รีวิว The Privilege (Netflix) ยำแนวลึกลับสยองขวัญกึ่งผีกึ่งชีววิทยาจนดูเปะปะไปหมด

The Privilege เดอะพริวิเลจ หนังแนวทริลเลอร์ลึกลับสยองขวัญกึ่งผีกึ่งชีววิทยา จาก Netflix เยอรมัน ที่เล่าเรื่องราวของวัยรุ่นที่ค้นพบว่ามีเรื่องราวผิดปกติเหนือธรรมชาติเกิดขึ้นรอบตัว และสิ่งนี้นำเขาไปสู่ปมความลับในวัยเด็กที่หลอกหลอนเขามานาน

ตัวอย่าง The Privilege

เรื่องย่อ

ฟินน์ หนุ่มวัยรุ่นที่มีอดีตวัยเด็กเห็นพี่สาวบ้าพยายามลากเขาไปฆ่าตัวตายด้วยกัน เมื่อเติบโตมาเขาเลยต้องพึ่งยาระงับประสาทตลอด จนกระทั่งเขาเริ่มเห็นเรื่องราวลึกลับเหนือธรรมชาติเกิดขึ้นรอบตัว และพี่สาวคนรองที่อายุใกล้ครบ 18 ก็เริ่มมีอะไรผิดปกติแบบเดียวกับที่พี่สาวคนโตที่ตายไป ทำให้เขาต้องออกสืบหาความจริงที่เกิดขึ้นว่าเรื่องลึกลับเหล่านี้คืออะไรกันแน่

รีวิว (มีสปอยล์เนื้อหาบางส่วน)

หนังเรื่องนี้เป็นหลายแนวผสมๆ กันอย่าง ทริลเลอร์ สืบสวน ผี ไซไฟ ซึ่งส่วนผสมแต่ละอย่างก็เป็นสูตรสำเร็จที่มีทำมาก่อนแล้วทั้งนั้น แม้จะเป็นงานสร้างจากเยอรมันก็ไม่ได้รู้สึกว่าแปลกแตกต่างไปจากแนวทางของฮอลลีวู๊ดเลยแม้แต่น้อย เริ่มตั้งแต่โครงเรื่องลัทธิบูชาปีศาจที่ทำกันมาบ่อยๆ คือให้ผู้คนรอบตัวเอกแอบซ่อนความลับไว้ แล้วตัวเอกไปเห็นพวกพิธีกรรมต่างๆ แต่ก็โดนหาว่าบ้าเป็นภาพหลอนที่เขาคิดขึ้นมาเอง ซึ่งตัวเรื่องแม้จะพยายามหลอกคนดูนิดๆ ว่าตัวเอกอาจจะบ้าเองจากยาที่กินมาตลอดก็ได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญอะไร เพราะเรื่องก็ไม่ได้ปกปิดเลยว่าสิ่งที่ตัวเอกเห็นไม่ใช่อาการหลอน แค่นำเรื่องนี้มาเบี่ยงประเด็นนิดๆ ว่าสิ่งที่ตัวเอกเห็นคืออะไรกันแน่มากกว่า

พ้อยท์สำคัญของเรื่องคือ ตัวเอกมักเห็นปีศาจที่มาในรูปคล้ายมัจจุราชอยู่บ่อยๆ ทั้งในรูปลักษณ์ควันดำ คนสวมชุดคลุมหัว ซึ่งอธิบายไม่ได้ว่าทำไม นอกจากยาที่เขากินเข้าไปประจำตามที่หมอประจำตัวสั่งให้กิน ตัวบทเขียนเรื่องยาตัวนี้ผูกกับเชื้อราปรสิตมดที่มีจริง ซึ่งในเกม The Last of Us ก็นำมาใช้เปลี่ยนผู้คนในโลกหายนะให้เป็นอะไรที่คล้ายๆ ซอมบี้ ในเรื่องนี้ก็มีการปูในทำนองนี้ไว้เช่นกัน เป็นการนำแนวไซไฟชีววิทยาศาสตร์มาผูกรวมกับผีปีศาจให้ไปกันได้ ซึ่งก็เป็นไอเดียที่ใช้ได้อยู่แม้จะไม่แปลกใหม่อะไรนัก แต่ด้วยความที่คนเขียนบทตั้งใจทำหนังเรื่องนี้เป็นแค่จุดเริ่มปูเรื่องเพื่อทำภาคต่อ อะไรหลายๆ อย่างในเรื่องนี้จึงถูกอธิบายมาแบบคลุมๆ ไม่ชัดเจนนักว่า ยานี้ส่งผลกระทบอะไรแค่ไหน แล้วปีศาจที่เห็นคืออะไร มาจากไหน ซึ่งแม้เราจะพอโยงเรื่องได้ว่าน่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ในเรื่องจริงๆ ก็ถูกทำค้างไว้เพื่อไว้ทำภาคต่อแบบชัดเจนในตอนจบ ไม่ใช่แบบทิ้งท้ายตามสูตรหนังสยองขวัญปกติ

สิ่งที่ดูดีจริงๆ เป็นพวก CG ในเรื่องมากกว่า ซึ่งมีหลายฉากที่เรื่องต้องใช้ CG อย่างการเห็นปีศาจของตัวเอก ฉากปีศาจออกมาทั้งหลายในเรื่องนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีเลย แต่ก็ขาดความน่ากลัวแบบที่ควรจะเป็น ออกเป็นแนวปีศาจแบบกึ่งแฟนตาซีมากกว่า แต่ฉากที่ออกแนวสยองหน่อยจะเป็นฉากที่เกี่ยวกับการตายของตัวละครในเรื่องที่ต้องมีอะไรอยู่ในปาก และผ่ามันออกมา ซึ่งตัวหนังก็ทำให้คิดถึงพวกแนวเอเลี่ยนแฝงในตัวคนอะไรแบบนั้นเข้าไปอีก จนเหมือนตั้งใจเอาทุกแนวสยองขวัญมารวมกันในเรื่องเดียวให้ได้

ถึงตัวเรื่องจะเอาแบ็คกราวด์ในโรงเรียนมาใช้ แต่ก็ถูกนำมาใช้แค่หลวมๆ ไม่ได้มีประเด็นในโรงเรียนเข้มข้นอะไรอย่างที่ควรมี ทั้งเรื่องบูลลี่ก็ใส่มาแค่ผิวเผินว่าตัวเอกเป็นคนแปลกๆ ในโรงเรียนเลยโดนหัวโจกแกล้ง หรือการแอบรักสาวเพื่อนร่วมชั้นก็เบาหวิวไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ก็ยังพยายามให้มีฉากเลิฟซีนเข้ามาจนได้ แถมเป็นแนวสวิงกิ้ง 3 คนด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ใส่มาทำไมเพราะไม่ได้เข้ากับสถานการณ์ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเลย และก็ไม่ได้มีผลกับเรื่องราวต่อจากนั้นด้วย หรือถ้าจะดูนักแสดงวัยรุ่นสวยหล่อก็ไม่ได้มีดีอะไรขนาดนั้นด้วยเหมือนกัน

สรุป The Privilege สนุกและดีไหม?

ถึงตัวเรื่องจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่น่าสนใจเป็นพิเศษ แต่การเดินเรื่องก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื้อเรื่องเดินเร็ว ดูสนุกเอาพลินๆ ได้อยู่ แต่ยังไม่ถึงขั้นดีอะไรนัก

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่