playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Gone for Good หาย ผลงานที่สอบตกมาตรฐานซีรีส์ชุด ฮาร์ลาน โคเบน ของ Netflix (ไม่สปอยล์)

Gone for Good หาย

สรุป

ผลงานที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ฮาร์ลาน โคเบน เรื่องอื่นในเน็ตฟลิกซ์มาก สำหรับแฟนโคเบนอยากดูเพื่อเก็บคอลเลคชั่นก็ดูได้ แต่ถ้าไม่ใช่แฟนโคเบนนี่ข้ามผ่านไปเลยดีกว่าครับ โดยเฉพาะคนที่คิดอยากลองดูผลงานของโคเบนเรื่องแรกนี่ห้ามดูเรื่องนี้โดยเด็ดขาด

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • หนึ่งในซีรีส์ชุดจากนิยาย ฮาร์ลาน โคเบน เจ้าพ่อคนหายที่ Netflix ซื้อมาหลายเรื่อง
  • เป็นลิมิเต็ดซีรีส์สั้นแค่ 5 ตอนจบ

Cons

  • ปมหลักเฉลยแล้วพื้นๆ มาก
  • การกระทำของตัวละครไม่สมเหตุผลหลายครั้ง
  • ตัดฉากสลับเล่าอดีตปัจจุบันแบบไม่เชื่อมโยงกันจนทำให้เรื่องไม่สมูธและชวนงงได้
  • นักแสดงขาดเสน่ห์ไม่น่าติดตาม
  • ตัวละครหลักบางตัวใส่ปมเล่าเรื่องมาแต่กลับไม่เกี่ยวข้องกับปมหลักของเรื่องเลย (ผิดจากแนวโคเบนเรื่องอื่นๆ ที่ทุกคนเกี่ยวข้องหมด)

Gone for Good (ชื่อไทย หาย) ลิมิเต็ดซีรีส์ Netflix 5 ตอนจบจากนิยาย ฮาร์ลาน โคเบน โดยทีมงานฝรั่งเศสเป็นผู้สร้าง กับเรื่องราวคนหายแบบเดิมๆ ก่อนติดตามสืบหาไปจนพบความจริงที่ซับซ้อนตามสไตล์ ฮาร์ลาน โคเบน

 Gone for Good (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Gone for Good หาย

อีกหนึ่งผลงานจากนิยายของ ฮาร์ลาน โคเบน  ฉายาเจ้าพ่อคนหาย ที่พึ่งมีซีรีส์เทพอย่าง The Innocent (ไม่รู้ ) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (แนะนำห้ามพลาดที่สุดของซีรีส์สืบสวน Netflix ขึ้นหิ้งเรื่องหนึ่งเลย) ซึ่ง Netflix ซื้อสิทธิ์มาสร้างนับสิบเรื่อง และก็พึ่งทะยอยตามๆ กันออกมา โดยแจกจ่ายให้ทีมสร้างหลายประเทศทำออกมา ซึ่งคราวก่อนคือทีมชื่อดังจากสเปน ตัวนิยายก็ยอดเยี่ยมมาก่อนด้วย ทำให้ซีรีส์ออกมาแทบจะเรียกว่ามาสเตอร์พีซเลยก็ได้ ซึ่งคนที่ติดตามดูโคเบนมาตลอดก็คงรู้สึกเหมือนกันว่าแล้วหลังจากนี้ จะมีเรื่องไหนในเน็ตฟลิกซ์ทำออกมาได้ในระดับนี้อีก ซึ่งบอกตรงๆ ว่าผลงานต่อจากนี้คงถูกคาดหวังอย่างหนักว่าจะใกล้เคียงหรือเทียบเท่าได้ก็หืดขึ้นคอแน่ๆ แม้จะสร้างมาจากนิยายมีชื่อของโคเบนด้วยกันก็ตามที และผลลัพธ์ในแง่ลบอย่างที่คิดก็แสดงผลออกมาจริงๆ กับเรื่องนี้ Gone for Good ที่กลายเป็นผลงานสอบตกมาตรฐานของซีรีส์ชุดนี้ไปในที่สุด

