playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Sympathizer (HBO) สายลับสองหน้าตีแผ่สงครามเวียดนามที่เลวร้ายไม่แพ้กันทั้งสองฝ่าย

The Sympathizer

Summary

ซีรีส์สายลับสองหน้าที่เล่าเรื่องผลกระทบของสงครามเวียดนามทั้งก่อนและหลังสงครามจบไปจนถึงคนเวียดนามหนีไปตั้งรกรากที่อเมริกาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยใช้การดำเนินเรื่องเป็นโทนดาร์คคอมเมดี้ทำให้เรื่องดูสนุกโลดโผน แต่ก็ซีเรียสจริงจังกับความโหดร้ายด้วย มีเทคนิคการเล่าเรื่องที่แปลกแหวกแนว ย้อนสลับเหตุการณ์ไปมาให้ต่อเนื่องเชื่อมกันได้แบบไม่งง นักแสดงเวียดนามเล่นได้ถึงมาก โดยใช้ภาษาเวียดนามสลับกับอังกฤษตลอดเรื่อง (เสียงอังกฤษมีพากย์ไทย) และยังมี  Robert Downey Jr. ที่รับเหมา 4 บทบาทแตกต่างกัน เป็นตัวคีย์คนสำคัญของเรื่องที่ซ่อนปมไว้ในตอนจบ นอกจากนี้ยังเป็นซีรีส์ค่าย A24 ที่ถ่ายทำในไทย โดยผู้กำกับเกาหลีชื่อดังจาก Oldboy ที่ใครเป็นแฟนผู้กำกับคนนี้ยิ่งต้องห้ามพลาดครับ 

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ผลกระทบของสงครามเวียดนามทั้งก่อนและหลังสงคราม
  • สายลับสองหน้าในโทนดาร์คอมเมดี้
  • Robert Downey Jr. เล่น 4 บทบาท
  • นักแสดงเวียดนามทุกคนเล่นดีมาก
  • ค่าย A24 กับผู้กำกับเกาหลี Park Chan-wook
  • มีพากย์ไทย (แทนเสียงอังกฤษเท่านั้น)

Cons

  • ตอน 7 ค่อนข้างรวบรัดจนทำให้บางอย่างไม่อธิบายออกมา มีฉากที่ต้องตีความเองเยอะด้วย
  • ฉากที่ Robert Downey Jr. เล่น 4 บทบาทพร้อมกันจะมีสับสนบ้าง

The Sympathizer ลิมิเต็ดซีรีส์ HBO 7 ตอนจบ มีพากย์ไทย เรื่องราวของชายหนุ่มเวียดนามที่เป็นสายลับสองหน้าในช่วงใกล้สิ้นสุดสงครามเวียดนาม ที่เขาต้องทนทุกข์กับการไม่รู้ว่าตัวเองคือใครกันแน่ระหว่างผู้รักชาติคอมมิวนิสต์หรือผู้รักเสรีแบบอเมริกา

The Sympathizer (2024) on IMDb

รีวิว The Sympathizer (ไม่สปอยล์)

ซีรีส์สายลับเวียดนามภายใต้งานสร้างของอเมริกา ค่าย A24 ถ่ายทำส่วนหนึ่งในไทย ในมือผู้กำกับชาวเกาหลี Park Chan-wook ซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานชื่อดังอย่าง Oldboy (2003) The Handmaiden (2016) และ Decision to Leave (2022) ซึ่งผลงานที่ไม่ธรรมดานี้ทำให้เขาได้รับการทาบทามมากำกับซีรีส์ดัดแปลงจากนิยายรางวัล Pulitzer Prize ในปี 2015 ของ Viet Thanh Nguyen อีกหนึ่งเหตุผลคือเกาหลีใต้กับเวียดนามเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์เหมือนอย่างการถูกต่างชาติครอบครอง ประเทศถูกแบ่งออกไป 2 ฝ่าย คอมมิวนิสต์ที่มีโซเวียตหนุนหลังกับประชาธิปไตยที่มีอเมริกาหนุนหลัง ซึ่งผลงานที่ออกมานี้ก็ดีงามและแตกต่างไปจากแนวสายลับเรื่องอื่นที่เคยมีมาทั้งหมดครับ

ซีรีส์เล่าเรื่องสายลับสองหน้าลูกครึ่งเวียดนามฝรั่งเศสในช่วงสงครามเวียดนามใกล้จบ โดยเขาเป็นคอมมิวนิสต์ที่รับใช้เวียดนามเหนือโดยทำงานให้เวียดนามใต้กับ CIA ที่ร่วมมือกัน ซึ่งเรื่องจะเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์เวียดนามค่อนข้างเยอะ โดยเป็นการเล่าเรื่องย้อนอดีตผ่านบันทึกที่ตัวเอกถูกจับหลังเวียดนามเหนือชนะยึดประเทศได้แล้ว และถูกบังคับให้เขียนมันขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นสายลับสองหน้าที่รับใช้เวียดนามเหนือจริงๆ 

 

