playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Monster (Netflix) หนังไม่มีบทพูดที่ไอเดียเรื่องดี แต่บทชุ่ยมากทั้งเรื่อง (ไม่สปอยล์)

Monster

Summary

หนังอินโดนีเซียที่ขายไอเดีย “ไม่มีบทพูด” ในแนวระทึกขวัญที่ดูดี แต่บทชุ่ยแย่มากทำให้ตัวละครดูโง่กันทุกคนกับฉากไม่สมเหตุผลหลายครั้งซ้ำๆ ซึ่งน่าเสียดายมากกับไอเดียตั้งต้นที่ดีแล้วแท้ๆ แต่ถ้าผู้ชมดูแบบไม่คิดอะไรก็ยังพอสนุกไปกับฉากไล่ล่าหลบซ่อนในบ้านหลังเดียวนี้ได้อยู่ แล้วหนังก็สั้นมากแค่ 1 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นดูไปก็ไม่เสียเวลามากครับ

Overall
5.5/10
5.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • หนังระทึกขวัญขายไอเดียไม่มีบทพูด
  • ตัวละครเด็กสู้ผู้ใหญ่

 

Cons

  • บททำให้ตัวละครโง่ และไม่สมเหตุผลหลายอย่าง
  • เสียงดนตรีประกอบดังแทรกมาเยอะมากไป

 

 

Monster ปีศาจ หนังอินโดนีเซีย เรื่องราวของเด็ก 2 คนที่ถูกลักพาตัว พวกเขาต้องพยายามหนีจากคนร้ายสุดโหดในบ้านหลังนี้ให้ได้

รีวิว Monster ปีศาจ (ไม่สปอยล์)

หนังขายไอเดีย “ไม่มีบทพูด” ที่น่าสนใจ แม้ไอเดียนี้มันจะไม่ได้สดใหม่ อย่างปีก่อนก็มีหนังแอ็กชั่น Silent Night ไม่มีบทพูดเหมือนกัน เน้นแอ็กชั่นบันเทิงกันไปเลย หรือย้อนไปก็พวกหนังของ ชาร์ลี แชปลิน มิสเตอร์บีน ก็ไม่มีบทพูด แต่แนวตลกมันยังพอเข้าใจได้จากท่าทางต่างๆ ที่ตั้งใจสื่อสารให้คนดูขำแล้ววัดความสนุกกันที่ตรงนั้น 

แต่กับเรื่องนี้คือแนวทริลเลอร์สยองขวัญ แถมตัวเอกเป็นเด็กเล็กที่ต้องต่อสู้เอาตัวรอดจากคนร้ายสุดโหด หนังตั้งโจทย์ยากท้าทายมากตั้งแต่พล็อตนี้แล้ว แล้วยังเล่นท่ายากคือไม่มีบทพูดใดๆ ในเรื่องอีก ทั้งเรื่องมีเสียงพูดจากตัวละครคือเรียกชื่อนิดหน่อยเท่านั้น นอกนั้นคือเสียงเอฟเฟ็กต์กับดนตรีประกอบแนวระทึกขวัญ ซึ่งไอเดียไม่มีบทพูดนี้ก็ถือว่าเข้าท่าเมื่อนำมาใช้กับเรื่องราวการหลบซ่อนของเด็ก โดยมีคนร้ายคอยตามหาวนเวียนอยู่ในบ้านนี้ 90% เรียกว่าเป็นหนังขายฉากน้อยทุนต่ำไปพร้อมกันเลย ซึ่งไอเดียเหล่านี้พอนำมาประกอบกันถือว่าสดใหม่และก็มีทิศทางที่ดูแล้วดีมากทีเดียว แต่ว่าหนังกลับพลาดอย่างจังมากๆ กับบทที่เหลือเชื่อว่าผู้สร้างมองข้ามและทำมันออกมาได้ยังไงกัน