เนื้อเรื่องของ Gone for Good ก็ยังคงใช้สูตรสำเร็จเดิมๆ ของโคเบน เริ่มมาด้วยตัวเอก “กีโยม” ถูก “จูดิธ” แฟนทิ้งหายไปหลังเขาขอแต่งงานแบบเป็นปริศนาคาใจ ทำให้เขาต้องออกสืบหาแฟนสาวที่หายไปก่อนพบความลับบางอย่างที่ย้อนกลับยังเรื่องในอดีตที่แฟนสาวคนแรกของเขาตายในสระน้ำในบ้านของตัวเอง พร้อมกับพี่ชายถูกยิงตกหน้าผาตายจากคนร้ายปริศนา ซึ่งบอกตรงๆ ว่าสำหรับแฟนโคเบนอาจจะเริ่มเบื่อได้ที่เนื้อเรื่องยังเป็นสูตรสำเร็จเดิมๆ ไม่แตกต่าง แต่ก็ต้องบอกว่าถ้าตัวเรื่องมันทำได้ดี มีความลับซับซ้อนน่าสนใจ มีประเด็นในการเล่นที่ฉีกแตกต่างออกไป สูตรสำเร็จนี้มันก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ ดูได้จากผลงานที่ผ่านๆ มา แม้อาจจะมีบางเรื่องอย่าง Wood (พราง) ที่ดรอปลงไปบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นแย่อะไรนัก แต่เรื่องนี้กลับแย่กว่าตรงที่นอกจะซ้ำรอยเดิมๆ ที่เดาได้ หรือไม่ต้องเดาก็ได้เพราะคนดูรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายแนวเรื่องของโคเบนมันจะจบประมาณไหน ซึ่งส่วนใหญ่คนที่หายไปมักจะมีอดีตซุกซ่อนเยอะแยะ พอตามเจอก็กลายเป็นคนดี ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรออกไปเลย

นางเอกที่บทแสนจะจืดจางมากในเรื่อง

แต่สิ่งที่แย่กว่าการเดาได้จากสูตรการเดินเรื่องแบบเดิมๆ นั่นคือซีรีส์เรื่องนี้มีปมหลักที่อ่อนมาก แม้เรื่องราวจะพยายามวางให้ซับซ้อน แต่พอเฉลยแล้วแทบไม่รู้สึกว่าซับซ้อนอะไรเลย เป็นเรื่องที่มีความขัดแย้งทั่วไป ไม่ใช่ระดับของอาชญากรรมใหญ่โตหรือซับซ้อนอะไรมากแบบเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมาเลย แม้อาจจะมีการบิ้วความขัดแย้งในครอบครัวที่ดูรุนแรง แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกพีคอะไรเลยจริงๆ กับบทเฉลยของเรื่องนี้ คือมันเดาได้แบบง่ายๆ ว่าตอนจบพระเอกจะทำอะไรลงไปเพื่อปิดปมขัดแย้งนี้ และด้วยปมหลักที่อ่อนมากนี้เองจึงทำให้ตัวเรื่องต้องพยายามใส่นั่นนี่เข้ามายืดเวลาในการเดินเรื่องมากไป ทั้งๆ ที่ซีรีส์มีเพียงแค่ 5 ตอนจบที่สั้นสุดๆ ถ้าเทียบกับโคเบนเรื่องอื่นๆ ที่จบใน 8 ตอนมาตรฐาน แต่ขนาดที่ 5 ตอนเนื้อเรื่องก็ยังไม่กระชับ แถมยังเลือกเล่าตอนละ 1 ตัวละครแบบไม่จริง คือแค่แซมๆ ตัดสลับอดีตของตัวละครนั้นมาเท่านั้น ไม่ใช่การเล่าเรื่องเต็มๆ เข้มข้น ซึ่งระหว่างทางตั้งแต่แรกก็เล่าแบบตัดสลับอดีตปัจจุบันสลับตอนกันอยู่แล้ว โดยใช้ชื่อเมืองกับปีเป็นตัวบอกว่านี่คืออดีต จุดนี้ก็ทำออกมาไม่ดี เพราะไม่ได้มีความเชื่อมโยงอะไรกับปัจจุบันสักเท่าไหร่ นึกอยากจะตัดสลับก็ตัดแฟลชแบ็คไปๆ มาๆ จนบางทีดูแล้วชวนงงมากกว่าจะทำให้เข้าใจเรื่องด้วยซ้ำ จนทำให้มีปัญหาการเล่าเรื่องไม่สมูธเพิ่มมาอีก

