playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Grudge อาฆาต (Netflix) หนังสืบสวนย้อนรอยศีลธรรมบาปในใจ (ไม่สปอยล์)

Grudge

สรุป

นี่เป็นหนังกึ่งๆ สืบสวน แต่เล่นเรื่องปัญหาด้านศีลธรรมความดีของตัวละครในหน้าที่ตำรวจมากกว่าอย่างอื่น ซึ่งถ้าใครหวังฉากแอ็กชั่นยิงเปรี้ยงปร้าง หรือฉากไล่ล่าสืบสวนเข้มๆ ไม่ตอบโจทย์แน่นอนครับ

 

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • เรื่องราวชวนให้คิดถึงศีลธรรมของตัวเอกในเรื่องที่ดูสับสนไม่แน่ใจ
  • มีจุดหักมุมที่เข้าท่าพอสมควร
  • ตอนจบเฉลยเรื่องราวความจริงได้ดี

Cons

  • ความพยายามหลอกคนดูมากไปจนตอนเฉลยไม่เมคเซนส์ทำให้เชื่อตามนั้นได้

 

Grudge อาฆาต (ชื่อดั้งเดิม Kin) หนังแนวสืบสวน Original Netflix จากตุรกี เรื่องราวของนายตำรวจใหญ่มือสะอาดที่กำลังจะเลื่อนขั้นเป็นผู้กำกับ แต่แล้วชีวิตกลับพลิกผันกลายเป็นฆาตกรจำเป็น ทำให้เขาต้องเก็บซ่อนความลับนี้ไว้ ในขณะที่ลูกน้องก็กำลังสืบหาฆาตกรที่ฆ่าเหยื่อรายนั้นอยู่

 Grudge (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Grudge

หนังเรื่องนี้อาจจะรีเมคจากเกาหลี The Chronicles of Evil เพราะบทเหมือนกันหมด แต่ไม่เห็นเครดิตว่าซื้อมารีเมคครับ

นี่เป็นหนังตุรกีไม่ใช่หนังอินเดียนะอย่าเข้าใจผิดจากหน้าตานักแสดงที่ค่อนไปทางนั้น ซึ่งก็มีมาไม่บ่อยนัก โดยเรื่องราวมาในแนวสืบสวนหักมุมกับเรื่องราวที่พยายามให้คนดูไม่แน่ใจว่าตัวเอกเป็นคนดีหรือร้ายกันแน่

เนื้อเรื่องเริ่มจาก Harun ผู้กองที่ผลงานจับกุมดีเด่นจนได้รางวัลเกียรติยศจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเขากำลังถูกโปรโมทเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นผู้กำกับในเร็ววัน โดยหัวหน้าของเขากำชับว่าอย่าพยายามทำตัวเด่นให้เงียบๆ ค่อยๆ เป็นไปจะได้ตำแหน่งเอง ซึ่งโดยบุคลิกและชีวิตของ Harun เองก็มีภาพเป็นตำรวจน้ำดี มือสะอาด ลูกน้องรักทั้งทีม ทุกอย่างกรุยทางให้เขาไปสู่ตำแหน่งนี้ได้โดยชอบธรรม แต่แล้วเขากลับต้องมาเจอกับคนขับแท็กซี่ที่หลอกพาเขาไปฆ่า แต่เขาสู้กลับและพลาดแทงอีกฝ่ายจนตาย ด้วยความที่กลัวจะเป็นเรื่องราวใหญ่ก็เลยทำลายหลักฐานที่จะโยงมาหาเขาในที่เกิดเหตุไปหมด แล้วทิ้งศพไว้ที่เดิมก่อนกลับมาบ้านทำตัวเหมือนปกติ แต่แล้วเช้าวันต่อมาศพคนขับแท็กซี่นั้นกลับถูกนำมาห้อยบนเครนตึกตรงข้ามสำนักงานตำรวจที่เขาทำงานอยู่ กลายเป็นปริศนาคาใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับแน่ และเมื่อสำนักงานตำรวจถูกท้าทาย คดีนี้จึงกลายเป็นคดีใหญ่ที่ทุกคนถูกสั่งจากเบื้องบนให้รุมสืบปิดคดีให้ได้ นั่นทำให้ Harun ยิ่งตกที่นั่งลำบากหาทางออกเรื่องนี้ไม่ได้ พร้อมทั้งยังต้องหาทางไขปริศนาว่าใครกันแน่ที่คิดร้ายกับเขา

