playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว AlRawabi School for Girls เรื่องราวบูลลี่ในโรงเรียนหญิงล้วนเคร่งอิสลามที่แปลกแตกต่าง

AlRawabi School for Girls

สรุป

ลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนจบที่มีเรื่องราวการบูลลี่ในโรงเรียนหญิงเคร่งมุสลิมที่แปลกแตกต่างกว่าทั่วไป การเดินเรื่องดูสนุกผ่านการล้างแค้นเอาคืนพร้อมมิตรภาพในวัยเรียน โดยมีมุมมองทั้งฝ่ายเหยื่อกับผู้กระทำครบถ้วน แต่เสียดายที่เรื่องในตอน 4-5 กลับเขวๆ ออกนอกทาง แล้วก็เบาลงทันทีจนทำให้สุดท้ายเรื่องราวไม่พีคเท่าที่ควร แม้ตอนจบจะทำออกมาได้ดาร์คมากก็ตามที

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
3 (2 votes)

Pros

  • เรื่องราวการบูลลี่ในโรงเรียนหญิงล้วนที่เคร่งศาสนาอิสลาม
  • มีเรื่องราวการแฮ็กมือถือ พิชชิ่ง หลอกลวงผ่านโลกออนไลน์
  • นางเอกเล่นได้สมบทบาทกับบทเหยื่อที่โดนบูลลี่ และแอบมีเสน่ห์น่ารักด้วย
  • ปมสังคมชายเป็นใหญ่ในประเทศอิสลามที่นำมาซึ่งโศกนาฎกรรมรุนแรงกว่าปกติ
  • ลิมิเต้ดซีรีส์ 6 ตอนจบเลย (ตอนละ 40-50 นาที)

 

Cons

  • ตอน 4-5 เรื่องราวการล้างแค้นซอฟต์เบาแบบยวบยาบ
  • มีตัวละครเกินๆ ปนๆ มาแบบไม่เกี่ยวกับเรื่องหลักจนดูเสียเวลาไปบ้าง
  • เรื่องราวไม่ได้เคลียร์ลงทั้งหมด ทำให้ดูค้างๆ คาๆ อยู่บ้าง
  • การกลั่นแกล้งในเรื่องอิงกับกฎของศาสนาอิสลามมากกว่าแกล้งกันตรงๆ ซึ่งคนไม่เข้าใจอาจจะดูว่าไม่ได้แรงอะไรมาก

AlRawabi School for Girls เด็กสาวหลังรั้วหญิงล้วน ลิมิเต็ดซีรีส์ Netflix 6 ตอนจบจากจอร์แดน เรื่องราวของกลุ่มเด็กสาวที่ตกเป็นเหยื่อบูลลี่ในโรงเรียนหันกลับมาวางแผนแก้แค้นหัวโจกของโรงเรียนอย่างสาสม ผ่านโลกในรั้วโรงเรียนหญิงล้วนในประเทศที่เคร่งศาสนาอิสลามกับสังคมชายเป็นใหญ่

 AlRawabi School for Girls (2021) on IMDb

ตัวอย่าง AlRawabi School for Girls

ซีรีส์นอกกระแสจากจอร์แดนที่ดูเผินๆ อาจจะไม่น่าสนใจ แต่กลับมีความโดดเด่นจากการใช้เรื่องราวของโลกอาหรับมุสลิมมาเป็นประเด็นเรื่องหลักที่เกิดขึ้นในโรงเรียนหญิงล้วน ที่ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องศาสนาอิสลาม (ซุนนี) ผ่านปมบูลลี่ในโรงเรียน ที่อาจจะดูเกร่อในซีรีส์วัยรุ่นปัจจุบัน แต่เมื่ออยู่ในโลกอาหรับก็ทำให้เรื่องราวมีความแตกต่างออกไปค่อนข้างมาก และยังกลายเป็นโศกนาฎกรรมในตอนท้ายที่แตกต่างออกไปจากเรื่องราวแนวบูลลี่ในโรงเรียนทั่วไปด้วยเช่นกัน

เนื้อเรื่องเริ่มจาก “มาเรียม” เด็กสาวโนเนมในโรงเรียนสตรีอัลราวาบีที่ถูกหัวโจก “ลายาน” กลั่นแกล้งรุนแรงจนถึงขั้นบาดเจ็บหนัก โดยไม่สามารถเอาผิดได้เพราะเพื่อนร่วมชั้นต่างเข้าข้างลายานมากกว่า ซ้ำร้ายเพื่อนสนิทของเธอกลับตีตัวออกห่างหลังเกิดเหตุเรื่องนี้ แม่ก็เข้าใจผิดเชื่อที่ลายานบอกว่าเธอเบี่ยงเบนทางเพศจ้องมองผู้หญิงด้วยกัน จนทำให้เธอถูกส่งไปบำบัดจิต เมื่อถูกกดดันจนถึงที่สุดเธอจึงลุกขึ้นมาโต้กลับโดยวางแผนแก้แค้นกลุ่มคนที่ทำกับเธออย่างสาสม โดยมีนักเรียนใหม่ที่เป็นแฮ็กเกอร์มาร่วมในแผนการครั้งนี้ด้วย

