playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Hellbound ทัณฑ์นรก บาปจากสวรรค์ งาน CG สุดเนี๊ยบ แต่กลับไม่อธิบายอะไรเลย (ไม่มีสปอยล์)

Hellbound ทัณฑ์นรก

สรุป

ซีรีส์แนวดราม่าทริลเลอร์ที่ใช้เรื่องราวเหนือธรรมชาติมาเป็นตัวขับเคลื่อนประเด็นปรัชญาดราม่า จำลองสังคมมนุษย์ที่ตกอยู่ในความกลัวสารจากพระเจ้าสุดโหด แอบคล้ายๆ เดธโน๊ตแต่โอเว่อร์มากกว่า ซึ่ง 3 ตอนแรกทำได้ดีมากทั้งการเดินเรื่องที่สดใหม่ ไต่ระดับความพีคจนถึงที่สุด แต่ 3 ตอนหลังจากนั้นกลับตาลปัตรเต็มไปด้วยความย่ำอยู่กับที่ในเรื่องเดิมๆ แถมยังไม่พยายามอธิบายจุดเหนือธรรมชาติในเรื่องเลยจนน่าผิดหวัง แต่ถ้าคิดว่ามาดู CG เนียนตาพร้อมความโหดเลือดสาด ก็เป็นอะไรที่โอเคอยู่เหมือนกันครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (3 votes)

Pros

  • ฉาก CG สัตว์ประหลาดทำออกมาได้ดีมาก พร้อมความโหดเลือดสาดกันตรงๆ
  • ชวนตั้งคำถามขบคิดเรื่อง เจตจำนงเสรีหรือการตีกรอบมนุษย์
  • สร้างมาจากเว็บตูนโดยผู้เขียนมากำกับเองด้วย
  • จำนวนตอนสั้นแค่ 6 ตอนจบ (แต่มีต่อ ss2)
  • มีเสียงพากย์ไทยที่ดีเลย

Cons

  • ไม่พยายามอธิบายเรื่องเหนือธรรมชาติในเรื่องเลยแม้แต่น้อย
  • ช่วง 3 ตอนหลังไม่สดใหม่วนเวียนกับเรื่องลัทธิอย่างเดียวจนน่าเบื่อ
  • สเกลเรื่องระดับโลก แต่โฟกัสวงแคบแค่ที่เกาหลีจนดูไม่สมเหตุผล

 

 

Hellbound ทัณฑ์นรก ซีรีส์เกาหลี Original Netflix แนวดราม่าทริลเลอร์ เรื่องราวของปรากฎการณ์ปริศนาสัตว์ประหลาดปรากฎกายขึ้นมาเข่นฆ่าผู้คนที่ถูกส่งสารทำนายไว้ว่าต้องตาย โดยมีกลุ่มลัทธิใหม่เชื่อมโยงว่านี่คือการแสดงโทษทัณฑ์สารจากพระเจ้าที่มาย้ำเตือนให้มนุษย์หยุดยั้งบาปที่ก่อในปัจจุบัน จนกลายเป็นความปั่นป่วนโกลาหลของสังคม

 Hellbound (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Hellbound ทัณฑ์นรก

ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากเว็บตูน โดยผู้เขียน ชเวกยูซอก กับ ยอนซังโฮ  ซึ่งรายหลังนี่ทำงานเป็นผู้กำกับภาพยนตร์มาก่อน โดยมีผลงานอย่าง Train to Busan (2016) Peninsula (2020) Psychokinesis (2018)  กับเขียนบทซีรีส์ The Cursed (2020) ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่มากำกับซีรีส์ด้วยตัวเอง และก็เป็นผลงานแรกของ Netflix ที่ผู้สร้างผู้เขียนจากเว็บตูนเป็นคนเดียวกันด้วย (ที่ผ่านมาคือซื้อมาดัดแปลง) ดังนั้นผลงานเรื่องนี้จึงถูกถ่ายทอดมาตรงกับต้นฉบับการ์ตูน 99% แทบไม่มีการเปลี่ยนอะไรไปมาก โดยดึงเรื่องราวมาทำ 2 ซีซั่นตามเว็บตูน แบ่งเป็น 3 ตอนแรกคือช่วงซีซั่น 1 ส่วน 3 ตอนหลังคือซีซั่น 2 แล้วก็ยังใช้ตัวซีรีส์จบแบบทิ้งท้ายไว้ต่อซีซั่นต่อไปด้วย ซึ่งตรงนี้ในเว็บตูนยังไม่มีผลงานออกมา ซึ่งถ้าใครอ่านเว็บตูนมาดูก็อาจจะไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกใหม่ ดังนั้นแนะนำว่าไม่ควรอ่านเว็บตูน แนะนำให้ดูซีรีส์ไปเลยครับ