ตัวหนังมาในแนวสืบสวนย้อนกลับไปอดีตของตัวเอก ที่ตั้งใจทำให้คนดูรู้เลยว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนดีอย่างที่แสดงให้เห็นในตอนแรก ซึ่งการปูเรื่องกับนิสัยทุกอย่างชวนให้เราเชื่อได้พอสมควรว่าผู้กองอาจจะดี แต่มีอดีตที่ผิดพลาดบางอย่าง แล้วปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว แต่บาปกรรมนั้นยังตามกลับมาหลอนเขาในรูปของคดีฆาตกรรมดังเป็นข่าวไปทั่ว ซึ่งการที่ Harun ค่อยๆ เผยว่าเขาก็เป็นคนเห็นแก่ลาภยศคนหนึ่ง มันก็ชวนให้เราเข้าใจได้ว่าเรื่องราวมันคงจะไปเฉลยไคลแม็กซ์ที่เขากลายเป็นตัวร้ายแน่ๆ ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่แปลกใหม่เดาได้ แต่หนังก็ยังมีจุดที่ชวนให้ความเข้าใจนี้ลังเลอยู่ตลอดเรื่อง เมื่อผู้กองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้องตำรวจใหม่คนหนึ่ง ถึงขั้นมาเป็นพี่เลี้ยงพ่อทูนหัวให้ลูกชายคนเดียวของเขา

“ทูนจาย” คือตัวละครหลักอีกคนของเรื่องที่ใส่มาเป็นตัวสร้างความกังขาเรื่องความดีของผู้กองของเขา ในเรื่องเราจะได้เห็นสอนเขาหลายอย่างในแบบสนิทชิดเชื้อเหมือนพ่อลูกกันเลย ซึ่งความอ่อนโยนที่เขามีให้ทูนจายทำให้ยังรู้สึกว่าผู้กองก็อาจจะไม่ได้เลวอย่างที่ตัวเรื่องพยายามชวนให้คิดแบบนั้น และตัวทูนจายเองก็มีความสำคัญเมื่อเขาแอบรู้ว่าผู้กองคือฆาตกรที่ตำรวจทั้งกรมกำลังตามหา เขาเองก็แอบสืบเรื่องนี้ลับๆ เพื่อยืนยันว่าผู้กองผิดจริงหรือไม่ ก่อนที่เขาจะยื่นคำท้าทายทางศีลธรรมการเป็นตำรวจที่ดี เป็นคนพิทักษ์กฎหมาย สร้างความยุติธรรมให้เกิดในสังคมกลับไปยังตัวผู้กองที่สอนเขามาแบบนั้น ซึ่งนี่เป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องราวทั้งหมด

หนังมีตัวละครใหม่ปรากฎขึ้นมาในช่วงหลัง เป็นตัวละครที่ดึงให้เรื่องราวพลิกไปอีกทาง ก่อนที่จะเฉลยความลับสำคัญของเรื่องว่าใครคือคนวางแผนเรื่องราวศพที่ถูกห้อยบนเครนในตอนแรก แต่เรื่องราวยังไม่ได้จบลงตรงนั้นซะเดียว หนังมีช่วงปิดท้ายที่หักมุมจังๆ แล้วก็เฉลยเคลียร์เรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังทั้งหมดอีกที ซึ่งต้องบอกว่าแม้ตัวเรื่องตลอดอาจจะดำเนินไปแบบไม่ค่อยดีหรือสมเหตุผลมาก แต่กับบทเฉลยสุดท้ายของเรื่องทำออกมาได้ดีเกินคาดเลยทีเดียว ซึ่งความดีงามในตอนจบนี่แหละที่ช่วยดึงหนังเรื่องนี้ให้กลับมาได้ในที่สุด

ที่จริงตัวเรื่องก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควร นักแสดงหลักเล่นได้ดี มีช่วงที่พาให้เราอินเล็กๆ กับความสัมพันธ์ของสองคนนี้อยู่บ้าง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือการพยายามชี้นำคนดูให้เข้าใจตามที่หนังต้องการมากไป อธิบายง่ายๆ คือความพยายามตั้งใจหลอกคนดูจนเกินไปตลอดเรื่อง ซึ่งพอเรื่องเฉลยแล้วมีฉากย้อนกลับมาให้เห็นอีกด้าน มันเลยดูไม่เมคเซนส์ไม่น่าเชื่อถือตามในทันที เหมือนผู้กำกับคิดแค่อยากหลอกคนดูแต่กลับทำไม่เนียนเอง ทำให้ตัวหนังก็อาจจะพูดไม่ได้ว่าดีได้เต็มปาก แม้ตอนจบของเรื่องจะดีมากก็ตาม

ส่วนใครที่คาดหวังฉากแอ็กชั่นหรือฉากไล่ล่าฆาตกรอะไรมันส์ๆ แบบนี้ไม่มีครับ เพราะนี่เป็นหนังที่เล่นกับความผิดบาปของตัวละครหลักเท่านั้น

สรุปโดยรวมถือเป็นหนังที่พอดูได้ ไม่ขี้เหร่หรือแย่ถ้าเทียบกับหลายเรื่องของ Netflix แต่คนดูคงต้องดูจนจบถึงจะได้พบกับฉากจบแบบที่ช่วยทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้ดีขึ้นมาได้ครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!