playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Gryphon ซีรีส์เยอรมันที่กลิ่นอายคล้าย Stranger Things แต่โหดกว่า ดาร์คกว่า!

The Gryphon

Summary

ซีรีส์เยอรมันที่มีกลิ่นอายความเหมือน Stranger Things หลายอย่าง โดยเฉพาะการเล่นกับตัวละครเด็กวัยรุ่นในยุค 90 บรรยากาศย้อนยุคโหยหาอดีต เมืองเล็กๆ ที่ต้องเจอกับเรื่องเหนือธรรมชาติสยองขวัญ แต่เรื่องนี้ไปในแนวทางดาร์คแฟนตาซีเต็มตัว มีความดาร์คกว่า โหดกว่า และมีปมเรื่องจิตใจที่สำคัญกับเรื่องราว ทำได้หนักหน่วงกว่ามาก ตัวเรื่องจึงไม่ใช่แนวชิลๆ ค่อนข้างเครียดหดหู่ CG อยู่ในระดับซีรีส์ที่ดี งานเมคอัพทำได้ดีมาก โดยรวมเป็นซีรีส์นอกสายตาที่ดีเกินคาดของ Prime แนะนำเลยว่ามีโอกาสไม่ควรพลาดการรับชมดูครับ (มีแค่ 6 ตอนจบซีซั่น)

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • เรื่องราวแนวดาร์คแฟนตาซี
  • โลกแฟนตาซีมีรายละเอียดลึกมาก
  • ฉากโหดรุนแรงเยอะ
  • ทุกตัวละครมีรายละเอียดลึก
  •  ปมชีวิตวัยรุ่นทำออกมาดี
  • CG+เมคอัพอยู่ในระดับดี
  • เรื่องสั้น 6 ตอนจบ

Cons

  • การเดินเรื่อง ตัดฉาก ไม่ค่อยสมูธมาก

The Gryphon (Der Greif) ซีรีส์เยอรมัน 6 ตอน ของ Amazon Prime สร้างจากนิยายเบสเซลเลอร์แนวแฟนตาซี เรื่องราวของมาร์ค วัยรุ่นอายุ 16 ปีที่ได้รับมรดกลับจากครอบครัว และเข้าสู่การต่อสู้ที่เสี่ยงตายในโลกคู่ขนานของหอคอยทมิฬ เพื่อช่วยมนุษยชาติจากกรงเล็บของกริฟฟอน

Der Greif (2023) on IMDb

รีวิวซีรีส์ The Gryphon (Der Greif)

ในปี 1994 เมืองสมมุติที่ชื่อ “เครเฟลเดน” มาร์กวัยรุ่นอายุ 16 ปีได้รับมรดกเป็นบันทึกเก่าแก่ของตระกูล ที่นำเขาไปสู่โลกคู่ขนานที่ถูกเรียกว่าหอคอยทมิฬ มีกริฟฟอนเป็นผู้ปกครอง สัตว์ประหลาดที่กดขี่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดและปกครองด้วยความหวาดกลัว มาร์ครู้ว่าเขาเป็นคนเดียวที่สามารถเอาชนะมันได้ แต่เขาไม่เห็นว่าตัวเองเป็นฮีโร่และไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้นี้ เขามีปัญหาในโรงเรียน การแตกเนื้อหนุ่ม และรักแรกมาพอแล้ว แต่เมื่อโธมัส พี่ชายของมาร์ค  หายตัวไปในโลกหอคอยทมิฬ เขาจึงต้องไปตามหาพี่ชายกลับมา ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเขากลายเป็นคนบ้าที่เชื่อเรื่องเหล่านี้

