playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Lord of the Rings: The Rings of Power งานสร้างอลังการที่ยังช่วยให้คงอารมณ์ลอร์ดออฟเดอะริงไว้ได้อยู่ (รีวิวจบ 8 ตอน)

The Rings of Power

Summary

ซีรีส์ที่โปรดักชั่นอลังการงานสร้าง พิถีพิถันในรายละเอียดทุกจุด ร่วมกับ CG ที่สวยงามระดับภาพยนตร์ การดำเนินเรื่องจะสโลว์เบิร์นมาก แต่ก็ถือว่ายังคงอารมณ์ลอร์ดออฟเดอะริงไว้ได้อยู่ แม้ว่าจะมีการดัดแปลงแต่งเติมเข้าไปค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเปิดใจมองในภาพรวมก็เป็นซีรีส์ที่ดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวครับ แค่อาจจะยังไม่รู้สึกสุดทุกด้านเทียบเท่ากับทุนสร้างมหาศาลของเรื่องนี้แค่นั้นเอง 

 

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • โปรดักชั่นอลังการงานสร้างมากด้วยงบ 460 ล้านเหรียญ
  • CG งดงามระดับภาพยนตร์
  • ได้เห็นโลกมิดเดิลเอิร์ธส่วนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
  • นักแสดงสมบาทเล่นได้ดี
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ดัดแปลงเพิ่มเติมอะไรหลายอย่างเข้าไปจนเหมือนแฟนฟิคซึ่งจะมีทั้งคนที่รับได้กับรับไม่ได้
  • ดำเนินเรื่องแบบเนิบๆ ด้วยความยาวของแต่ละตอนชั่วโมงกว่า
  • ฉากแอ็กชั่นใหญ่มีแค่ตอน 6 กับ 8

 

The Lord of the Rings: The Rings of Power อภิมหาซีรีส์ทุนสร้าง 460 ล้านเหรียญสูงสุดในวงการจากค่าย Amazon Prime เป็นเรื่องราวยุคที่ 2 ที่แทรกอยู่ในนิยายลอร์ดออฟเดอะริงของโทลคีน แล้วทางผู้สร้างซื้อสิทธิ์นำมาดัดแปลงแต่งเรื่องราวเติมเข้าไป โดยเป็นเรื่องราวช่วงที่โลกดูเหมือนสงบสุขจากสงครามที่จัดการเจ้าแห่งความืดมอกอธลงได้ แต่มีแค่กาลาเดรียลเท่านั้นที่รู้สึกว่าเซารอนที่เป็นลูกสมุนคนสำคัญยังคงซ่อนตัวอยู่ และมีแผนการร้ายบางอย่างกับโลกมิดเดิลเอิร์ธ ซึ่งก็คือจุดกำเนิดของการสร้างแหวนครองพิภพในเวลาต่อมา

 The Lord of the Rings: The Rings of Power (2022) on IMDb

รีวิว The Rings of Power (ไม่มีสปอยล์)

ด้วยความที่ตัวซีรีส์ไม่ได้ทำมาจากนิยายที่มีเต็มๆ เป็นเล่มแบบ 2 ไตรภาคก่อน ดังนั้นจึงต้องมีการเติมเรื่องราวเข้าไปมาก และก็เพิ่มตัวละครใหม่จากแนวคิดของผู้สร้างลงไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีคนที่ทั้งชอบและไม่ชอบจนเกิดเป็นกระแสแอนตี้ต่อต้านเรื่องนี้มากมายอย่างที่คงได้เห็นกัน ซึ่งในรีวิวนี้ทางผู้เขียนจะไม่ได้ไปยุ่งกับประเด็นพวกนี้ เพราะเป็นเรื่องความคิดส่วนบุคคล แต่จะเขียนถึงความรู้สึกในการรับชมล้วนๆ เพียงอย่างเดียวครับ