ซีรีส์เล่าเรื่องประวัติศาสตร์กู้ชาติของเวียดนามที่ไกลตัวผู้ชมทั่วไปสักหน่อย เหตุเพราะส่วนใหญ่ที่เรารับรู้ก็คืออเมริกาแพ้สงครามและถอนทัพหนีไป แต่ก็ไม่ได้ลงลึกว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงนั้น เรื่องนี้ได้พาผู้ชมไปพบกับเหตุการณ์ทั้งก่อนและหลังจากนั้น โดยการเล่าผ่านเหตุการณ์ชีวิตตัวเอกที่เป็นลูกครึ่งในเวียดนามตั้งแต่เด็กว่าเขาต้องพบเจอกับอะไร โดยมีเพื่อนสนิท 2 คน บอนกับหมัน โดยบอนอยู่ฝ่ายเวียดนามใต้ตรงข้ามกับเขาและหมัน ซึ่งทั้งคู่ปกปิดฝ่ายไว้อย่างลับๆ เพื่อรอวันประกาศชัยชนะ แต่พอถึงวันที่เวียดนามเหนือชนะตัวเอกกลับถูกส่งไปอเมริกาต่อเพื่อทำหน้าที่สายลับสองหน้าคอยสืบเรื่องนายพลที่หนีไปและตั้งชุมชนเวียดนามขึ้นมาใหม่ โดยมีความหวังว่าจะกลับมาสู้ต่อได้สักวัน ซึ่งเรื่องนี้ก็จะเล่าประวัติศาสตร์ทั้งสองด้านระหว่างคนเวียดนามในอเมริกากับคนในเวียดนามทั้งก่อนกับหลังสงครามโดยใช้บริบทรอบด้านในช่วงเวลานั้นประกอบเรื่องให้ได้เข้าใจ ไม่ใช่เป็นการเล่าประวัติศาสตร์ออกมาตรงๆ อย่าง ประธานาธิบดีเวียดนามใต้หนีไปไหนผ่านบทสนทนาของนายพลที่กำลังหัวเสียที่โดนทิ้ง ทหารอเมริกาคิดและทำอะไรกับคนเวียดนามผ่านหนังที่อเมริกาสร้างภายหลัง CIA ช่วยคนเวียดนามพวกนี้ไว้ทำไมผ่านเกมการเมือง ซึ่งรายละเอียดพวกนี้คือการเล่าประกอบเรื่องให้ผู้ชมค่อยๆ ปะติดปะต่อเหตุการณ์ประวัติศาสตร์พวกนี้เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีเทคนิคการเล่าเรื่องย้อนกลับไปกลับมาให้ต่อกันได้ในที่สุด ซึ่งเข้าใจได้ไม่ยาก แต่อาจจะไม่เข้าใจได้ทันที แต่ถ้าอ่านมาก่อนหรือตามอ่านภายหลังก็จะช่วยทำให้เข้าใจเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีและสนุกขึ้นมากจริงๆ ครับ 

แต่ทั้งนี้ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า นี่เป็นนิยายที่แต่งขึ้นมาจากจินตนาการ ดังนั้นเหตุการณ์สายลับสองหน้าในเรื่องก็ไม่ได้มีเค้าโครงจากเรื่องจริง แต่ใช้การอ้างอิงถึงเหตุการณ์จริงมาเป็นฐานการเล่าเรื่อง ซีรีส์จึงเลือกทำมันออกมาในแนวดาร์คคอมเมดี้ เหตุการณ์สายลับต่างๆ ไม่ได้กดดันเคร่งเครียด มีหลุดเล่นมุกแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็จริงจังกับสิ่งที่กำลังเล่าถึง ยกตัวอย่างเช่น การฆ่าตัวตายของเชลยเวียดนามในมือ CIA ด้วยไข่ต้มที่เขาร้องขอมากินเอง การตรวจสอบว่าทหารเวียดนามแกล้งตายโดยการกดนิ้วไปที่ลูกตา ซึ่งอะไรเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องจริงและถูกเปลี่ยนมาเป็นฉากมุกตลกดาร์คคอมเมดี้ที่ขำไม่ออก เพราะมันค่อนข้างเลวร้ายในความรู้สึกจริงๆ แล้วก็เป็นการเล่าถึงความเลวร้ายของทั้งสองฝ่ายที่กระทำต่อกัน โดยที่ตัวเอกอยู่ตรงกลางของทั้งสองฝ่าย แม้เขาจะสู้เพื่อคอมมิวนิสต์ แต่พอเรื่องดำเนินไปทำให้เขาได้เห็นว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เขาเชื่อว่าถ้าปลดแอกประเทศได้ก็ไม่ได้เป็นแบบที่คิด หรืออเมริกาเองที่มีเสรีภาพก็มีเรื่องที่เลวร้ายฝังอยู่มากมายเช่นกัน โดยเฉพาะการทำงานภายใต้ CIA ที่เขาได้เห็นภาพความเลวร้ายมากมายแต่ต้องทนเก็บมันไว้