ซีรีส์จากงานสร้างเยอรมัน ที่มีกลิ่นอายของ Stranger Things อยู่ไม่น้อย เริ่มจากกลุ่มตัวละครในเรื่องเป็นวัยรุ่นในยุค 90 มีความเรโทรโอลสคูลโหยหาอะไรเก่าๆ ในแบบเดียวกัน ซึ่งในเรื่องนี้พระเอกนางเอกชอบแผ่นเสียง ทั้งๆ ที่ยุคนั้นมี CD แล้วก็ตาม ในเรื่องยังมีการมิกซ์เทปรวมเพลงฮิต และใช้โซนี่วอล์คแมนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการผจญภัยในหลายๆ ครั้ง รวมถึงการนำเพลงฮิตในอดีตมาใช้เป็นดนตรีประกอบ และใช้ประวัติศาสตร์จริงของวงการดนตรีมาเกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องหลักด้วย อย่างกรณีการฆ่าตัวตายของนักร้องนำวง Nirvana เป็นต้น ซึ่งถ้าใครเป็นคอดนตรียุคนั้นก็คงถูกใจเรื่องนี้เป็นพิเศษแน่นอน แต่ถึงไม่ใช่คนยุคนั้นก็พอจะเข้าใจอารมณ์ของเรื่องแบบนี้ได้ไม่ต่างกับที่ Stranger Things นำมาใช้ และกลายเป็นซีรีส์ที่ถูกใจแฟนผู้ชมรุ่นใหม่จำนวนมากเช่นกัน

ส่วนที่เหมือนกันอีกอย่างคือโลกต่างมิติที่มีทางผ่านเป็นประตูมิติอยู่ที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ แต่โลกของเรื่องนี้ถูกใช้ชื่อว่า หอคอยทมิฬ (Black Tower) เป็นที่ๆ มีหอคอยยักษ์สูงเสียดฟ้า และมีปีศาจร้ายที่เป็นกริฟฟอนถูกจองจำอยู่ แต่มันก็มีลูกน้องที่ใช้บงการทำเรื่องต่างๆ ได้เช่นกัน และพยายามข้ามมิติมายึดโลกมนุษย์มาตลอด แต่สิ่งที่เรื่องนี้ต่างออกไปมากคือ มาในแนวดาร์คแฟนตาซีแบบเข้มข้นน่ากลัวมากกว่า  Stranger Things เยอะ ตัวละครในเรื่องถูกฆ่าตายแบบโหดๆ หลายครั้ง ทั้งยังไม่มีการปราณีตัวละครหลักด้วย คือถ้าเทียบเลเวลความโหดแล้วสูงกว่า Stranger Things ที่ไม่เคยฆ่าตัวละครไหนหรือทำให้บาดเจ็บพิการได้จริงๆ เลย รวมถึงฉากสยองขวัญหลอนๆ เรื่องนี้ทำได้ดีกว่ามาก บางฉากนี่ชวนแหวะแบบพวกหนังสัตว์ประหลาดสยองขวัญเลยด้วย

แม้จะมีความเหมือนหรือกลิ่นอายคล้ายกันอยู่พอสมควร แต่นี่ก็ไม่ใช่งานที่ลอกมาแน่นอน เพราะมันทำจากนิยายเก่าของเยอรมันปี 1989 แล้วก็การเดินเรื่องที่แปลกแตกต่างไปจากงานอเมริกาชัดเจน โดยเรื่องนี้ไม่ได้เดินไปตามสูตรสำเร็จแบบทั่วไปเลย ตัวละครในเรื่องไม่ได้มารวมตัวกันปราบปีศาจ แต่เป็นเรื่องราวชีวิตของแต่ละคนที่ต่างกันออกไป โดยที่เรื่องราวไม่ได้นำตัวละครเหล่านี้มาบรรจบกันตามสูตรด้วย แต่ทั้งหมดก็ยังอยู่ในเมืองเดียวกัน มีผลกระทบถึงกัน ซึ่งทำให้ทุกตัวละครมีการลงรายละเอียดลึก แทบทุกคนเหมือนเป็นตัวเอกที่แยกขาดจากกัน แม้เรื่องจะโฟกัสไปที่ “มาร์ค” ที่เดินเรื่องส่วนใหญ่อยู่ในโลกแฟนตาซี แต่ในโลกปกติตัวละครอื่นๆ ก็มีบทมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับส่วนแฟนตาซีเล็กๆ ที่เกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งทำให้เรื่องราวคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ช่วงแรกอาจจะดูเรียบๆ ธรรมดาเพราะเป็นช่วงปูเรื่องเข้าสู่โลกแฟนตาซี แต่ช่วง EP3 ไปเรื่องราวจะแปลกพิสดารมากขึ้นเรื่อยๆ มีจุดที่คาดไม่ถึงอยู่หลายครั้ง รวมถึงความโหดของเรื่องก็จะมากขึ้นตามลำดับด้วย