เนื้อเรื่องเริ่มจากปรากฎการณ์ปริศนาสัตว์ประหลาดปรากฎกายขึ้นมาตามฆ่าชายคนหนึ่งกลางกรุงโซล และต่อมาก็กลายเป็นไวรัลกระจายไปทั่ว จนตำรวจต้องตั้งทีมเข้ามาสืบสวนปิดคดีนี้โดยเร็ว โดยมีสายสืบจินคยองฮุน (แสดงโดย Yang Ik-June) รับหน้าที่นำการสืบสวนครั้งนี้ ซึ่งเขาก็ตามรอยเบาะแสคดีนี้จากจองจินซู (แสดงโดย Yoo Ah-In)  ผู้ก่อตั้งกลุ่มลัทธิสัจธรรมใหม่ ที่เผยแพร่คำสอนเชื่อมโยงกับปรากฎการณ์ปริศนานี้ว่าเป็นสารจากพระเจ้าให้ผู้คนตระหนักในบาป ละเลิกการทำความผิด เพื่อให้โลกเข้าสู่ยุคใหม่ที่มนุษย์หมดสิ้นบาปอย่างแท้จริง

ซีรีส์เรื่องนี้มีคอนเซ็ปต์ไอเดียที่ถือว่าว้าวมากๆ แต่ถ้ามองดูคร่าวๆ ก็มีความคล้ายกับเรื่องราวของ เดธโน๊ต จากญี่ปุ่น หรือกันซึก็ด้วย ในประเด็นที่เกิดปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติที่ทำให้สังคมมนุษย์พลิกเปลี่ยนแปลงไป แล้วก็เชื่อมโยงไปถึงคำทำนายทางศาสนาเรื่องวันสิ้นโลกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจริงๆ ก็ไม่แปลกอะไรเพราะการหยิบยกเรื่องราวที่มีในศาสนามาใช้อ้างอิงก็ทำให้เรื่องราวดูน่าสนใจเหมือนเป็นการตีความวิพากย์ศาสนาจากมุมมองคนยุคปัจจุบันในไปในตัว ซึ่งไอเดียการกำเนิดปีศาจหรือสัตว์ประหลาดที่ไม่มีที่มาที่ไป อยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาฆ่าคนกลางเมือง ในยุคที่ทุกคนมีมือถืออัดคลิปถ่ายทอดสดได้ ก็ทำให้ประเด็นนี้ชวนติดตามมากว่า ถ้าเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นในโลกจริงๆ เรื่องราวจริงควรจะเป็นไปในทิศทางไหนอย่างไร ในแบบดราม่าทริลเลอร์ไม่ใช่แนวแอ็กชั่นแบบที่หลายคนอาจจะดูตัวอย่างแล้วเข้าใจผิดมา