แน่นอนว่าจุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คืองานโปรดักชั่น+CG ที่อลังการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือจุดขายของเรื่องนี้ที่ชวนให้ผู้ชมมาดูและติดตามมากกว่าอย่างอื่นใด ซึ่งงานสร้างลงรายละเอียดดีมากทุกอย่างทั้งภาพ แสง เสียงดนตรีประกอบ ถูกทำออกมาแบบพิถีพิถันมากจนดูสวยงามตระการตาไปทุกฉาก ทุก EP ไม่มีฉากไหนหลุดเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าฉากนั้นจะเป็นแค่ฉากเล็กๆ คั่นเวลาก็ตาม แล้วก็ยังช่วยเติมเต็มโลกของมิดเดิลเอิร์ธในส่วนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หรือส่วนที่ตอนดูภาพยนตร์อยู่ในสภาพพังทลายไปแล้ว แต่ในเรื่องนี้ทุกอย่างคือจุดกำเนิดที่ยังสวยงามไปหมด แต่บางอย่างก็อาจจะไม่ได้ทำตามต้นฉบับภาพยนต์ ซึ่งตรงนี้เป็นงานดีไซน์แนวคิดที่ต่างออกไปแค่นั้นครับ 

ในส่วนของการดำเนินเรื่องก็ยังพยายามทำอารมณ์ให้คล้ายไตรภาคภาพยนตร์ ซึ่งก็คือการดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ ไต่ระดับขึ้นบางครั้ง ด้วยฉากแอ็กชั่นสั้นๆ ก่อนจะไปพีคเอาช่วงท้ายเรื่อง แต่ด้วยความที่เป็นซีรีส์ตอนละ 1 ชั่วโมงนิดๆ ทุกตอน แล้วก็แบ่งเส้นเรื่องไปหลายกลุ่มเพื่อให้มาบรรจบกันภายหลัง ก็เลยทำให้ความยาวของการดูเรื่องนี้มากกว่าเวอร์ชั่นหนังมาก การที่เรื่องยังคงเนิบๆ ก็เลยกลายเป็นยืดยาวกว่าปกติเข้าไปอีก ฉากแอ็กชั่นอลังการก็ไม่ได้เยอะอะไรมาก มีฉากพีคใหญ่ๆ ที่ตอน 6 กับ ตอน 8 แค่นั้น ซึ่งแน่นอนว่าผู้ชมที่ไม่ชินกับการเดินเรื่องแนวนี้ก็คงรู้สึกอึดอัดไม่ชอบแน่ๆ ตัวผู้เขียนเองก็รู้สึกว่าเรื่องเน้นสโลว์เบิร์นมากไปหน่อยเหมือนกัน แต่ถ้าดูเพื่อดื่มด่ำกับรายละเอียดสวยงามของเรื่องก็ถือว่ายังมีส่วนดีที่ทดแทนความรู้สึกตรงนี้ไปได้ครับ

ในส่วนของตัวละครเรื่องนี้ก็ยังคงความเหมือนภาพยนตร์โดยมีฮาร์ฟุตที่มาเป็นเหมือนฮอบบิท คนแคระ เอลฟ์ที่ใช้กาลาเดรียลวัยห้าวๆ มาเป็นตัวเดินเรื่อง ร่วมกับเอลฟ์ป่าผิวสีที่เป็นตัวละครแต่งเพิ่มเข้ามาให้มีความรักกyบมนุษย์ ซึ่งประเด็นเรื่อง WOKE ส่วนตัวมองว่าถ้าไม่คิดมากนี่ก็เป็นตัวละครที่เพิ่มมาให้คนผิวสีได้มีโอกาสเข้ามามีบทบาทในตำนานนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรมาก เพราะไม่ใช่ตัวละครหลักของเรื่องด้วย มีบทบาทสำคัญแต่ก็แค่เสี้ยวหนึ่งของเรื่องราวเท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังมีเพิ่มตัวละครปริศนาเป็นชายสูงวัยตัวสูง ซึ่งเป็นความลับสำคัญของเรื่องให้คนคาดเดาว่าเขาคือใคร เซารอนหรือพ่อมดตนไหน ซึ่งในตอน 8 เรื่องราวตรงนี้จะเฉลยออกมาหมด และก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว

ตัวซีรีส์ถือว่ายังคงอารมณ์ลอร์ดออฟเดอะริงไว้ได้อยู่ แม้ว่าจะมีการดัดแปลงแต่งเติมเข้าไปค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเปิดใจมองในภาพรวมก็เป็นซีรีส์ที่ดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวครับ แค่อาจจะยังไม่รู้สึกสุดทุกด้านเทียบเท่ากับทุนสร้างมหาศาลของเรื่องนี้แค่นั้นเอง (ตอนนี้ถ่ายทำซีซั่น 2 กันไปเรียบร้อยแล้ว และตามแผนมีวางไว้ 5 ซีซั่นจบ)

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!