อีกส่วนที่เรื่องนี้แตกต่างมากก็คือ การเน้นเรื่องราวไปที่อาการป่วยทางจิตของตัวเอก ตัวเรื่องถูกเล่าเสมือนว่าตัวเอกมาร์คกับพี่ชายอาจจะเป็นผู้ป่วยจิตที่เชื่อในเรื่องแฟนตาซีนั้นไปเอง จากปมในอดีตที่เกิดขึ้นกับพ่อที่เชื่อเรื่องนี้มาก่อน ซีรีส์เน้นหนักไปที่อาการพวกนี้จนแทบจะเหมือนหนังอย่าง Pan’s Labyrinth ที่ตัวเอกเหมือนเห็นโลกแฟนตาซีอยู่คนเดียว ในเรื่องนี้ก็ถูกเล่าออกมาคล้ายกัน ทำให้ตัวละครอื่นๆ ในเรื่องมองตัวเอกมาร์คเหมือนคนบ้า แม้แต่แม่ที่เลี้ยงดูมาก็มองว่าลูกชายป่วยทางจิต ซึ่งจุดนี้ถูกนำมาเล่นเป็นประเด็นหลักได้อย่างน่าสนใจ 

 

เรื่องราวความรักในเรื่องก็ออกมาพอเหมาะกำลังดี เป็นเรื่องราวรักแรกพบ ความผิดหวัง รักสามเส้า เล่าเรื่องอุปสรรคความรักแบบไม่น้ำเน่ามาก ตัวละครเป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 16 ปีขึ้นไป แต่ก็ไม่มีฉากเกินเลยมากไปกว่าจูบ  

 

 CG ในเรื่องค่อนข้างดีในระดับซีรีส์ แต่ไม่ได้มีฉากพวกนี้มาก โลกแฟนตาซีในเรื่องก็เป็นป่ามืดๆ ซะส่วนใหญ่ ไปเน้นงานเมคอัพตัวละครคนแสดงให้เป็นปีศาจในแบบต่างๆ มากกว่า ซึ่งก็ทำออกมาเนียนมาก การขยับเคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติ

จุดด้อยของเรื่องหลักๆ เลยก็คงเป็นการเล่าเรื่องที่ไม่สมูธเท่าไหร่ เรื่องราวมักถูกเล่าออกมาห้วนๆ บางฉากก็ไม่รู้ว่ามีผลอะไรกับเรื่อง จนกว่าจะเฉลยอีกนานถึงเข้าใจ มีการตัดต่อลำดับเรื่องแปลกๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะนี่ไม่ใช่ซีรีส์แฟนตาซีอเมริกาแบบที่เคยชินกัน แต่ทั้งหมดที่ว่ามาก็ไม่ถึงกับแย่อะไรมาก เพียงแค่ดูแล้วไม่ลื่นไหลสนุกมาก ทั้งๆ ที่เนื้อหาของเรื่องลึกแล้วก็มีรายละเอียดที่ดีมาก

ตัวเรื่องจบแบบมีต่อ แต่ก็ไม่ถึงกับค้างคามาก แต่ทั้งหมด 6 ตอนเป็นแค่เรื่องราวผิวเผินของโลกแฟนตาซีในเรื่องที่ถูกวางไว้ลึกมากๆ จากที่ดูมีนิยาย 3 เล่มจบ แต่ซีรีส์นำมาดัดแปลงต่างออกไปเยอะ แต่ผลตอบรับถือว่าดีเลยจากคนอ่านนิยายมา รวมถึงคะแนนรีวิวจากทั้งผู้ชมกับสื่อด้วย เพียงแต่ความที่เป็นซีรีส์เยอรมันและ Prime ไม่ได้โปรโมทมากด้วย ก็ต้องมาลุ้นกันว่าจะได้ทำต่อจนจบไหม แต่ผู้เขียนเชียร์ให้ทำต่อให้จบมาก เพราะนี่เป็นซีรีส์ที่มีเรื่องราวแฟนตาซีที่แตกต่างหาได้ยากจากทั่วไปมากครับ   

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

Including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!