ในเรื่องแม้จะมีการอ้างอิงว่าเกิดเรื่องแบบนี้มานานแล้วทั่วโลก แต่ผู้คนกลับไม่เชื่อ ก็เป็นการจำกัดความการเล่าเรื่องไว้ที่เกาหลีให้แคบหน่อย ไม่มีอเมริกาหรือประเทศใดๆ มาเกี่ยวข้องเลย แล้วใช้เส้นเรื่องลัทธิชี้นำผู้คนมาเกี่ยวข้องเป็นเมนหลักของเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งจุดนี้ 3 ตอนแรกทำได้น่าติดตามมาก เพราะเรื่องราวยังดูสดใหม่และน่าค้นหาคำตอบว่าเรื่องจะเดินไปในทางไหน โดยมีตัวละครอย่างสายสืบจินกับประธานจองจินซูเป็นคู่ปรับตามสืบไล่ล่ากัน โดยมีลูกสาวของสายสืบจิน ที่เล่นโดย Lee Re นักแสดงเด็กยอดฝีมือขวัญใจของใครหลายคน มาเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องราวในครั้งนี้ด้วย โดยเปลี่ยนจากลูกชายในเว็บตูนมาเป็นลูกสาว ซึ่งเนื้อเรื่องชวนให้คิดตั้งคำถามตลอดเวลากับคำพูดและความเชื่อของทั้งคู่ที่ตรงกันข้ามกันในเรื่องที่เกิดขึ้นและขอบเขตของพระเจ้าในมุมของแต่ละคน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าถ้ามีพระเจ้าจริงๆ การกระทำครั้งนี้คือพระประสงค์ต้องการสิ่งใด เป็นแนวปรัชญาชวนคิดว่าเจตจำนงเสรีหรือการตีกรอบการกระทำของมนุษย์ โดยใช้ความกลัวมาเป็นตัวกำหนด ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการถ่ายทอดสดเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้โลกพลิกโฉมไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งตัวเรื่องใน 3 ตอนแรกแทบจะไม่มีแผ่ว เป็นการเดินเรื่องที่สดใหม่ เข้มข้น ไต่ระดับความพีคขึ้นเรื่อยๆ นักแสดงตัวหลักก็เล่นได้ดีเข้ากับบทมาก แบบที่ถ้าให้เป็นคะแนนก็ต้องถึงเกือบเต็มได้แน่นอน ก่อนที่เรื่องราว 3 ตอนหลังค่อยๆ ลดระดับลงเรื่อยๆ เหมือนหมดมุกอ่อนแรงกันดื้อๆ

3 ตอนหลังเรื่องราวถูกยกมาจากซีซั่น 2 ของเว็บตูนตรงๆ แทบจะไม่มีการดัดแปลงเปลี่ยนอะไรไปเลย ซึ่งเรื่องราวในช่วงนี้เป็นการขยายโลกหลังลัทธิสัจธรรมใหม่ขึ้นมาเป็นผู้นำกำหนดบทบาททางสังคม มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ โดยมีกลุ่มหัวศรที่เป็นพวกหัวรุนแรงมาเป็นมือไม้ไล่ล่าคนเห็นต่าง ซึ่งเรื่องราวตัวเอกก็เปลี่ยนมาเป็นทนายสาวที่รับทำคดีในช่วง 3 ตอนแรก กับผู้กำกับแบยองแจ ที่ลูกพึ่งเกิดของเขาถูกคำทำนายไว้ว่าจะต้องตายในอีกไม่กี่วันมาเป็นประเด็นหลักของเรื่อง เป็นการย้อนกลับเรื่องราวในช่วง 3 ตอนแรกว่าทารกน้อยนี้ไม่มีบาป แต่ทำไมถึงต้องโทษทัณฑ์ตามแนวคำสอนของลัทธิสัจธรรมใหม่ได้ แต่ตัวเรื่องเมื่อขาดสองตัวละครหลักจาก 3 ตอนแรกก็เหมือนหมดพลังผลักดันเรื่องราวแนวปรัชญาไปเลย ทุกอย่างถูกนำเสนอออกมาแบบตื้นเขิน เรื่องราวแทบจะเป็นเส้นตรงเพียงแค่ตัวเอกกับตัวร้ายต่างแย่งทารกน้อยนี้เพื่อใช้สร้างประโยชน์แก่ฝ่ายตน แล้วก็ขมวดจบแนวพลังแห่งรักสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ ซึ่งตอนจบของเรื่องนี้เป็นอะไรที่ดูง่ายเกินไปเมื่อเทียบกับปรากฎการณ์สังคมโลกที่เปลี่ยนไปขนาดนั้น จนทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ แต่ก็พอหยวนๆ ให้เข้าใจได้