เนื้อเรื่องเปิดมาด้วยความรุนแรงในระดับสูงมาก เมื่อมาเรียมถูกกระทำสารพัดจนเกินเลยขอบเขตการบูลลี่ทั่วไปมากๆ ตัวเรื่องใช้เวลาในตอนแรกย้อนรอยเหตุการณ์เปิดเรื่องที่เธอเจียนตาย โดยให้เห็นความสัมพันธ์ในโรงเรียนนี้ตั้งแต่นักเรียนร่วมห้อง กลุ่มหัวโจกประจำโรงเรียน ครูใหญ่ ที่ทุกฝ่ายต่างมีส่วนช่วยส่งเสริมและปกปิดการบูลลี่ในโรงเรียนที่เกิดขึ้นจากกลุ่มหัวโจกของลายานที่มีกันสามคน ในตอนแรกอาจจะดูแนวเหมือนหนังวัยรุ่นทั่วไปนานสักหน่อย จนท้ายๆ ตอนถึงเข้าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อเริ่มตอน 2 เรื่องราวเริ่มสนุกทันทีเมื่อมาเรียมสุดทนและลุกขึ้นมาแก้แค้นกลับทันที โดยมีแผนการที่ตอนแรกอาจจะดูแค่ลองเชิงเบาะๆ ก่อนจะเปิดตัวเอกอีกคนคือ “โนฟ” เด็กสาวแนวอีโมพั้งค์ที่พึ่งย้ายเข้าเรียนใหม่ และเป็นแฮ็กเกอร์ที่เล่นงานครูในโรงเรียนเก่ามาก่อนแล้ว กลายเป็นมาเรียมได้มีทีมแฮ็กเกอร์เพิ่มอีกคน ก่อนที่เพื่อนสนิทเก่าของเธอจะตามมาอีกคน โดยมีเป้าหมายคือการเอาคืนแก๊งของลายานแบบเด็ดหัวทีละคนให้ได้รับบทเรียนจะไม่ได้ไปแกล้งใครอีก แต่หารู้ไม่ว่าการล้างแค้นเอาคืนของพวกเธอจะนำไปสู่ผลลัพธ์ร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นทำลายชีวิตคนได้ ซึ่งเกินขอบเขตที่คิดไว้ในตอนแรกมาก

ซีรีส์สร้างเรื่องราวล้างแค้นแบบบูลลี่คืนได้อย่างสนุกผ่านการแฮ็กแบบพิชชิ่ง ก็คือการหลอกลวงเหยื่อผ่านโลกออนไลน์ อย่างในเรื่องคือคือการใช้แอคเคาน์เฟซบุ๊กปลอมเป็นหนุ่มเข้ามาจีบ ก่อนล่อลวงเอารูปที่ส่งให้ผู้ชายไปประจานให้ได้อับอายอีกที แม้จะไม่ถึงขั้นโป๊เปลือยอะไร แต่ตรงนี้ผู้ชมต้องเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องราวที่เกิดในประเทศที่เคร่งศาสนาอิสลาม นักเรียนในเรื่องส่วนใหญ่สวมฮิญาบ แค่การถอดฮิญาบออกก็ผิดต่อศาสนาแล้ว ที่หนักก็คือครอบครัวในประเทศที่เคร่งๆ แบบนี้ถือว่าลูกสาวทำความอับอายให้ครอบครัวเป็นโทษหนักมากกว่าปกติหลายเท่า ซึ่งตัวเรื่องนอกจากจะมีปมศาสนามาเป็นความแรงแล้ว ยังพ่วงด้วยสังคมชายเป็นใหญ่ที่กดทับไว้อีก ทำให้การที่เด็กสาวในเรื่องทำผิดในเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีจะโดนโทษร้ายแรงจากทางบ้านโดยเฉพาะพ่อที่ลงมือซ้อมลูกสาวได้เลย แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากในสายตาคนนอก อย่างแค่การไปเที่ยวกับผู้ชายสองต่อสองก็ถือว่าทำความอับอายให้แก่ครอบครัวมากแล้ว ซึ่งตัวมาเรียมเองก็เน้นการล้างแค้นโดยการให้เหยื่อที่กระทำกับเธอได้รับความอับอายในเรื่องประเพณีจนทำให้ครอบครัวลงโทษหนักแทนที่จะเป็นการล้างแค้นแบบเจ็บเนื้อตัวตามปกติที่เรื่องอื่นๆ มักทำกัน

