playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Raymond & Ray หนังดราม่าพื้นๆ ที่ได้ Ewan McGregor กับ Ethan Hawke มาช่วยพยุงไว้เท่านั้น (ไม่สปอยล์)

Raymond & Ray

Summary

หนังที่ได้ Ewan McGregor กับ Ethan Hawke มาแสดงนำ แต่บทการดำเนินเรื่องกลับจืดชืดมากๆ แม้จะวางแนวไว้เป็นดราม่าคอมเมดี้ แต่แทบไม่มีความตลกให้ได้หัวเราะ ทั้งเรื่องได้การแสดงของทั้งคู่ที่ดีพอมาช่วยลากให้ดูจนจบได้เท่านั้น

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • Ewan McGregor กับ Ethan Hawke มาแสดงนำ

Cons

  • เรื่องเนิบๆ บทธรรมดาพื้นๆ มาก
  • จุดเซอร์ไพรส์หักมุมของเรื่องไม่ได้ช่วยทำให้เรื่องดูดีขึ้นเท่าไหร่
  • มุกตลกไม่ตลก

Raymond & Ray  ภาพยตร์แนวดราม่าของ apple TV+ พี่น้องต่างมารดา Raymond และ Ray กลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อพ่อที่แยกกันอยู่ของพวกเขาเสียชีวิต และพบว่าความปรารถนาสุดท้ายของพ่อคือให้พวกเขาขุดหลุมฝังศพด้วยตัวเอง ซึ่งกลายมาเป็นช่วงเวลาที่เขาได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของพ่อ  Raymond & Ray (2022) on IMDb

รีวิว Raymond & Ray

หนังที่ได้ Ewan McGregor กับ Ethan Hawke กำกับโดยผู้กำกับค่อนข้างโนเนมสายซีรีส์ Rodrigo García ซึ่งก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าหนังทีได้ดารานำระดับนี้ 2 คน ถึงดำเนินเรื่องราวไปแบบจืดชืดมาก แม้จะวางแนวไว้เป็นดราม่าคอมเมดี้ แต่แทบไม่มีความตลกให้ได้หัวเราะแม้แต่หึๆ ก็ยังยากมาก ตัวเรื่องแทบทั้งหมดมุ่งไปที่การพยายามปกปิดความลับที่ตัวเรื่องคิดว่าสำคัญของตัวเอกกับพ่อของทั้งคู่เป็นหลัก ตัวเรื่องเดินเรื่องได้เนิบๆ ไปเรื่อยๆ ออกแนวหนังอินดี้ก็ว่าได้ ด้วยการแสดงของทั้งคู่สลับไปมากับเหตุการณที่พวกเขาได้ไปเจอคนที่ใกล้ชิดสนิทกับพ่อในช่วงที่เขาไม่อยู่ด้วย จากสาเหตุที่พ่อเลี้ยงดูพวกเขาไม่ดีจนบาดหมางใจกัน ตัวหนังพยายามทำให้เห็นว่าจริงๆ แล้วมุมมองที่พวกเขาทั้งคู่เห็นพ่อในแง่ร้ายๆ แต่กับคนอื่นพ่อกลายเป็นคนแสนดีอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนเป็นการเปิดมุมมองต่อพ่อในด้านที่พวกเขาไม่เคยรับรู้ ซึ่งตัวเรื่องก็ค่อยๆ ใส่เรื่องดีๆ เหล่านี้เข้ามาจนทำให้ผู้ชมก็คงคล้อยตามไปเหมือนกันว่าตัวละครนี้อาจจะไมไ่ด้เลวร้ายอย่างที่คิด ก่อนที่เรื่องจะเฉลยปมสำคัญที่กะไว้เซอร์ไพรส์ แต่ก็ได้แค่นิดๆ ไม่ได้ช่วยทำให้เรื่องพีคหรือหักมุมจนกลายเป็นดีอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งก็ถือว่าเป็นความน่าผิดหวังที่บทถูกเขียนมาได้แค่นี้แล้วให้ดาราระดับนี้มาเล่น แต่ถ้าผู้ชมเป็นแฟนติดตามนักแสดงทั้งคู่ ตัวเรื่องก็ถือว่ายังโอเคที่ได้เห็นการแสดงแบบดิบๆ เรียลๆ กับความรู้สึกตรงๆ ที่มีต่อพ่อแสนเลวร้าย ซึ่งอีธานฮอว์คเล่นเป็น เรย์ แฝดน้องผู้เก็บกดกับความรู้สึกกดทับที่พ่อสร้างไว้แต่เด็ก จนชีวิตตลอดมาถึงบัดนี้เขาเลยแทบไม่มีความสุขและเอาแต่โทษพ่อ เป็นตัวละครที่หัวร้อนกับเรื่องพ่อตลอดเวลา แต่ก็ยังมีเวลาโปรยเสน่ห์ใส่ผู้หญิงที่เขาพบเจอระหว่างทางตลอด ซึ่งตรงข้ามกับเรย์มอนที่ยวน แม็คเกรเกอร์เล่นเป็นหนุ่มที่มีปัญหากับพ่อเช่นกัน แต่เลือกแสดงออกในแบบให้อภัย พยายามทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายกับพ่อให้ดีตามพินัยกรรมที่วางไว้ให้มากที่สุด และเรื่องผู้หญิงเขาก็มีปัญหาจนเข็ดไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร ตัวเรื่องก็พยายามแทรกเรื่องรักมาให้ทั้งคู่นิดๆ ในระหว่างเหตุการณ์แค่วันเดียวของเรื่อง แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อเป็นเซอร์ไพรส์สุดท้ายของตัวละครว่าสิ่งที่เห็นแสดงออกมา ก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น ซึ่งทั้งเรื่องก็ได้ 2 คนนี้แบกไว้จริงๆ แม้บทที่ได้รับจะแทบไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่การแสดงของทั้งคู่ก็ดึงดูดให้ผู้ชมสนใจใคร่รู้จนจบได้ แม้จะออกเนือยๆ ตลอดทั้งเรื่องก็ตามที เรียกว่าเป็นหนังอินดี้ที่ดูเอาแค่ฆ่าเวลาพอได้ แต่ไม่ผ่านในแง่ความสนุก แม้จะได้ดาราดังสองคนมาช่วยไว้มากก็ตาม ผ่านได้ก็ผ่านเลยครับ

ติดตามอ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์ใน Apple TV+ คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!