แม้โครงเรื่องจะดูสตรองมากในตอนแรก แต่เมื่อดูจบก็เห็นเลยว่าซีรีส์มีปัญหากับการใช้โครงเรื่องยิ่งใหญ่โอเว่อร์เกินตัว เพราะตัวเรื่องเหมือนกึ่งๆ หลอกคนดูให้เข้าใจว่าจะมีการเฉลยที่มาที่ไปของตัวประหลาดบ้าง แต่กลายเป็นว่าไม่มีเลย เหมือนผู้สร้างยังคิดไม่ตกว่าจะอธิบายเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างไรดี ก็เลยเลือกไม่แตะไปเลย มีแค่คำอธิบายว่าเหมือนเป็นภัยพิบัติแบบหนึ่ง (น้ำท่วม พายุ แผ่นดินไหว) ซึ่งออกแนวกำปั้นทุบดินมากเกินไป และก็ไม่ได้ตอบโจทย์คนที่หวังดูแนวแอ็กชั่นทริลเลอร์ด้วย เพราะในเรื่องแทบไม่มีแอ็กชั่นอะไรมาก ยกเว้นช่วงตัวประหลาดออกมาเท่านั้น ซึ่งแรกๆ ก็ดูว้าว แต่พอออกมาถี่ๆ ในช่วง 3 ตอนหลังก็กลายเป็นเฉยๆ ไปแทน เพราะตัวเรื่องก็ไม่คิดจะมีคำอธิบายอะไรเพิ่มเติมกับไอ้ 3 ตัวนี้ หรือเรื่องสารที่ส่งมาตอนแรกว่าต้องตกนรกด้วย แต่ก็ต้องวงเล็บไว้ว่าผู้สร้างอาจจะตั้งใจกั๊กพวกนี้ไว้ทั้งหมดเพื่อไปต่อในซีซั่นต่อไปก็ได้ แต่ก็ยังต้องตำหนิอยู่ดีที่ไม่มีการเล่าเรื่องอธิบายส่วนนี้เลยในซีซั่นนี้จนคนดูที่สนใจตรงนี้ต้องผิดหวังไปตามๆ กันแน่นอน

ส่วนจุดขายของเรื่องคือ CG สัตว์ประหลาดก็ทำออกมาได้ดีมากไม่มีหลุดหรือดูปลอม  มีความโหดร้ายน่ากลัวสุดๆ แค่อาจจะดูเหมือนการ์ตูนมากไปหน่อย แต่ทุกฉากที่อออกมาก็ยังน่าดึงดูด มีความโหดเลือดสาด 18+ ทุกครั้ง ซึ่งการฆ่าในเรื่องอาจจะดูคล้ายๆ กัน มีแพทเทิร์นที่จบลงด้วย 3 ตัวนี้เอามือฉายแสงไปที่เหยื่อจนไหม้เหลือแค่ซาก แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนี้ก็มีการซ้อมทรมานแตกต่างกันไป รวมๆ แล้ว CG สัตว์ประหลาดนี้คือตัวชูเรื่องที่หลายคนอาจจะเบื่อการเดินเรื่องก็ยังต้องดูต่อไปเพราะมีฉากพวกนี้ออกมาเป็นระยะๆ หล่อเลี้ยงไม่ให้เรื่องดูน่าเบื่อได้สำเร็จ

Hellbound
Hellbound

สรุปแล้วแม้ตัวเรื่องอาจจะมีส่วนที่ทำให้คนดูผิดหวังกับการไม่อธิบายอะไรเลยในเรื่องที่มาที่ไปของสัตว์ประหลาดกับเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่การที่ 3 ตอนแรกทำได้ดีมาก รวมถึง CG ที่เนียนตาชวนว้าวกับฉากโหดในเรื่องก็เป็นอะไรที่ยังชวนให้ดูกัน แม้ 3 ตอนหลังจะทำไม่ได้เท่าช่วงแรกก็ยังถือว่าเป็นซีรีส์ที่น่าสนใจชวนให้ดูได้อยู่ ซึ่งตัวเรื่องก็มาพร้อมพากย์ไทยที่โอเคเลยครับ

 

อ่านรีวิวซีรีส์เกาหลี Original Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!