ต้องบอกว่าโครงเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีเลยกับแนวบูลลี่ในโรงเรียนพ่วงกับประเด็นศาสนาอิสลามที่ค่อยจะได้เห็นนัก ตัวเรื่องมีความแรงแบบไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ จากตอน 1-3 ที่คนดูคงสนุกกับการเอาคืนของมาเรียมจนคิดว่าลิมิเต็ดซีรีส์นี้คงไต่ระดับความแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ผิดคาดคือพอถึงตอน 4-5 เรื่องราวกลับซอฟต์ลงมาดื้อๆ เหมือนพยายามหักมุมกลายเป็นเรื่องราวแนวมิตรภาพในโรงเรียน ให้เห็นอีกด้านของหัวโจกที่กลั่นแกล้งมาเรียมว่าพวกเธอก็ไม่ได้ร้ายไปซะหมดทีเดียว ซึ่งจริงๆ ก็อาจจะถือว่าเรื่องราวทำได้ดีในการให้ตัวร้ายก็มีมิติมากกว่าที่เห็นว่าร้ายอย่างเดียว รวมถึงให้เห็นที่มาที่ไปบางอย่างที่ทำให้พอเข้าใจได้ว่าแรงจูงใจที่พวกนี้ร้ายเพราะอะไร แม้เรื่องราวจะดูดีในแง่สอนใจว่าการแก้แค้นคืนอาจจะไม่ใช่คำตอบของเหยื่อที่โดนกระทำ ซึ่งไม่ผิดที่บทจะนำเสนอตรงนี้ขึ้นมา แต่ก็ต้องบอกว่ามันเป็นการหักลำเรื่องราวจากรุนแรงกลายเป็นเบามากไปหน่อย เหมือนช่วงแรกพยายามคนดูไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ให้คาดหวังความดาร์คของเรื่องมากขึ้น แต่กลับมาเบาลงจนซอฟต์ทำให้เรื่องราวดูไม่น่าสนใจขึ้นมาทันที

แม้ตอน 6 ตอนสุดท้ายเรื่องราวจะกลับมาดาร์ค และก็ทำจุดจบของเรื่องได้สมกับเป็นเรื่องในโลกอาหรับ กลายเป็นโศกนาฎกรรมรุนแรงกว่าที่คาดไว้มากจริงๆ เป็นตอนจบที่เรียกได้ว่าดาร์คมาก แต่การที่เรื่องไปแผ่วเบาลงในสองตอนก่อนหน้าก็ทำให้ภาพรวมของซีรีส์ดูไม่สุด จนน่าเสียดายว่าถ้าจริงๆ ควรทำแนวแก้แค้นไต่ระดับพีคขึ้นเรื่อยๆ ไปจนสุดทางเลยดีกว่า

นางเอกของเรื่องนักแสดงเด็กสาวหน้าใหม่อย่าง Andria Tayeh เล่นได้อย่างมีมิติเอามากๆ บทในเรื่องก็ไม่ใช่แค่เหยื่อ แต่เธอยังต้องรับบทแสดงอารมณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจจนเกือบเป็นบ้าไปด้วย ยิ่งช่วงเอาคืนของเธอก็ทำให้คนดูสะใจตามจากสีหน้าเหยื่อที่ถูกกระทำกลายมาเป็นผู้กระทำแทน ตัวโนฟที่เป็นตัวเอกร่วมกับมาเรียมก็มีบทโดดเด่นพอๆ กัน แถมยังแต่งตัวแบบอีโมพังค์ในโลกมุสลิมที่ค่อนข้างหลุดกรอบมากๆ ซึ่งตัวเรื่องก็มีฉากแนวผู้ชายมาลวนลาม โนฟเองโดนกระทำกลับไม่กล้าเอาเรื่องคืนเพราะสังคมชี้หน้าว่าเธอแต่งตัวยั่วผู้ชายเองต่างหาก กลายเป็นเหยื่อที่ถูกลวนลามผิดซะเอง

ครูในโรงเรียนก็มีส่วนกับเหตุการณ์บูลลี่ในทางอ้อมด้วย เมื่อพยายามปกปิดเพื่อชื่อเสียงโรงเรียนมากกว่าช่วยเหลือนักเรียน

สรุปตัวซีรีส์ถือว่ามีความโดดเด่นแหวกแนวน่าสนใจมากกับการเล่าเรื่องบูลลี่ในโรงเรียนเคร่งอิสลาม การเดินเรื่องดูสนุกผ่านการล้างแค้นเอาคืนผสมด้วยเรื่องราวมิตรภาพในวัยเรียน โดยมีมุมมองทั้งฝ่ายเหยื่อกับผู้กระทำครบถ้วน แต่เสียดายที่เรื่องในตอน 4-5 กลับเขวๆ ออกนอกทาง แล้วก็เบาลงทันทีจนทำให้สุดท้ายเรื่องราวไม่พีคเท่าที่ควร

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!