ซีรีส์เล่าเรื่องด้วยนักแสดง Hoa Xuande ชาวออสเตรเลียเชื้อสายเวียดนาม ซึ่งเล่นได้ดีมีเสน่ห์แบบลูกครึ่งและดูเหมือนสายลับที่สับสนกับภารกิจนี้จริงๆ แต่จุดเด่นของเรื่องนี้คือการแสดงของ Robert Downey Jr. ที่รับเหมา 4 บทบาท บทบาทหลักคือ CIA ที่ชื่อคล้อด ที่คอยสั่งงานและสอนตัวเอกเรื่องอเมริกากับงานสายลับอยู่เสมอ (คนนี้จะปรากฏตัวทุกตอน) โปรเฟสเซอร์ Hammer อาจารย์เก่าของตัวเอกที่อเมริกาและเป็นเกย์ที่ชื่นชอบวัฒนธรรมเอเชีย นักการเมืองที่กำลังลงเลือกตั้งในเขตที่มีชุมชนเวียดนามและกำลังหาประโยชน์จากเรื่องนี้ในช่วงที่คนอเมริกากำลังสนใจ และคนสุดท้ายก็เป็นผู้กำกับหนังที่สร้างเรื่องทหารอเมริกาติดในหมู่บ้านเวียดนามและทำเลวร้ายกับชาวบ้าน ซึ่งบททั้ง 4 คนนี้มีเล่นในฉากเดียวกันด้วย ผู้ชมที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ หน่อยจากหน้าตาที่เกือบเหมือนกัน หลักๆ ต่างกันแค่ทรงผมกับรูปร่างที่เมคอัพและวิธีการพูดที่ต่างกันไป ซึ่งการที่ให้เขาเล่นทั้ง 4 บทบาทนี้มีเหตุผลสำคัญที่ซ่อนไว้ในตอนสุดท้ายของเรื่องด้วยครับ

 

ด้วยความที่เรื่องเล่น 2 วัฒนธรรมคู่กันไป ทำให้ตัวละครในเรื่องส่วนใหญ่ก็ต้องพูดทั้งอังกฤษกับเวียดนามสลับกันไปมา (ทาง HBO มีพากย์ไทยให้เวลาตัวละครพูดอังกฤษ) ซึ่งจุดนี้ทำให้เรื่องดูสมจริงขึ้นมาก และยังมีพวกมุกสำนวนภาษาอังกฤษที่คนเวียดนามไม่มี หรือกลับกันที่คนเวียดนามเข้าใจฝ่ายเดียวอีกด้วยครับ

ตัวเรื่องสนุกและมีสีสันตลอดเวลา แต่จุดที่เรื่องนี้อาจจะพลาดหน่อยก็คือตอน 7 ที่เรื่องต้องจบแล้ว หลายฉากถูกเล่าแบบรวบรัดจนทำให้ไม่ค่อยเข้าใจการกระทำบางอย่าง และต้องตีความหลายอย่างในตอนจบ รวมถึงฉากจบที่เล่าย้อนกลับไปต่อกับตอนแรก EP1 ที่ผู้ชมอาจจะงงว่ามันเกี่ยวข้องยังไง เพราะเรื่องในตอนแรกถูกนำเสนอไปอีกแบบต่างออกไป โดยมีปมการเล่าเรื่องของตัวเอกที่ถูกทดสอบอย่างหนักว่าเป็นสายลับฝ่ายไหนกันแน่มาเป็นบทสรุปจบของเรื่องนี้ครับ ซึ่งเรื่องหาทางจบได้ดีโดยแสดงให้เห็นความจริงของสงครามที่สุดท้ายฝ่ายไหนก็ไม่ต่างกัน 

 

สรุปเป็นซีรีส์สายลับสองหน้าที่เล่าเรื่องผลกระทบของสงครามเวียดนามทั้งก่อนและหลังสงครามจบไปจนถึงคนเวียดนามหนีไปตั้งรกรากที่อเมริกาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยใช้การดำเนินเรื่องเป็นโทนดาร์คคอมเมดี้ทำให้เรื่องดูสนุกโลดโผน แต่ก็ซีเรียสจริงจังกับความโหดร้ายด้วย มีเทคนิคการเล่าเรื่องที่แปลกแหวกแนว ย้อนสลับเหตุการณ์ไปมาให้ต่อเนื่องเชื่อมกันได้แบบไม่งง นักแสดงเวียดนามเล่นได้ถึงมาก โดยใช้ภาษาเวียดนามสลับกับอังกฤษตลอดเรื่อง (เสียงอังกฤษมีพากย์ไทย) และยังมี  Robert Downey Jr. ที่รับเหมา 4 บทบาทแตกต่างกัน เป็นตัวคีย์คนสำคัญของเรื่องที่ซ่อนปมไว้ในตอนจบ นอกจากนี้ยังเป็นซีรีส์ค่าย A24 ที่ถ่ายทำในไทย โดยผู้กำกับเกาหลีชื่อดังจาก Oldboy ที่ใครเป็นแฟนผู้กำกับคนนี้ยิ่งต้องห้ามพลาดครับ 

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์เรื่องอื่นของ HBO คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!