับที่ดีพอ แล้วเอาแนวตลกมากลบเกลื่อนเหตุผลให้จบๆ ไป ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเพราะมุกต่างๆ ในเรื่องก็ไม่ได้ตลกอะไรขนาดนั้น มันเลยทำให้การดำเนินเรื่องดูง่อยๆ เอเลี่ยนจะมาล้างโลกสู้กันอย่างเว่อร์ แต่มาแพ้ตัวเอกแนวตลกง่อยๆ อะไรประมาณนั้น 

ตัวหนังถือว่ายืดเยิ่นเย้อเสียเวลาปูอะไรไปมาก โดยเฉพาะฉากในยุคโครยอที่ไม่ค่อยสนุกเท่ายุคปัจจุบันที่มีเอเลี่ยนไล่ถล่มกัน การลำดับเล่าเรื่องก็มีปัญหา พยายามให้มีความซับซ้อน เล่าสองยุคสองเวลาสลับไปมาแล้วให้มาบรรจบเฉลยตอนหลัง โดยที่ไม่พยายามบอกว่าใครเป็นใครในยุคโครยอเกาหลีโบราณ แต่กลับไม่ลำดับที่มาที่ไปให้ดี ซึ่งมันทำให้ดูงงๆ โดยใช่เหตุ แบบอยู่ๆ ก็มีนักพรตเก่งกล้าเหมือนผู้วิเศษในยุค แต่ก็ไม่ได้สรุปว่าพวกนี้เก่งมากจากไหนได้ไง (เก่งกว่าเอเลี่ยนที่ข้ามเวลามาอีก)  ในเวลาปัจจุบันก็ยังเสียเวลาไปนานกับความพยายามสร้างบิ้วดราม่าพ่อหุ่นยนตร์เอเลี่ยนที่เป็นการ์ดกับบทเด็กที่เอามาเลี้ยงจากยุคโครยอ ซึ่งก็ไม่รู้จะปกปิดหรือไม่ปกปิด เรื่องทำให้ทุกอย่างดูเหมือนความลับสุดยอด แต่เวลาเฉลยก็แบบทื่อๆ หรือแม้แต่การเอานักโทษมาขังไว้ในร่างคนบนโลกก็ดูไม่สมเหตุผลในทุกทาง

 

คิมแทรีที่เป็นจุดขายของเรื่องก็ออกน้อย ด้วยความที่เรื่องมีหลายตัวละครมากให้เล่าเป็นเรื่องหลักๆ แอร์ไทม์ของเธอเลยน้อยจนเหมือนแค่ตัวละครหลักตัวนึงในเรื่องเฉยๆ เท่านั้น ซึ่งใครหวังมาดูเธอยิงปืนในยุคโครยอเท่ๆ ก็แทบไม่ได้รู้สึกว่ามีฉากให้ดูเท่ว้าวๆ อย่างที่คิดเลย เรียกว่าเสียของเลยก็ว่าได้ ส่วนพระเอกที่เล่นโดย รยูจุนยอล นี่จืดสนิทกับบทนักพรตต๊องๆ ในยุคโครยอ ที่มาเป็นตัวตลกซะมากกว่า

 

หนังเสียเวลาเยิ่นเย้อยาวนานแนวปูเรื่องราวซะมากกว่า ก่อนจบแบบค้างๆ คาๆ ตัดทิ้งไว้ไปต่อพาร์ท 2 ซึ่งมีคิวว่าจะฉายในปี 2023 ซึ่งก็คงไม่ได้มาฉายโรงอีกเช่นกัน แล้วตัวหนังเองก็ไม่ได้ทำรายได้ดีตามฟอร์มด้วย ได้ไปเพียง 12 ล้านเหรียญทั่วโลกเท่านั้น ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับหนังเกาหลีดังๆ หลายเรื่องที่ผ่านมา ก็อาจจะทำให้งานภาคต่อมีปัญหาตามมาได้อีก

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!