อีกจุดที่สอบตกมาตรฐานคือการใส่ตัวละครมาของโคเบนมักจะสำคัญพัวพันกับปมอย่างไม่น่าเชื่อ แต่กับเรื่องนี้มีตัวละครหลักที่เป็นเพื่อนพระเอก “ดาโค” ใส่มาซัพพอร์ทด้านแอ็กชั่นสืบสวน มีการย้อนอดีตไปถึงตอนที่เขาเข้าไปคลุกคลีกับพวกนิยมฟาสซิสต์ ชอบความรุนแรง มีฉากย้อนอดีตกลับไปมากมายที่ดูแล้วบิ้วให้ชวนคิดว่าจะเกี่ยวข้องยังไงกับปมหลักที่แฟนพระเอกหายตัวไป แต่กลับว่างเปล่า ไม่มีความเกี่ยวข้อง เป็นตัวละครที่ใส่มาเสริมยืดเรื่องให้มีอะไรเล่ามากขึ้นเท่านั้น  แม้แต่น้องสาวของแฟนเก่าพระเอกที่ปูมาว่ามีความลับวัยเด็กซ่อนอยู่บ้าง แถมยังเห็นผีพี่สาวที่ตายไปมาหลอก หน้าตาก็ยังเหมือนกันเป๊ะ (เล่นโดยนักแสดงคนเดียวกัน) และยังแอบรักพระเอกมาตลอดตั้งแต่เด็ก ซึ่งใส่มาเหมือนเพิ่มปมรักสามเส้า แต่สุดท้ายบทก็แทบจะว่างเปล่าไม่มีอะไรในกอไผ่ไปอีกคน

ตัวนักแสดงเองก็มีปัญหา เป็นทีมนักแสดงที่ดูแล้วไม่ค่อยรู้สึกอินไปกับเรื่อง ดูขาดเสน่ห์ไม่น่าสนใจ ตั้งแต่พระเอกที่หน้าตาดูจืดๆ นิ่งๆ ไม่ค่อยมีอารมณ์อะไรเลยในเรื่อง จูดิธนางเอกก็มีบทน้อยนิดแถมจืดจางมากออกมาแค่ตอนท้ายๆ ตัวร้ายก็ใส่ชุดคลุมหัวดำดูเว่อร์ๆ แบบไม่เข้ากับเรื่องเลย แม้บทจะพยายามให้เห็นว่าเขามีอีกด้านที่แตกต่างจากนักฆ่า แต่เรื่องก็ไม่ได้ทำให้คนอินได้เลยกับส่วนนั้น และอาจจะเพราะเรื่องนี้แปลงเป็นฝรั่งเศสด้วยทำให้ชื่อคนชื่อต่างๆ ดูไม่ชินกับคนที่ดูภาษาอังกฤษเป็นหลัก ตัวละครหลายตัวชื่อจำยากพอสมควร อย่างตัวร้ายที่ชื่อ ออสแตร์แต็ก 

นี่ยังต้องบอกว่าเรื่องนี้มีบทแบบโง่ๆ หรืออิหยังวะเกิดขึ้นหลายครั้งด้วย อย่างแย่งปืนคนร้ายได้กลับโยนทิ้งวิ่งหนี ให้คนร้ายตามมาหยิบปืนไปไล่ยิงต่อ ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีในซีรีส์ของโคเบน เพราะปกติคือแทบไม่มีอะไรแบบนี้ แต่เรื่องนี้กลับมีทำนองนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง จนทำให้ดูเหมือนงานสร้างลวกๆ แบบไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ครับ

สุดท้ายสำหรับแฟนโคเบนถ้าอยากติดตามดูก็ดูได้ แต่อย่าคาดหวังว่าจะดีหรือได้มาตรฐาน เป็นการดูเก็บให้ครบๆ มากกว่า แต่สำหรับคนทั่วไปผมคงไม่แนะนำให้ดู ยิ่งถ้าไม่เคยดูผลงานของโคเบนมาก่อนนี่อาจจะกลายเป็นเฟลเอามากๆ จนพาลคิดว่าเรื่องอื่นๆ คงไม่ได้ดีตามไปด้วย (ซึ่งไม่ใช่)

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!