นี่เป็นหนังที่ไอเดียดี แต่บทชุ่ย งี่เง่า ขาดความสมจริง มีจุดให้เอ๊ะ ชวนให้ผู้ชมสงสัยตลอดเรื่อง ขนาดที่ว่าดูไปแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าเราเข้าใจผิดหรือเปล่าจนต้องกดย้อนดูฉากนั้นซ้ำ แล้วก็รู้ว่าเราไม่ได้เข้าใจผิด แต่หนังเลือกทำอะไรโง่ๆ ทั้งเด็กทั้งคนร้ายกันตลอดเรื่อง อย่างเช่นฉากเปิดเรื่องจับเด็กไปสองคน แต่ทิ้งเด็กหญิงตัวเอกไว้ไม่สนใจในรถ เพื่อให้เด็กคนนี้กลายเป็นตัวเอกที่พยายามช่วยเพื่อนแบบผู้ชมทุกคนก็ต้องงงว่าคนร้ายทำไมไม่สนใจเด็กคนนี้ ทั้งๆ ที่คนร้ายเองก็มีเป้าหมายว่าเอาเด็กมาทำอะไร มีธุรกิจชัดเจน ยังไงเด็กผู้หญิงหน้าตาสวยคนนี้มีค่ากว่าด้วยซ้ำ แต่หนังกลับเขียนบทให้รอดไปได้เลยแบบไม่ต้องมีเหตุผล แล้วก็ทำซ้ำแบบนี้หลายฉากมาก อย่างการเอาเด็กคนอื่นที่ตายไว้ใต้เตียงเพื่ออะไร? โทรศัพท์บ้านที่ไม่ได้ใช้ก็เอามาต่อสายใช้ได้เฉย มีไอโฟนกดพาสไม่ผ่านแต่กลับไม่สแกนหน้า ถ้าให้เรียงความโง่ของตัวละครในเรื่องนี้มีแทบจะทุกฉาก บวกกับความไม่สมเหตุผลจนถึงขั้นคนดูงงเพิ่มไปอีก โดยฉากพวกนี้ก็ทำมาเพื่อให้คนดูได้ลุ้น แต่ผลที่ได้เกือบจะตรงข้ามกันไปหมดครับ กลายเป็นหนังไม่ได้ระทึก แต่ชวนให้หงุดหงิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าครับ

 

นักแสดงในเรื่องหลักๆ มีแค่ 4 คน ซึ่งตัวนักแสดงน้องเด็กผู้หญิงก็เล่นได้ดี ทั้งสีหน้าแววตารวมกับหน้าตาสวยเด่น แม้บทจะทำให้เดี๋ยวเธอฉลาด เดี๋ยวงี่เง่าก็ตาม ส่วนเพื่อนของเธอมีบทสมทบภายหลังไม่ได้เด่นอะไร ตัวคนร้ายก็ดูน่ากลัวดี แม้บทคนร้ายชายจะสั้นมาก แล้วก็ตายแบบงี่เง่าแปลกๆ ส่วนตัวร้ายหญิงคือบอสของเรื่องที่ใช้ขวานไล่ฟันเด็กไปทั่วบ้าน ซึ่งบางฉากก็ชวนให้คิดถึง เดอะไชนิง โรงแรมผีนรก ที่ แจ็ค นิโคลสัน เล่นไปเลย แต่พอบทมันแย่ก็เลยไม่ได้น่ากลัวอะไรแบบนั้นสักนิด

สรุป หนังอินโดนีเซียที่ขายไอเดีย “ไม่มีบทพูด” ในแนวระทึกขวัญที่ดูดี แต่บทชุ่ยแย่มากทำให้ตัวละครดูโง่กันทุกคนกับฉากไม่สมเหตุผลหลายครั้งซ้ำๆ ซึ่งน่าเสียดายมากกับไอเดียตั้งต้นที่ดีแล้วแท้ๆ แต่ถ้าผู้ชมดูแบบไม่คิดอะไรก็ยังพอสนุกไปกับฉากไล่ล่าหลบซ่อนในบ้านหลังเดียวนี้ได้อยู่ แล้วหนังก็สั้นมากแค่ 1 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นดูไปก็ไม่เสียเวลามากครับ

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!